Episode-๐๘ ไดอารี่ของปันหยา

1379 Words
“อีลูกเมียน้อย!!” เป็นคำด่าที่ทำให้ฉันเจ็บปวดมากที่สุดแต่ฉันไม่เถียงหรอกนะคะเพราะมันเป็นเรื่องจริง ฉันไม่เคยรับรู้อะไรก็เหมือนกับที่แม่ไม่เคยบอกอะไรนั่นแหละ “หมายความว่ายังไงเหรอคะพ่อ?” “...” “มันไม่ใช่อย่างที่เขาพูดใช่ไหมคะ?” ใบทะเบียนสมรสคือหลักฐานการยืนยันที่ชัดเจนที่สุด ฉันหวังนะคะให้พ่อพูดอะไรกับฉันบ้าง บอกกับฉันว่ามันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดหรือมีความจำเป็นอื่น ๆ ก็ยังดีแต่พ่อกลับเงียบใส่ฉันแทนคำตอบ “แม่คะ “...” “ทำไมทุกคนถึงเอาแต่เงียบ!! ทำไมไม่มีใครบอกอะไรกับหนูบ้างเลย” ฉันยังคงโวยวายใส่เขาทั้งสองอยู่แบบนั้น “แม่ขอโทษ” “แม่!!” คำขอโทษที่เอ่ยออกมาก็คือคำรับสารภาพดี ๆ นี่เอง ความรู้สึกของฉันตอนนี้เหมือนฟ้าผ่ากลางใจเลยค่ะ ที่ผ่านมาฉันจดจำมาตลอดว่านี่คือครอบครัวของเรา นี่คือความสุขของฉัน แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลยทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันสัมผัสจากพวกเขาคือโลกอีกใบหนึ่งที่แอบชุบเลี้ยงฉันขึ้นมาเท่านั้นเอง “ปันหยา” “พ่อทำแบบนี้ทำไมคะ ฮึก...” “รู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ผิด แต่พ่อกับแม่ก็ตั้งใจมีหนูนะ หนูไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดแต่หนูเกิดจากความรักของเราสองสองคนจริง ๆ” “แต่มันไม่ได้!!” ฉันตวาดออกไปเสียงดังลั่น “มันผิดก็คือมันผิดต่อให้พ่อกับแม่จะรักกันแค่ไหนมันก็เป็นเรื่องที่ผิดอยู่ดีนั่นแหละ ฮึก... หนูต้องภูมิใจใช่ไหมที่อยู่ ๆ ก็กลายเป็นลูกเมียน้อยอ่ะ พ่อบอกว่ารักหนู แม่ก็บอกว่ารักหนูแต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้!! พ่อสอนหนูมาตลอดให้รู้จักคุณค่าของตัวเอง ให้รู้จักรักตัวเองแต่ทำไมพ่อถึงเป็นคนลดค่าตัวหนูซะเองล่ะคะ แม่ก็เหมือนกัน รู้ว่าเขามีครอบครัวแล้วทำไมแม่ถึงยังพาตัวเองเข้าไปยุ่ง!! หนูไม่รู้หรอกระหว่างพ่อกับแม่และเขาเป็นมายังไงแต่ตอนนี้เขามีทะเบียนสมรส เขาเป็นครอบครัวที่สังคมยอมรับไม่ใช่พวกเรา!!” “ปันหยา!!” (เพี้ยะ!!) “แกไม่รู้ว่าฉันต้องเจออะไรแกเงียบไปเลย!! แกไม่รู้หรอกว่าฉันต้องแลกอะไรมาบ้างกว่าจะมาถึงวันนี้” “แล้วแม่รู้ไหมว่าหนูต้องเจออะไรบ้าง!! ฮึก... มีแต่คนรักตัวเอง ไม่มีใครรักหนูเลย ไม่มีเลยจริง ๆ” “พ่อขอโทษ” “ฮึก...” หลังจากที่ทุกอย่างตกผลึกฉันก็กลายเป็นคนเก็บตัวมาตลอด ไม่ยุ่งกับใครไม่สุงสิงกับใครใช้ชีวิตอยู่ไปวัน ๆ เท่านั้นเอง ส่วนพ่อเขาหายไปเลยค่ะ เดือนนึงจะมาหาแม่สักครั้ง เขาก็คงกลับไปอยู่กับครอบครัวของเขานั่นแหละ บ้านที่เคยมีเสียงหัวเราะตอนนี้มันกลับเงียบจนน่าตกใจ จากวันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่าสองปีแล้วค่ะที่ฉันจมอยู่กับมัน จากที่เคยเป็นคนมีความฝัน มีความมุ่งมั่นในชีวิตตอนนี้กลับมีความว่างเปล่าเข้ามาแทน จะว่าประชดชีวิตก็คงได้แหละมั้งเพราะต่อให้ฉันจะเก่งหรือดีแค่ไหนสุดท้ายก็หนีไม่พ้นคำนั้นอยู่ดี ก็แค่ลูกเมียน้อย... “ฉันมีธุระต้องทำต่อ” น้ำเสียงคุ้นหูเอ่ยก่อนจะหยุดยืนตรงหน้าฉัน “หยาไปด้วยนะคะ” “...” “หยาไม่อยากอยู่คนเดียว” “ก่อนหน้าไม่ได้พูดแบบนี้นี่” “ตอนนี้อยากอยู่กับพี่แล้วค่ะ” “...” พี่ภาม คือคนแปลกหน้าที่ฉันตัดสินใจมาอยู่กับเขาตามข้อเสนอของคุณลุงซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพ่อฉันเอง จะว่าแปลกหน้าซะทีเดียวก็ไม่ถูกหรอกค่ะเพราะตอนเด็ก ๆ เราก็เจอกันบ่อยแต่ไม่เคยเล่นด้วยกันเท่านั้นเอง คุณลุงรับปากว่าจะพาฉันไปอยู่ที่อื่น พาไปเจอโลกใหม่ ๆ แต่มีข้อแลกเปลี่ยนนั่นก็คือฉันต้องเปลี่ยนพี่ภามให้เป็นอีกคนหนึ่งให้ได้ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม เขาต้องการให้พี่ภามลดความสันโดษลงแล้วหันมาสนใจคนอื่นมากกว่าตัวเอง ยอมรับนะคะว่าเป็นเรื่องยากถ้าจะพูดให้ถูกพี่เขานิสัยใจคอเป็นยังไงฉันไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำ แถมตัวเองก็เป็นคนไม่มีเพื่อน ไม่มีสังคมอีกไม่รู้เลยว่าจะเข้าหน้ากับเขายังไงและต้องทำตัวแบบไหน วันแรกที่ย้ายมาอยู่ด้วยกันฉันประหม่ามากค่ะเพราะยังทำตัวไม่ถูกและเขาเองก็นิ่งมาก แต่อย่าให้ได้พูดเชียวนะคะเพราะแต่ละคำที่เอ่ยออกมาบอกเลยว่าเจ็บ! ช่วงแรกเราเถียงกันแทบทุกวันเพราะฉันทำอะไรไม่เป็นเลยซึ่งต่างจากเขาที่เก่งไปหมดทุกอย่าง มันเหมือนคำที่ว่าอยู่กับคนเก่งเราต้องเก่งพอ ๆ กับเขา เพิ่งเข้าใจความหมายของมันก็คราวนี้แหละค่ะ ยอมรับค่ะว่าอยู่กับเขาแล้วโลกฉันเปิดกว้างมากขึ้น จากคนที่ทำอะไรไม่เป็นเลยก็มีเขานี่แหละที่คอยสอน อาจจะดุไปหน่อยแต่ไม่เป็นไรเพราะฉันมันน่ารำคาญจริง ๆ นั่นแหละ กระทั่งวันหนึ่งฉันถูกเชิญผู้ปกครองเพราะผลการเรียนไม่ดี แน่นอนว่าฉันตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น... เมื่อก่อนป้าแม่บ้านเป็นผู้ปกครองให้ฉันค่ะแต่ท่านเสียไปสามปีแล้วฉันเลยไม่รู้จะพึ่งใคร สุดท้ายก็ไม่พ้นพี่ภามอีกตามเคย ถูกด่าจนหูชาเลยค่ะแต่เขาก็ยอมเป็นผู้ปกครองให้นะถึงจะปากร้ายแต่ก็ยังใจดีอยู่บ้าง “เรื่องเรียน...” เขาพูดขึ้นหลังจากเงียบอยู่นาน “หยาทำไม่ได้” “ให้พูดใหม่” “หยาไม่มีพื้นฐานเลยค่ะเพราะไม่ได้ตั้งใจเรียนแต่ทีแรก ต่อให้ตอนนี้จะพยายามใช้ความคิดยังไงมันก็ทำไม่ได้อยู่ดี” ฉันพูดไปตามความจริง ตั้งแต่ขึ้นมอปลายฉันไม่เคยสนใจเรื่องเรียนเลยค่ะ ใช้ชีวิตไปวัน ๆ แค่นั้น “ประชดชีวิตว่างั้นเหอะ” “...” “แล้วตอนนี้คิดอะไรได้บ้างหรือยัง” “คิดค่ะ คิดว่าควรทำให้ดีกว่านี้” “ยังดีที่รู้ตัว” หลังจากนั้นทิศทางของรถก็แล่นออกห่างจากตัวเมืองไปเรื่อย ๆ จนถึงบ้านหลังหนึ่ง พี่ภามเขาเดินเข้าไปแล้วกลับออกมาพร้อมกับใบงานปึกหนา “นี่คือสรุปมอปลายทั้งหมด พื้นฐานเธอเก่งอยู่แล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” เขาว่าพลางยื่นมันมาให้ฉัน “ไม่อยากทำก็ต้องทำนะ เพื่อตัวเอง” “...” “เข้าใจไหมปันหยา?” “เข้าใจค่ะ” “ไม่รู้หรอกว่ากำลังคิดอะไรอยู่แต่ไม่อยากให้ตัดโอกาสตัวเองนะ เธอยังมีทางเลือก ยังมีความสามารถเพราะฉะนั้นเอาความเก่งของตัวเองออกมาใช้ให้หมดแล้วฉันจะเลิกด่าว่าเธอทำอะไรไม่เป็นเลย โอเคไหม?” ฉันไม่ได้ตอบอะไรแค่ยิ้มให้คนตรงหน้าเท่านั้นเอง “ยิ้มอะไรฉันกำลังจริงจังอยู่นะเพราะถ้าเธอถูกเรียกผู้ปกครองฉันก็เดือดร้อนอีก” “พี่สบายใจได้หยาจะไม่ทำให้พี่เดือดร้อน” ฉันพูดประโยคนี้กับเขาหลายครั้งแล้วค่ะ ก็ถ้าเดือดร้อนเขาอีกฉันก็ต้องถูกด่าอีกแน่นอน ฉันรู้ว่าเขามีเรื่องมากมายที่อยากถามฉันแต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้มันไม่เหมาะที่จะถามเท่านั้นเอง และฉันก็หวังว่าสักวันตัวเองจะเข้มแข็งมากพอที่จะเล่าทุกอย่างให้เขาฟังโดยที่ฉันจะไม่รู้สึกเจ็บอีก “พี่แทนตัวเองว่าพี่ได้ไหมคะ” “ทำไม?” “คำว่าฉันมันฟังดูห่างเหินไปหน่อย” “แล้วใครอยากสนิทกับเธอ?” “พี่ไม่อยากแต่หยาอยากค่ะ เพราะนอกจากพี่... หยาก็ไม่มีใครแล้ว” “...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD