“ยังไงนะ” หมอย่นคิ้วเล็กน้อยไม่เข้าใจสิ่งที่ฉันจะสื่อ ฉันยิ้มหน้าบานจนเป็นจานทรูก่อนจะเบี่ยงสายตาไปทางอื่นด้วยความขวยเขิน แหม ทำไมหมอต้องซื่อด้วย
“ก็หมอเป็นหมอนี่คะ หมอก็ต้องรักษาคนไข้สิคะ”
“หมายถึงจะให้ทำกิ๊ฟให้เหรอคะ?”
“ไม่คะ เตยชอบวิธีธรรมชาติ” ฉันยิ้มกว้างมากจนตาตี่ หมอนิ่งไปเล็กน้อยเหมือนไม่แน่ใจในคำพูดของฉันนัก และฉันไม่สนว่าหมอจะคิดยังไง เพราะฉันอยากได้อ่ะ ไหนๆ เขาก็เป็นผู้ชายที่ได้เห็นพื้นที่สงวนของฉันแล้วนี่
“หมายถึง...”
“หมอไม่ต้องเกรงใจหรอกค่ะ เตยสะดวกค่ะ รบกวนคุณหมอด้วยนะคะ”
“ที่จริงก้อนซีสต์มันก็ยังไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย เดี๋ยวหมอจะสั่งยาให้คนไข้ลองกลับไปทานก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวนัดมาเจอกันใหม่อีกทีเนอะ” หมอเปลี่ยนประเด็นด้วยสีหน้าเรียบนิ่งราวกับนางสตรองและชินชากับการถูกจีบแล้ว แต่ด้วยความที่ฉันทำอะไรต้องทำให้สุด ฉันก็เลยยืนยันคำเดิม
“เตยไม่ชอบยาเลยค่ะ เตยชอบหมอมากกว่า”
“เดี๋ยวหมอจะบอกวิธีทานคร่าวๆ นะคะ”
“อยากมีคนป้อนยาทุกเวลาที่ต้องทานจังเลยค่ะ”
“คนไข้ไม่ได้เป็นง่อยนะคะ” เจ๊พยาบาลแทรกขึ้นมาทำตาขวางเหมือนเคืองที่ฉันแอ๊วหมอไม่เลิก
“อยากเปลี่ยนสถานะจากคนไข้เป็นคนรักจังเลยค่ะ” ฉันว่าแล้วส่งสายตาให้คุณหมอและกัดริมฝีปากเล็กน้อยเพื่อความเซ็กซี่ ฉันไม่สนว่าอีเจ๊พยาบาลจะแพล่มอะไรเรื่องฉัน เพราะนี่คือสงครามความรักระหว่างฉันกับคุณหมอ และพอฉันหยอดหมอมากเข้า หมอก็ทำหน้าไปไม่ถูก ฉันเลยกลับลำเพื่อให้การสนทนาเป็นไปตามปกติ “แหม เตยก็พูดไปเรื่อยแหละค่ะ เห็นหมอน่ารักก็เลยแซวเล่น จริงๆ เตยไม่ได้เป็นคนอย่างนั้นหรอกนะคะ”
“แหม นี่เรียกแซวเหรอคะคนไข้ ถ้าเอาจริงคงตีหัวคุณหมอไปแล้วมั้งเนี่ย” อีเจ๊พยาบาลอดไม่ได้ที่จะแขวะฉันพร้อมสายตาไม่เชื่อนัก ฉันไหวไหล่และยิ้มให้คุณหมอ
“บ้านเตยขายอาหารอยู่ข้างโรงพยาบาลนี่เองค่ะ ร้านขุนศึกตระกูล ‘ต’ คุณหมอเคยไปทานมั้ยคะ” ฉันว่าก่อนจะเปรยถึงกิจการที่บ้านเพื่ออัญเชิญคุณหมอมาให้ฉันเต๊าะถึงที่
“ยังไม่เคยเลยค่ะ พอดีหมอเพิ่งจะย้ายมาที่นี่”
“แหม พลาดมากเลยนะคะ ที่จริงเตยเป็นลูกสาวเจ้าของร้านเองล่ะค่ะ” ฉันว่าก่อนจะยกมือขึ้นมาจับผมไปทัดหูอีกครั้งด้วยความเอียงอาย ส่งสายตาวาววับให้คุณหมอเป็นการส่งท้าย ไหนๆ ฉันก็ตรวจเสร็จแล้ว และฉันก็คงจะต้องออกจากห้องตรวจไปจ่ายเงินรับยาอะไรให้เรียบร้อย ฉันก็ขอจากแบบสวยๆ สักนิด
“ยังไงถ้ามีโอกาสแวะมาที่ร้านเตย อย่าลืมทักทายแม่เตยด้วยนะคะ เผื่อแม่เตยจะอยากเห็นหน้าลูกเขยน่ะค่ะ”
“แม่ หมอเขาดีมาก เขาหล่อมาก เขาสมควรจะมาเป็นลูกเขยของแม่” ฉันกลับบ้านมาดีดดิ้นใส่แม่ที่กำลังนั่งกรุ้มกริ่มปริ่มเปรมกับละครที่เจมส์จิเล่นอยู่ เธอเป็นคุณนายที่ขายอาหารอยู่ข้างโรงพยาบาลที่ค่อนข้างจะใหญ่และดัง ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพ ทำให้บุคคลากรแทบจะทั้งโรงพยาบาลแวะเวียนมาเป็นลูกค้าประจำอยู่ตลอด
“ทุบหัวเลยมั้ยลูก แม่ช่วย” แม่ฉันหันขวับมาสนับสนุนทันทีที่ได้ยินว่าฉันชอบคุณหมอคนใหม่ที่เพิ่งจะย้ายมาประจำที่โรงพยาบาล ด้วยความที่อายุอานามฉันก็ย่างเข้าวัยยี่สิบสอง ครองโสดมาตั้งแต่เกิด จากที่ตอนแรกพ่อห่วงและหวง พอกาลเวลาเริ่มผ่านเลยไปเข้าสู่วัยชรา พ่อก็เริ่มจะยัดเยียดผู้ชายให้ฉันแทน
“จะดีเหรอแม่”
“หรือเราจะทำคุณไสยดี คุณหมอไม่น่าหลงผิดมาชอบพี่เตย”
“โหย ทำไมแม่พูดงี้” ฉันย่นจมูกก่อนจะถอนหายใจยาวๆ เพราะมันก็จริงอย่างที่แม่พูด ฉันหยอดไปตั้งหลายมุก หมอก็นิ่งเฉยและตีสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนเห็นฉันเป็นแค่แมลงหวี่แมลงวันที่บินผ่านสายตาเขาเฉยๆ
ไม่เป็นไร เขาว่าด้านได้ อายอด ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น ถ้าฉันจีบวนไป ยังไงหมอก็ต้องตกหลุมรักฉันบ้างแหละ
“เตยว่านะ จริงๆ แล้วหมอเขาก็ต้องเคลิ้มบ้างแหละ เขาคะขากับเตยด้วยนะ”
“นั่นไง หมอเขาต้องมีใจแน่”
“ใช่มะ ละอีกอย่างวันนี้เตยไปตรวจภายใน หมอเขาก็เป็นคนตรวจให้เตยด้วย”
“จริงเหรอ แม่ไปตรวจกับหมอบ้างดีมั้ย?”
“เดี๋ยวๆ”
“แม่ก็พูดเฉ๊ยเฉยยยย”
แม่เบี่ยงสายตาไปทางอื่นแล้วอมยิ้ม ทำเอาฉันตีแขนเจ๊แกเรียกสติ เห็นแม่แล้วฉันก็รู้เลยว่ากรรมพันธ์สันดานของฉันสืบทอดมาจากใคร
“ให้มันจริงน่า” ในขณะที่ฉันกำลังเม้าส์มอยฝอยเรื่องความหล่อลากกระชากใจ หางตาของฉันก็สะดุดกับร่างสูงของใครบางคนเดินเข้ามาในร้านและตาฉันก็โตขึ้นทุกทีที่เขาขยับเท้ามาทางพวกเรา...
หมะ หมอมีนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน!
ว้าย เขาต้องแอบติดใจฉันแน่ถึงได้เดินมาถึงที่นี่ ดีจัง ไม่เสียแรงเปล่า อ่อยไปตั้งเยอะ ฉันควรได้อะไรกลับมาบ้าง ฉันรีบหันไปกระทุ้งข้อศอกใส่แม่และกระซิบกระซาบกับเธอทันที
“แม่ คนนี้ไง เตยชอบคนนี้”
“ไหน ลูกไหน” แม่ฉันหันรีหันขวางก่อนที่สายตาจะปะทะกับคุณหมอที่เดินมาในชุดเสื้อเชิ้ต เขาถอดเสื้อกาวน์ออกแล้วและเดินยิ้มมาแต่ไกล รัศมีความเปล่งปลั่งส่องสะท้อนเข้าสู่เรตินาของตาแม่ มือข้างนึงของนางก็ยกขึ้นมากุมอกด้วยความสะพรึงกับความแซ่บแต่ไกลของหมอ “เขาดีมากพี่เตย เขาดีมาก”
“คุณหมอสวัสดีค่า รับอะไรดีคะ” ฉันรีบเสนอหน้าเข้าไปหาคุณหมอทันที พอฉันมายืนใกล้ๆ คุณหมอ ฉันก็รู้สึกได้เลยว่าคุณหมอตัวสูงมาก สูงราวๆ ร้อยแปดสิบกว่าเพราะว่าหัวฉันอยู่ต่ำกว่าไหล่คุณหมออีก
“มีอะไรแนะนำบ้างมั้ยคะ?” เขายิ้มหวาน
“แนะนำแม่ค้าเลยค่ะ อร่อยสุด”
พูดจบฉันก็ยืนพ้อยเท้าและส่งสายตาวิ้งค์ๆ ให้คุณหมอ คนตัวสูงยิ้มเล็กๆ แต่ก็ยังคงความนิ่งไว้อยู่
“คุณป้า สวัสดีครับ” หมอมองข้ามความวอนนาบีของฉันแล้วหันไปไหว้แม่ของฉันแทน ฉันก็เลยยืนแอ็กสวยเก้อเอาเถอะ ฉันยังหยอดได้อีกมาก หมอจะหลบเลี่ยงฉันไปได้อีกสักแค่ไหนกันเชียว แม่ฉันมองคุณหมอตาค้างก่อนจะสะดุ้งเล็กๆ เมื่อเรียกสติได้แล้วตอบหมอกลับไปพร้อมเสียงหวานๆ หวานที่สุดในชีวิตตลอดห้าสิบปีของเธอ
“โอ๊ย ไม่ต้องเรียกป้าหรอกค่าคุณหมอ เรามันคนกันเอง... เรียกแม่ก็ได้จ้า”