“พี่เตย หนูเป็นผู้ชาย!!”
“แกเป็นเนื้องอก สายตาฉันไม่ผิดหรอก ฉันสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่แผ่ออกมาจากพุงแก” ฉันว่าก่อนจะหยิบตะเกียบเหล็กขึ้นมาสองอันแล้วทำท่าเหมือนกำลังจับสัญญาณแล้วสั่นมันรัวๆ “เห็นมั้ยตะเกียบสั่น มันคือเนื้องอก”
“หนูอ้วนโว้ย!!”
“งั้นยิ่งแล้วใหญ่เลย แกรู้มั้ยการที่แกอ้วนมันเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้แกเสี่ยงกับมะเร็ง ความดัน เบาหวาน ข้อเข่าเสื่อม โรคตับ นิ่วในถุงน้ำดี นิ่วในไต โรคหลอดเลือดสมอง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคไขมันในเลือดสูง... ตรวจไขมันในเลือดรึยัง แกบีเอ็มไอเท่าไหร่ เคยวัดมั้ย?”
“ไม่ง่ะ”
“ไปวัดสิ! แกจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวไม่ได้นะ ฉันมีน้องชายคนเดียว ไปกัน วันนี้ ฉันจะพาแกไปโรงพยาบาลเอง”
“แหม ร่ายมาซะเยอะ หาข้ออ้างไปหาหมอก็บอกหนูมาสิ” อีตั้วยิ้มอย่างรู้ทัน
“ต๊ายยยย ใช่เลย ลูกตั้ว แม่กลัวหนูเป็นความดันเหมือนย่าตุ่มจังเลย หนูต้องไปตรวจนะ ไปๆๆๆๆ” แม่ชะงักไปสามวิก่อนจะตามมุขฉันทัน นางรีบสนับสนุนแล้วหันไปมองพ่อ “พ่อก็ด้วยนะ เนี่ย สูบบุหรี่เยอะแบบนี้ต้องไปตรวจปอด ปอดเป็นอะไรมั้ย ดำแค่ไหน ไม่ได้นะ ต้องเช็คสุขภาพ”
“โถ แม่นี่ก็อีกคน” อีตั้วบุ้ยบ้าย ปกติแม่ฉันจะเข้าข้างมันทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี้
“แหม ลูกตั้ว แม่ก็กลัวพี่เตยขึ้นคานเนาะ แก่ไปไม่มีผัวละนั่งถูกระได แม่ก็สงสารลูกแม่”
ดูแม่ฉันพูดเข้าเซ่ นี่ฉันลูกนะ! หาว่าฉันจะนั่งถูกระไดได้ไงเนี่ย สองแง่สามง่ามสุด ฉันไม่ทำอย่างนั้นหรอก ถ้าฉันขึ้นคานฉันก็ซื้อกินเอาก็ได้ เดี๋ยวนี้หาผู้ชายออนไลน์ได้ในหลายราคานะ!
“ไม่ต้องกลัวหรอกแม่ ถ้าลูกเตยหาใครไม่ได้ ยังมีเจ้าปักเป้า ลูกนายพันบ้านโป่งน่ะ จำได้มั้ย รายนั้นก็ยังไม่มีแฟน เราก็เข้าทางผู้ใหญ่ ให้ผูกข้อไม้ข้อมือกันได้” พ่อฉันว่าแล้ววางแผนการเป็นอย่างดี ฉันถึงกับชะงักพร้อมไรขนอ่อนลุกซู่เหมือนกำลังดูคนอวดผีเพราะไอ้เจ้าปักเป้าที่พ่อว่ามันคืออีผู้ชายฟันเหยินที่ฉันเคยเล่นกับมันสมัยสิบขวบ เพื่อนสมัยเด็กที่ตีกันตั้งแต่อ้อนแต่อกและฉันจำได้ดีว่าอีปักเป้ามันน่าหวาดผวาแค่ไหน เวลาไม่พอใจอะไรมันก็ขู่จะเอาฟันเฉาะหัวฉันให้แตก หน้าตาก็ไม่ได้ดีเด่แต่นิสัยชั่วร้าย เป็นบุคคลต้องห้ามที่ไม่ควรเอ่ยถึงพอๆ กับวอเดอะมอล์ในเรื่องแฮรี่พ็อตเตอร์ ขืนให้ฉันแต่งงานกับอีปักเป้าอะไรนี่ ฉันขอถูกระไดคลายเหงาจนแปดสิบยังรู้สึกดีกว่า!
“โอ๊ย พ่อ ไม่เอาหรอก หนูน่ะเกิดมาเพื่อเป็นของคุณหมอนะ จะไปแต่งงานกับคนอื่นได้ไง!” ฉันว่าพลางนึกถึงหน้าตาน่ารักของหมอแล้วก็เกิดการเปรียบเทียบระหว่างคุณหมอผู้หล่อเหลาและอีปักเป้าที่ฉันจำหน้ามันไม่ได้แต่จำฟันหน้ามันได้
“ไหน พ่อจะไปดูหน้าลูกเขยสิ๊ ว่าหล่อและดีแค่ไหน ต้องแต่งตัวอย่างไง เค้าห้ามให้อาหารรึเปล่า”
“พ่อ นั่นลูกเขยไม่ใช่ลูกลิง” ฉันจิ๊จ๊ะใส่นางที่ทำตัวเหมือนจะไปเที่ยวชมลิงในสวนสัตว์ แม่ฉันวี๊ดว้ายแล้วม้วนตัวประหนึ่งว่าหมอเป็นผัวตัวเอง
“ดีมากเลยพ่อ หน้านี่ใส๊ ใส ขาว หล่อ ออร่ามากเลยนะ ฉลาดอีก”
“แล้วเค้าจะเอาพี่เตยเหรอแม่” อีตั้วปากเปราะนั่นแทรกขึ้นมา
“แหม ก็ต้องลองสิลูก เราต้องช่วยกันเพื่ออนาคตของพี่เตย ตั้วไปเปลี่ยนเสื้อหล่อๆ นะลูก เดี๋ยวแม่จะเอาขนมไปฝากหมอสักหน่อย มีของติดไม้ติดมือให้หมอประทับใจ” แม่ฉันว่าแล้วรีบกุลีกุจอวิ่งไปหาขนมมาใส่ถุงทรงสี่เหลี่ยมให้ดูดีที่สุดเพื่อจะส่งให้คุณหมอเป็นน้ำใจ ฉันคิดว่าถ้าแม่สามารถจัดกระเช้าได้แม่คงทำ ส่วนพ่อก็ยืนขำขัน ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
“แต่พ่อไม่ได้ไปนะ ให้ตั้วไปก่อน แล้วมารายงานพ่อด้วย” พ่อหัวเราะ
ขณะที่บ้านฉันกำลังเม้าส์มอยเรื่องคุณหมอและเรื่องผู้ชายของฉัน จู่ๆ ไลน์ฉันก็เด้งดังติ๊ง เพราะฉันไม่ค่อยเล่นไลน์ ส่วนใหญ่จะสิงเฟส เวลาฉันคุยไลน์ ฉันจะเอาไว้ใช้คุยกับพ่อแม่ อีตั้วและกรุ๊ปครอบครัวเท่านั้น การที่ทุกคนที่บ้านอยู่กันพร้อมหน้า ไม่มีใครแตะโทรศัพท์แสดงว่าคนที่ไลน์มานั้น...
Means’ Med19 : ร้านเตยเปิดกี่โมงเหรอคะ
หมอมีนนนนนนนนนนนนนนนนน!
พรึ่บ!!
ใจฉันเต้นแรงไม่เป็นส่ำ หน้าดำหน้าแดง ก่อนจะยกมือสองข้างแล้ววิ่งวนไปรอบบ้าน กรี๊ดๆๆ ใส่เสาแล้วก็วิ่งกลับมาที่เดิมอีกรอบจนคนอื่นงง
จู่ๆ สิ่งรอบข้างฉันก็ดีงาม ต้นไม้หน้าบ้านช่างสวย ท้องฟ้าก็งาม น้ำก็ใส ไฟบนเตาช่างโชติช่วง มะม่วงเน่าก็ยังหอม อะไรๆ ก็ดีเลิศไปหมด ขนาดมดเดินยังดูเก๋ไก๋ในสายตาฉัน ที่ทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้ก็เพียงเพราะ... หมอทักฉัน หมอทักฉันโว้ยยยยย!
“พี่เตย เป็นอะไร ผีเข้าเหรอ?” อีตั้วทำหน้าเหรอหรา ฉันหันไปก่อนจะยกมือถือขึ้นมาโชว์ต่อหน้าทุกคนด้วยการหมุนรอบวง 180 องศา
“หมอมีนทักมา!! อ๊าย หมอต้องมีใจแน่เลยแม่!” ฉันวี๊ดดดด
“ลูกเขยทักมา!! ตายแล้ว เตรียมการ์ดแต่งงาน!” แม่หวีดตาม
“พ่อโทรไปจองห้องจัดงานก่อน!!” พ่อก็เอากับเค้าด้วย ทุกคนโวยวายยกเว้นอีตั้วที่ยืนกลอกตาแล้วขัดอารมณ์ฉันได้อย่างเลวทรามที่สุด
“เพ้อเจ้อไรเนี่ย เค้าแค่ทักถามเฉยๆ หมอเค้าหิวข้าวแค่นั้นเอง”
“เอ๊ะ อีตั้ว! หมอเค้าอยากเจอฉันหรอก แกนี่นะ ไม่มีจินตนาการเอาซะเลย” ฉันเท้าสะเอวจับมือถือแน่นแล้วชี้นิ้วเข้าที่หน้ามันที่บังอาจทำให้งานมโนของฉันจบลง
“พี่เตยจินตนาการมากไปมั้ยหึ๊ ละวี๊ดว้ายอยู่นั่น ไม่ตอบหมอเหรอ?”
“ตอบสิ แต่ฉันต้องเล่นตัวก่อนสักห้านาทีเดี๋ยวดูง่ายน่ะ เข้าใจมั้ย?”
“เล่นตัวตอนนี้ทันเหรอ พี่เตย จากที่แม่เล่า หมอเขาน่าจะรู้ยันไส้พี่เตยแล้วนะ” อีตั้วหัวเราะ ฉันเบะปากใส่มัน คนอย่างมันน่ะไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่ามารยาหญิงหรอก เชอะ! แต่ฉันก็ไม่กล้าจะรอนานมาก เพราะฉันรู้ว่าหมอไม่ค่อยว่าง ประมาณหนึ่งนาทีฉันก็ตอบ
Toey’WWW : เปิดแล้วค่า คุณหมอจะแวะมาทานข้าวเหรอคะ
Means’ Med19 : ใช่ค่ะ กะว่าจะทานก่อนแล้วค่อยไปที่โรงพยาบาล
“แม่ หมอจะมาทานข้าวบ้านเรา!” ฉันหันขวับแล้วแม่ก็วิ่งไปหยิบผ้าปูโต๊ะและปูดังพรึ่บ ส่วนฉันวิ่งไปหยิบแจกันดอกไม้และหยิบดอกไม้ใส่วางไว้กลางโต๊ะ
“โอ๊ย แม่ลูกคู่นี้นี่เว่อร์จริงๆ” พ่อฉันหัวเราะแล้วส่ายหัวทำท่าจะหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้าน ฉันไหวไหล่ไม่แคร์ แหม ก็ผู้ชายดีๆ เข้ามาในชีวิตฉันทั้งที ต้องทำทุกทางเพื่อจับให้มั่นสิ!
“ละนั่นพ่อจะไปไหน พ่อจะไปนอนเหรอ นึกว่าจะรอดูหน้าหมอของพี่เตยซะอีก” อีตั้วย่นคิ้วนิดนึง ฉันมองหน้ามันก็รู้แล้วว่ามันต้องการเตียงแค่ไหน แต่ที่มันแหกตาอยู่ถึงตอนนี้เพราะอยากจะสาระแนเรื่องคุณหมอของฉัน (เน้นว่าของฉัน อิ_อิ) พ่อฉันจิ๊จ๊ะแล้วหันมาโบกไม้โบกมือพร้อมสายตากรุ้มกริ่ม
“เปล่า พ่อไม่ได้จะไปนอน พ่อจะไปเปลี่ยนเป็นชุดกำนันแล้วติดอินทรธนูออกมาเจอลูกเขยสักหน่อยน่ะสิ”