Episode-๑๐ สถานะของเราสองคน(๑)

1175 Words
หนึ่งเดือนผ่านไป วันเวลายังคงผ่านไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าผลสอบของปันหยาออกแล้วครับ “กรี๊ด...!!” หูแทบแตกครับ “อะไร?” “ขยับขึ้นมาแล้วค่ะจากรองท้ายตอนนี้อยู่ตรงกลางแล้วนะ” น้ำเสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับดูใบคะแนนของตัวเอง “คะแนนเก็บอันน้อยนิดรวมกับคะแนนสอบมันทำได้ขนาดนั้นเลยเหรอ?” นอกจากเจ้าตัวจะสอบได้คะแนนเต็มครับเกรดเฉลี่ยถึงจะดีขึ้น “น้อยนิดอะไร ตอนนั้นที่ครูเอาให้พี่ดูมันเป็นของปีที่แล้วค่ะ ส่วนคะแนนเก็บมอหกหยาได้เยอะอยู่” “จริง?” “จริงสิ! เผื่อวันข้างหน้านึกอยากเรียนไงเลยเปลี่ยนใจทำเกรดเฉลี่ยให้ดีหน่อย” “ก็ดีที่คิดได้แบบนี้” “แต่พี่รับปากหยาแล้วนะถ้าคะแนนออกมาดีจะพาไปเที่ยว” เสียรู้ให้เด็กแล้วครับ ก่อนหน้านี้ดันพลั้งปากพูดไปไง “อยากไปไหนว่ามา” “น้ำตกค่ะ จังหวัดกาญจนบุรี” ตอบโคตรไวครับ คงคิดไว้นานแล้ว “อืม” “หืม... พี่ไม่คัดค้านหน่อยเหรอคะ” “คัดค้านอะไร?” “ปกติของพี่ต้องมีข้อโต้แย้งค่ะไม่ใช่ตกลงกันง่าย ๆ แบบนี้” “เปลี่ยนใจไม่พาไปซะดีมั้ง” “ไม่ดีมั้ง” “อย่ามัวเล่นอยู่ตากผ้าหรือยัง?” “อ๊ะ! ลืมเลยขอบคุณนะคะที่เตือน” ถึงกับส่ายหน้าให้ครับ ปันหยาก็คือปันหยาอยู่วันยันค่ำนั่นแหละ หนึ่งอาทิตย์ถัดมาผมก็พาเธอไปเที่ยวตามที่รับปากไว้ครับ เราไปกันแค่สองคนและไม่มีใครรู้ “ลืมอะไรไหม?” ผมเอ่ยถามปันหยาที่ตอนนี้ถือสัมภาระตัวเองอยู่ “ขอหยาเปิดดูอีกครั้งนะคะ” ผมไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นคนใจเย็นตั้งแต่ตอนไหน ทั้งนั่งรอนอนรอทั้งที่ไม่ใช่นิสัยตัวเองเลยสักนิดแต่พอเป็นปันหยาเหมือนสมองมันได้รับคำสั่งว่าต้องรอนะ ต้องเตือนนะ “ครบค่ะ” “งั้นก็ไปกัน” ออกจากห้องตั้งแต่หกโมงเช้าเลยครับ ระหว่างทางไม่ต้องกลัวว่าผมจะเหงาหรือง่วงเลยเพราะคนข้าง ๆ เล่นเกมส์เสียงดังมากแถมยังหัวร้อนอีกด้วยนะ “อะไรวะ! เดินเข้าไปให้เขาฆ่าเฉย โง่!!” คนที่ถูกด่ารู้สึกยังไงผมไม่รู้หรอก แต่ปฏิกิริยาแบบนี้ไม่ใช่จะเห็นกันบ่อย ๆ หรอกครับ “หัวร้อนเฉย” “เฮ้อ...” ถึงกับถอนหายใจเลยทีเดียว “ไม่เล่นละ” จบประโยคก็เก็บมือถือทันทีเลยครับ “ตอนนี้เราถึงไหนกันแล้วคะ” “กำลังจะเข้าจังหวัดกาญจนบุรี” “แปลว่าใกล้จะถึงแล้ว?” “อืม” ไม่นานก็แวะพักรถครับ ปันหยาไปเข้าห้องน้ำส่วนตัวผมเองเข้ามาในร้านสะดวกซื้อ ระหว่างที่กำลังเลือกของอยู่ก็ได้ยินผู้หญิงกลุ่มหนึ่งพูดคุยกัน ผมไม่ได้เสียมารยาทแอบฟังนะมันลอยเข้ามาในหูเอง จะไม่อะไรเลยถ้าในบทสนทนานั้นไม่มีชื่อปันหยา “กูว่ากูเห็นอีปันนะ” “ปันหยามันจะมาโผล่ถึงนี่ได้ยังไง พวกเราไม่ได้ชวนมันสักหน่อย” “ความจริงก็น่าจะชวนนะยังไงก็เป็นทริปยกห้องอยู่แล้ว” “ช่างแม่งดิ” “ว่าแต่มันมากับใคร” “ผู้ชายคนหนึ่งกูเห็นแวบ ๆ โคตรหล่อ” “พี่มันหรือเปล่า” “พี่ห่าไรมันไม่มีพี่ เผลอ ๆ ก็เหมือนแม่มันอ่ะ ฮ่า ๆ” ทุกคนพูดคุยกันสนุกปาก ตอนแรกผมคิดว่าคงไม่ใช่หรอกแต่พอฟังไปเรื่อย ๆ แล้วมันใช่ครับ หลังจากนั้นพวกเธอก็จ่ายเงินแล้วพากันออกไป ผมมองออกไปด้านนอกปันหยารออยู่ที่รถครับซึ่งมันคนละทางกับที่คนกลุ่มนั้นอยู่ ค่อยยังชั่วหน่อยถ้าเผชิญหน้ากันและปันหยาได้ยินประโยคเมื่อกี้คงหงอยเลยแหละ “นี่ของกิน” ผมว่าพลางยื่นให้ปันหยาเมื่อมาถึงรถ “ขอบคุณค่ะ” “ทำไมถึงอยากมาที่นี่เหรอ” “คะ?” “ไม่พูดซ้ำ” “มันสวยดี” “...” ผมไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกก็ในเมื่อเจ้าตัวยืนยันมาแบบนั้น หนึ่งชั่วโมงต่อมาก็ถึงที่พักแล้วครับ ผมเลือกจองในอุทยานเลยเพราะในนี้จะได้บรรยากาศกว่า “บรรยากาศดีมากเลยแต่หนาวไปหน่อย” “ปกตินะ” “ค่ะ ปกติก็ปกติ แต่ว่า...หิวแล้ว” ไม่พูดเปล่ายังฉีกยิ้มกว้างมาให้ผมอีกด้วย “เอาของไปเก็บก่อนแล้วกัน” “โอเค แต่มีห้องเดียวเหรอคะ?” “ใช่ ถ้าจะเอาสองห้องต้องจองหลังใหญ่และแพงขึ้นอีก” “อ๋อ งั้นแบบนี้ดีกว่า” หลังจากเก็บสัมภาระเสร็จผมก็พาปันหยามาหาอะไรกินครับ ไม่รู้เรียกว่าบังเอิญหรือโลกกลมที่ทำให้มาเจอคนกลุ่มนั้นอีกครั้ง “...” “มานะดีแฮะ ถึงขนาดให้ผู้ชายพามาเองเลยอ่ะ” น้ำเสียงเย้ยหยันเอ่ย ถ้าจำไม่ผิดคนนี้แหละที่ด่าทอปันหยาในโรงเรียน “ไม่ได้มานะหรอก น่าจะเป็นวันซวยของฉันมากกว่าที่มาเจอเธอที่นี่” “อีปันหยา!” “เอออีออม!! ทำไม? นี่มันที่สาธารณะไปโหยหวนที่อื่น” ถ้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ผมคงไม่เชื่อว่าปันหยาจะมีมุมแบบนี้ด้วย “อีลูกเมียน้อย!!” “...” “เงียบเลยอ่ะ ไม่ปากเก่งอีกล่ะ” “พอดีไม่อยากเสวนากับสัตว์น่ะมันเหนื่อย” “นี่!!” น้ำเสียงไม่พอใจเอ่ยก่อนจะพุ่งตัวมาหาปันหยา หมับ! “ถ้ากล้า... ก็ลองดู!” ผมไม่ได้ขู่ครับผมพูดจริง “ถ้ามีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้นเรื่องนี้ถึงหูพ่อเธอแน่” เธอชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น “พี่รู้จักพ่อออมด้วยเหรอคะ? งั้นก็ต้องรู้สิว่าปันหยาเป็นใคร” “รู้ แล้วทำไมเหรอ?” “ดูหวังดีเหลือเกินนะคะ เอ๊ะ! หรือว่าที่บอกว่าเป็นพี่ชายนี่พี่ชายแบบไหนเหรอ แบบพี่น้องท้องชนกันหรือเปล่า” “ไม่ใช่ทั้งสองอย่างนะ แต่เรื่องของเราสองคนช่างมันเถอะ ฉันรู้ตัวดีว่าฉันเป็นใครและเธอเป็นใคร ต้องขอโทษด้วยฉันเลือกเกิดไม่ได้ตอนแรกฉันก็น้อยใจชีวิตตัวเองเหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่แล้ว...” “...” “เพราะคนที่น่าสงสารที่สุดน่าจะเป็นเธอ ดูขาดความอบอุ่นดีนะ” ทุกประโยคไม่มีคำหยาบนะครับแต่ทำไมฟังแล้วเจ็บแทน “อีปันหยา!!” “อีออม!!” “เฮ้ย! พอ... อย่าทะเลาะกัน” ผู้ชายคนหนึ่งวิ่งมาห้ามไว้ น่าจะมาด้วยกันนะครับ “เรื่องส่วนตัวเอาไว้ที่บ้าน นี่มันวันรวมเพื่อนนะ” “มึงไม่เห็นเหรอว่ามันด่ากูอ่ะ” “เห็น! และก็เห็นด้วยว่าทุกครั้งมึงเป็นฝ่ายเริ่มก่อนออม เรื่องนี้มึงต้องโทษพ่อมึงเว้ย กูไม่ได้เข้าข้างใครกูพูดตามความจริง” “ไปกันเถอะค่ะ ขอโทษด้วยที่ทำให้เสียบรรยากาศ” หงอยเชียวครับน้ำเสียงไม่เหมือนตอนเถียงกันเมื่อกี้เลย “เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ” “...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD