Chapter 4
รักสนุกแต่ไม่ผูกพัน
“อะไรนะ!”
อติเทพถึงกับพ่นน้ำกลับเข้าไปในแก้ว เมื่อได้ฟังสิ่งที่เพื่อนเล่าให้ฟัง เขาตกใจไม่น้อยเมื่อได้รู้ว่าเพื่อนหนีไปเที่ยวบาร์โฮสเพียงลำพัง แล้วเกิดพลาดมีสัมพันธ์กับผู้ชายที่รู้จักกันชั่วคืน
“ฉัน…ฉันมึนไปหมดแล้ว ฉันจะทำยังไงดีอั๊ต”
“นังบ้า ทำไมโง่แบบนี้ ฉันจะด่าแกยังไงดีวะเนี่ย เฮ้อ”
“มันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ ฉันอยากประชดฮันให้เขาหึงหวง ฉันเสียใจมากก็เลยไปที่นั่น ไม่คิดว่าจะให้มันลงเอยแบบนี้”
“ฉันขอบอกไว้เลยนะว่าถ้าคนมันหมดใจ ต่อให้แกวิ่งออกไปให้รถชนมันก็จะไม่ห้าม ดีไม่ดีมันนั่งสมน้ำหน้าอยู่บ้านเสียด้วยซ้ำ”
“…..”
“ถ้าฉันไม่แนะนำ ก็คงไม่เกิดเรื่องสินะ”
อติเทพนึกโทษตัวเอง ที่ทำให้เพื่อนต้องกลายเป็นแบบนี้ จากที่หวังดีกลายเป็นว่าเขาทำร้ายเพื่อนเสียเอง
มาราลินนั่งนิ่งสมองอื้ออึงไปด้วยความสับสน หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ เมื่อภาพสัมพันธ์รักร้อนแรงเมื่อคืนฉายขึ้นมาในหัวสมองอีกครั้ง
‘อืม…อ๊า…’
มือเล็กกำเข้าหากันจนแน่นเมื่อเสียงครางกระเส่าดังก้องอยู่ในหัว ภาพในจิตใต้สำนึกเขากำลังออกแรงขยับโยกลงมาบนร่างเธออย่างเอาเป็นเอาตาย ความกระสันในสัมผัสจากชายแปลกหน้าที่มาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้มีอารมณ์ร่วมไปกับเขาได้อย่างง่ายดาย
‘อ๊า…’
เสียงของเธอ
‘อา…’
เสียงของเขา
‘อื๊อ…โอววว…’
เสียงของเธอ…เสียงของเขา…เสียงของเธอและเสียงของเขาผสานกันดังลั่นห้องวีไอพีที่เปลี่ยนเป็นสนามรักชั่วคราว เสียงหลอกหลอนมาพร้อมภาพผู้ชายร่างกายเปลือยเปล่าที่กำลังกระแทกกระทั้นเพื่อไปให้ถึงฝั่งฝันจนเส้นทางรักร้อนเร่า เสียงลมหายใจกระเส่าของเขายังคงติดอยู่ข้างใบหู รสสัมผัสจากปลายลิ้นร้อนสากที่ละเลงตะโบมจูบไปทั่วร่าง มันยังคงติดตราตรึงอยู่ในใจ แม้จะใช้น้ำชะล้างสัมผัสแสนเร่าร้อนนั้นออกไป และพยายามสลัดความอัปยศครั้งนี้ไปจากห้วงความคิด แต่ก็ไม่อาจทำให้เธอลืมมันได้ในชั่วข้ามคืน
“รัก…”
“…..”
“รัก….”
“…..”
“รัก ได้ยินฉันมั้ย!”
มาลารินสะดุ้งโหยงเมื่อถูกเขย่าแรงๆ ก่อนจะละล่ำละลักออกมา “ห๊ะ! อะไร เรียกฉันเหรอ”
“เออ เห็นนั่งเหม่อแล้วกัดปากตัวเอง อย่าบอกนะว่าแกติดใจผู้ชายเมื่อคืน”
“จะบ้าเหรอ!”
มาลารินหน้าแดงซ่านขึ้นมาทันที ไม่แน่ใจว่าเพราะเพื่อนพูดแทงใจดำ หรือเพราะยังคงอับอายกับภาพที่เพิ่งลอยผ่านหน้ามาเมื่อครู่กันแน่
“แล้วไป”
หญิงสาวเสมองไปทางอื่น เมื่อเพื่อนกำลังจับผิดตนทางสายตา
“อย่ามองฉันแบบนั้น ฉันนี่นะที่จะติดใจผู้ชายกลางคืน มันก็ไม่ต่างจากการที่เขาขายตัวเลย แกว่ามั้ย”
“ก็ดีแล้วที่คิดแบบนั้น เพราะถ้าแกติดใจขึ้นมาคราวนี้ล่ะเป็นเรื่องแน่ ถ้าไปเจอคนปากดีๆ เงินมีเท่าไหร่ก็ประเคนให้เขาหมด ถูกตอดจนหมดตัวละกัน แล้วจะหาว่าฉันไม่เตือน”
“อืม ขอบใจ แต่ฉันคงไม่ไปแล้วล่ะ ฉันเข็ดแล้ว”
อติเทพคว้ามือเพื่อนมากอบกุม เขารับรู้ได้ถึงความทุกข์มากมายที่สุมอยู่ในใจ มันฉายออกมาทางแววตา
“เอาใหม่นะเพื่อน ลุกขึ้นมาใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยสอง
ขาของตัวเองอย่าให้ใครมันมาเตะจนล้มอีก เราจะต้องทำตัวให้ผู้ชายพรรค์นั้นมันเสียดายเราให้ได้ ให้มันได้คิดว่ามันเลือกเดินทางผิด แต่แกจะต้องฝืนยืนแล้วเดินก้าวแรกให้ได้ก่อน โอเคมั้ย”
“อืม ฉันจะพยายาม”
“ฉันขอโทษ ที่ลากแกมาลงเหว ขอโทษจริงๆ”
“ไม่เป็นไร มันคือความโง่และงี่เง่าของฉันเอง”
มาลารินโผเข้ากอดเพื่อนเอาไว้ แม้อ้อมกอดของอติเทพจะไม่ใช่อ้อมกอดสำหรับเธอ แต่ยามทุกข์ใจเธอก็ใช้อ้อมกอดนี้เป็นที่บรรเทา อย่างน้อยก็ทำให้อบอุ่นใจได้ชั่วคราว เพราะเขาและเธอถูกสร้างขึ้นมาให้มีจิตใจชอบเพศชายด้วยกัน