“ลืมอะไรอีกไหม?”
“ไม่ลืมค่ะ”
“ถ้างั้นก็ไป”
ถามกันทุกวันครับเพราะปันหยาลืมเก่งมากแล้วอีกอย่างวันนี้ออกจากห้องเร็วกว่าทุกวันด้วยไงเนื่องจากผมมีเรียนเช้าและต้องแวะไปรับไอ้แนนอีก
“วันนี้เลิกกี่โมง”
“บ่ายสองค่ะ”
“โทรมาแล้วกันเดี๋ยวมารับ” ปกติเธอกลับเองครับถ้าผมว่างถึงจะรับกลับมาด้วยเพราะมันเป็นทางผ่านอยู่แล้ว
“พี่ไม่มีเรียนเหรอคะ”
“มีแต่เลิกเร็ว นี่ค่าขนม” ผมว่าพลางยื่นเงินให้จำนวนหนึ่ง
“ขอบคุณค่ะ สวัสดีค่ะ” เธอว่าพลางยกมือไหว้อย่างมีมารยาทก่อนจะลงจากรถไป
เหลือบมองนาฬิกายังไม่เจ็ดโมงเช้าครับ ต้องรีบไปรับไอ้แนนก่อนที่รถจะติดไม่งั้นเข้าเรียนไม่ทันแน่
“จ้ะเอ๋! อ้าว...ไหนสาวน้อยกูล่ะ” มาถึงมันก็เสนอหน้ารอเลย
“ไปโรงเรียนแล้ว มึงเร็ว ๆ อย่าติดเล่นอยู่”
“โอเค ๆ บ่นเป็นแม่กูเลยไง”
ระหว่างวันก็เรียนตามปกติครับกระทั่งหมดชั่วโมง
“ไปไหนกันต่อไหมอ่ะ” น้ำตาลเอ่ยถาม
“ไม่ล่ะ ขี้เกียจ”
“หืม... คำตอบมีพิรุธนะเนี่ย” ไอ้แนนเอ่ย
“พิรุธอะไรมึง? ว่าแต่กูมึงอ่ะไปไหนมา ขาดเรียนแบบไร้เหตุผลแอบไปอยู่กับผู้ชายมาใช่ไหม?”
“อ้าวทำไมมึงรู้ล่ะกูอุตส่าห์กินเงียบแล้วเชียว”
... : ฮ่า ๆ ๆ
“มึงปฏิเสธบ้างก็ได้” อยู่คุยกันต่ออีกนิดหน่อยก็แยกย้ายครับ
เวลาต่อมา
ผมมารอปันหยาที่หน้าโรงเรียนแค่เพียงไม่นานเธอก็ออกมาแต่สีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“สวัสดีค่ะ”
“ได้กี่คะแนน?” เธอไม่ตอบอะไรแต่เลือกที่จะยื่นใบคะแนนมาให้ผมดู “ก็ได้เต็มนี่”
“ค่ะ”
“ไม่เห็นดีใจ?”
“...” เธอเงียบไปหลายวินาทีก่อนจะยื่นกระดาษอีกหนึ่งใบมาตรงหน้าผม “คือว่า...” น้ำเสียงอึกอักมากครับอย่างกับมีความผิด ไม่รอให้ปันหยาได้ตอบผมก็หยิบมันมาอ่านเอง
“หนังสือเชิญผู้ปกครอง”
“ค่ะ”
ในนี้ระบุว่าต้องการพบผู้ปกครองครับ แต่ไม่ใช่เรื่องทะเลาะวิวาทหรือมีความผิดร้ายแรงอะไรหรอกนะมันเกี่ยวกับผลการเรียนต่างหาก
“พี่เป็นผู้ปกครองให้หยาได้ไหม?”
“พ่อแม่เธอล่ะ? หรือไม่มีใครว่าง”
“...” ปันหยาเงียบไปเลยครับเมื่อผมถามถึงพ่อแม่ของเธอ ในเมื่อไม่บอกอะไรผมก็ช่วยเธอไม่ได้เหมือนกัน อยู่ดี ๆ จะเป็นผู้ปกครองให้ลูกคนอื่นมันได้เหรอ ถ้าเกิดพ่อแม่หรือครอบครัวเขาไม่พอใจขึ้นมาจะว่ายังไง
ไม่มีบทสนทนาใด ๆ เกิดขึ้นอีกกระทั่งถึงห้อง
“พี่...”
“...”
“หยาขอร้อง เป็นธุระให้หยาหนึ่งวันนะคะ”
“แล้วที่ผ่านมาใครเป็นผู้ปกครองของเธอ?”
“ไม่มีค่ะ”
“ปันหยา! ตัวเองจะจบมอหกอยู่ไม่กี่เดือนนี้แล้วถ้าไม่มีผู้ปกครองแล้วเธอเข้าเรียนมาได้ยังไง” มันต้องมีอะไรมากกว่านี้ครับแต่เธอเลือกที่จะไม่บอกผมเองแหละ
“ป้าแม่บ้านค่ะ แต่ตอนนี้ท่านเสียแล้ว”
“...” ผมเงียบและใช้สายตากดดันคนตรงหน้าแทนคำพูด
“พ่อกับแม่ไม่สนใจหยาหรอก”
“แล้วทำไมฉันต้องสนใจเธอด้วย”
“เพราะหยาอยู่ในความดูแลของพี่”
“จะบอกให้นะว่าฉันไม่เคยอยากดูแลใครเลย ที่ต้องมาอยู่ตรงนี้เป็นเพราะข้อตกลงระหว่างฉันกับพ่อต่างหาก” ผมพูดไปตามความจริงครับและที่เลือกปันหยาเพราะเห็นว่าเราน่าจะคุยกันรู้เรื่องเท่านั้นเอง แต่ไม่คิดไงว่าจะอ่อนหัดไม่ทันโลกขนาดนี้
“ครั้งนี้สำคัญมาก ถ้าไม่มีผู้ปกครองไป...”
“ฉันจะบอกพ่อให้แล้วกันนะ” จบประโยคผมก็เข้าห้องตัวเองทันทีไม่สนใจด้วยว่าปันหยาจะรู้สึกยังไง ทำไมผมต้องสนล่ะ? แค่คอยดูแลก็มากพอแล้ว ดูแลก็คือดูแลไม่ใช่จะให้เธอเป็นเด็กในปกครองของตัวเองสักหน่อย
ครืด... ครืด...
ไวยิ่งกว่าความคิดซะอีก
(ไงลูกชาย น้องเป็นยังไงบ้าง)
“นอกจากจะไม่เป็นอะไรแล้วยังทำอะไรไม่เป็นอีกด้วย!! นี่พ่อกำลังแกล้งผมอยู่หรือไง แล้วเนี่ยโทรมาก็ดีเลยมีหนังสือเชิญผู้ปกครองจากโรงเรียนพ่อไปเองแล้วกันผมไม่ไปหรอก” ผมร่ายประโยคยาว ๆ ให้คนในสายฟังกับสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่
(แกไงผู้ปกครอง ตอนนี้น้องอยู่ในความดูแลของแกนะก็ต้องเป็นเด็กในปกครองของแกด้วยสิ แค่นี้นะหวังว่าจะไม่มีปัญหาอะไร)
“พ่อ!!” นั่นแหละครับ หนีวางสายไปแล้ว ถ้ารู้ว่าจะได้ยินประโยคเดียวกันผมไม่รับสายแต่แรกซะก็ดี
แกรก!
ออกมาด้านนอกก็เห็นปันหยายังนั่งที่โซฟาครับ ในมือของเธอยังถือเอกสารนั่นอยู่เลย ผมจึงนั่งลงตรงข้ามกับเธอบ้าง
“...”
นานหลายนาทีที่เรามองหน้ากันนิ่ง ๆ ในหัวของผมตอนนี้เต็มไปด้วยคำถามและคนที่จะตอบได้ก็นั่งอยู่ตรงหน้านี่แหละ ถ้าวันนี้ไม่ได้คำตอบอะไรผมจะคืนปันหยาให้พ่อกับแม่แทน ไอ้เรื่องข้อตกลงก็ยกเลิกไปซะ
“มานั่งนี่”
“คะ?”
“มา นั่ง ตรง นี้” ต้องย้ำทีละคำถึงจะไม่มีคำโต้เถียงกลับมา
“ค่ะ”
“พ่อยื่นข้อเสนออะไรให้กับเธอ” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถามครับ “ถ้าไม่บอกเธอก็เตรียมตัวไปอยู่กับพ่อแม่ฉันแทนเถอะ”
“หยาจะอยู่กับพี่!” ตอบกลับแทบจะทันทีเลยครับ
“งั้นก็บอกมาสิ”
“ถ้าบอกไปแล้วพี่จะให้หยาอยู่ด้วยใช่ไหมคะ”
“...”
“บอกก็ได้...” น้ำเสียงแผ่วเบาเอ่ยเมื่อเห็นผมเงียบและเอาแต่จ้องหน้าตัวเอง “ลุงภพบอกว่าพี่ไม่เข้าสังคมกับใคร ไม่สุงสิงกับใครและยังหาความแน่นอนให้ตัวเองไม่เจอชอบใช้ชีวิตคนเดียวเหมือนกันกับหยาก็เลย...ให้หยามาอยู่ในความดูแลของพี่โดยการทำยังไงก็ได้ให้พี่รู้จักสนใจคนอื่นมากกว่าตัวเอง ทำยังไงก็ได้ให้พี่มีชีวิตชีวามากกว่านี้”
“แลกกับอะไร?”
“...”
“ตอบ!”
“แลกกับการพาหยาออกมาจากบ้านหลังนั้น ออกมาจากที่ที่เป็นบ้านแต่เหมือนไม่ใช่บ้าน”
“ทำไมถึงอยากออกมา เธอเป็นผู้หญิงนะแถมยังไม่เก่งอีกต่างหากไม่รู้หรือไงว่าโลกภายนอกมันมีทางเดินเยอะแยะเต็มไปหมด ถ้าเลือกถูกทางเธอก็จะพบความสำเร็จ แต่ถ้าเลือกผิดจะได้ความยากลำบากมาแทน”
“เพราะฉะนั้นหยาถึงได้เลือกพี่ไง”
“...”
“หยาจะไม่ทำให้พี่ลำบากใจหรือรำคาญอีก จะเชื่อฟังทุกอย่างขอแค่พี่อย่าไล่หยาเลยนะคะ หยาไม่อยากกลับไป”
เหมือนเรื่องราวจะไม่หมดแค่ตรงนี้ครับ ฟังที่เธอพูดแล้วผมสัมผัสได้ถึงความกลัว ความหวาดระแวง แต่เอาไว้ก่อนแล้วกันเพราะจุดประสงค์ของคำถามคือเรื่องข้อเสนอของพ่อแค่นั้น จะว่าไปแล้วเราทั้งคู่ยอมทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เต็มใจเพื่อแลกกับอิสระด้วยกันทั้งสองฝ่ายเลยสินะ
“พี่...”
“จำคำที่ตัวเองพูดไว้นะ เธอทำตัววุ่นวายเมื่อไหร่ฉันจะให้พ่อมารับ!”
“สัญญาจะเป็นเด็กดี จะไม่ดื้อเลย” น้ำเสียงเบิกบานขึ้นมาทันทีเลยครับ “แต่ว่ามีอีกเรื่องหนึ่งค่ะ”
“อะไร?”
“สอนการบ้านภาษาอังกฎษหน่อย หยาไม่เข้าใจ”
“ไม่เข้าใจหรืออ่านไม่ออก”
“อ่านออกแต่แปลความหมายไม่ได้”
“เฮ้อ...”