“เวลาเปลี่ยน ใจคนก็เปลี่ยน” ... ประโยคนี้มันโคตรจะจริง ไม่มีใครเหมือนเดิมไปตลอดแม้กระทั่งตัวเราเอง รวมไปถึงความชอบก็ด้วย
นานมาแล้วที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ชอบผู้หญิง มันเฉย ๆ ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเวลาใกล้กัน ผมไม่มั่นใจว่าไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไรกันแน่ เลยเลือกที่จะใช้วิธีโง่ ๆ เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองชอบอะไร โดยการพาตัวเองเข้าไปในสังคมที่มีผู้ชายเยอะ ๆ และอีกทางเลือกคือเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์นั่นเอง อย่างที่ทุกคนรู้ว่าส่วนมากจะเป็นผู้ชายซะมากกว่า ผู้หญิงก็มีนะครับแต่ส่วนน้อย ความใกล้ชิดมันทำให้ตัวเองมั่นใจอะไรมากขึ้นจนผมเจอคำตอบที่ตามหา
“เป็นไรของมึงวะ ไม่สบายเหรอ” น้ำเสียงคุ้นหูเอ่ยก่อนจะอังมือลงบนหน้าผากผม “ตัวก็ไม่ร้อนนี่หว่า เป็นไรมึงหงอยเชียว”
“ไม่รู้ดิ บอกไม่ถูก”
“เวร! แล้วกูจะช่วยอะไรได้” ไอ้อาร์มตอบกลับอย่างจนปัญญา
ยอมรับครับว่าอยู่กับมันแล้วสบายใจ มีความสุขและรู้สึกดีในเวลาเดียวกัน ผมไม่รู้ว่าไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันมีมาตั้งแต่ตอนไหน รู้แต่ว่าเป็นเฉพาะกับมันแค่คนเดียว...
“ไอ้ภาม”
“...”
“มึงชอบกูเหรอ?”
“ใครบอกมึง”
“ความรู้สึกของมึงไงมันบอกกู”
ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างพวกเรา รู้นะครับว่ามันยากเกินจะรับได้ ไม่ง่ายเลยที่ใครสักคนจะใจตรงกับเราโดยเฉพาะมันที่เป็นเพื่อน
“กูเป็นผู้ชาย...กูชอบผู้หญิง”
“กูรู้ กูไม่เคยคาดหวังให้มึงมารู้สึกกับกูมากกว่าเพื่อนหรอก”
“...”
หลังจากวันนั้นทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เราห่างกันมากขึ้น พูดกันน้อยลง อะไรหลาย ๆ อย่างมันทำให้รู้สึกว่ามีเส้นตรงกลางกั้นอยู่ จนในที่สุดผมก็เป็นฝ่ายถอยออกมา ไม่ได้เลิกชอบหรือเกลียดมันนะครับ แค่อยากรักษาความสัมพันธ์ของความเป็นเพื่อนเอาไว้เท่านั้นเอง
การได้เจอเพื่อนใหม่ เจอสังคมใหม่ ๆ มันทำให้ผมลืมความรู้สึกพวกนั้นไปชั่วขณะ แต่ก็ต้องกลับมาเรียนปีหนึ่งอีกครั้งครับ เนื่องจากวิศวมันไม่อยู่ในหัวใจจริง ๆ คิดว่าตัวเองทำไม่ได้หรอก แต่ช่างเถอะ! เรื่องเรียนมันไม่เท่าไหร่ แต่หัวใจนี่สิแย่หน่อย
“พ่อจะให้ผมหมั้นกับใครนะ?” ทวนคำถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“หนูปันหยา ลูกสาวของเพื่อนพ่อเอง”
“แต่พ่อครับ...”
“ไม่มีแต่! ถ้าแกบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้ชอบผู้ชายจริง ๆ ก็หมั้นสิทำไมต้องอิดออดด้วย”
“หมั้นเลยนะครับพ่อ มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ”
“คำพูดฉันถือเป็นคำขาด”
“...” และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของทุกเรื่องราวในชีวิตผม ...
“พี่คะ”
“เลิกเรียกสักทีเหอะ น่ารำคาญว่ะ”
“ขอโทษ หยาแค่จะถามว่าพี่กินมื้อเช้าไหม หยาจะเตรียมให้”
“ขอบใจ แต่ไม่ต้อง เป็นไปได้ก็ช่วยไปให้พ้น ๆ หน้าด้วยโคตรรำคาญ”
“...”
ผมพูดออกไปอย่างไม่ใส่ใจมากนัก และไม่สนด้วยว่าปันหยาจะรู้สึกยังไง มันกลายเป็นคำพูดที่เธอฟังจนคุ้นหูไปแล้วครับ แต่ก็ยังยืนยันที่จะอยู่
“ที่พี่ไม่เคยพูดดี ๆ กับหยาเลย เป็นเพราะแบบนี้ใช่ไหมคะ?”
“...”
“หยาไม่น่าหลวมตัวมาหมั้นกับพี่เลย ... ไม่น่าเลยจริง ๆ ”
“ก็ไสหัวไปสิ! ฉันไม่เคยขอร้องให้เธอต้องอยู่”
แล้วเธอก็จากไปพร้อมกับใจพัง ๆ ของผม ผิดก็รู้ตัวครับ คิดเหรอว่าจะปล่อยไปง่าย ๆ น่ะ มาทำให้รักแล้วก็ควรรับผิดชอบความรู้สึกของผมด้วย ส่วนความรู้สึกของเธอ ผมจะชดเชยมันเอง...