01

2693 Words
“คุณกล้วยคะ มีลูกค้าอยากพบคุณกล้วยค่ะ” สาวบริกรร้านอาหารบ้านไทไทของคุณกล้วย เชฟอาหารไทยชื่อดังที่โด่งดังไกลไปถึงต่างประเทศ กล้วยยิ้มให้กับบริกรสาวในร้านก่อนจะเดินตรงไปหาลูกค้า วันนี้เป็นวันเปิดร้านใหม่ของเธอในเมือง ทำให้วันนี้มีแต่ลูกค้าระดับชนชั้นสูง กล้วยจึงไม่อาจขัดใจเหล่าชนชั้นสูงที่เอาใจค่อนข้างยากได้ เธอสวมชุดสีขาวอันเป็นเอกลักษณ์ของแม่ครัวออกมา รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอด้วยความสุภาพ “สวัสดีค่ะ อาหารที่ได้นำมาเสิร์ฟให้คุณผู้ชายรับประทานเป็นอย่างไรบ้างคะ” กล้วยถามด้วยรอยยิ้มสุภาพ และน้ำเสียงอ่อนหวานอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ ไม่เพียงเป็นตำนานอาหารไทยของที่นี่ แต่กล้วยยังเป็นเจ้าของร้านอาหารไทยที่โด่งดัง และมีสาขามากที่สุดในประเทศนี้ “อาหารของคุณกล้วยรสชาติดีมากเลยครับ ผมขอชื่นชมคุณจากใจเลย” ผู้พิพากษาคนดังในเมืองกล่าวชื่นชม เขาเป็นชายวัยกลางท่าทางสุภาพ และดูดีเป็นอย่างมาก แม้จะอายุมาก แต่ก็ดูแลรักษาสุขภาพร่างกาย หุ่นยังแน่นไม่ต่างจากคนหนุ่มเลยแม้แต่น้อย คุณกล้วยได้แต่ยิ้มขอบคุณอย่างสุภาพ ทำไมเธอจะไม่รู้ความต้องการของคนตรงหน้า แต่เพราะเธอมีสามีแล้ว เขาชื่อเพชรภูมิ อายุเท่ากับเธอ เป็นสามีคนแรก และเป็นผู้ชายคนเดียว เป็นรอยด่างพร้อยในชีวิตของกล้วย เพชรภูมิเป็นผู้ชายหน้าตาดี แต่ไม่เอาไหน เขาไม่ทำงาน แต่กลับเกาะเธอไม่ยอมปล่อย กล้วยเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้าน หน้าตาธรรมดา ไม่มีอะไรโดดเด่น ที่ผ่านมากล้วยจึงเอาใจไปผูกไว้กับเขามาโดยตลอด ไม่ว่าเขาจะทำเลวกับเธอสักแค่ไหน เธอก็ไม่เคยคิดจะปล่อยเขา เพราะสำหรับเธอแล้ว เขาก็คือความสำเร็จในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่ผู้หญิงธรรมดาแบบเธอสามารถมีสามีที่รูปร่างหน้าตาหล่อเหลาได้ แต่ท้ายที่สุดนี่ก็กลายเป็นบ่วงพันธนาการฉุดชีวิตของเธอให้ตกต่ำ แต่เพราะเป็นคนลำบากมาก่อน กล้วยทำงานเป็นแม่บ้านตั้งแต่เด็กสาว เรียนรู้การทำอาหาร ได้เปลี่ยนงานเป็นผู้ช่วยในครัว เธอมีความรู้อาหารดั้งเดิม เธอคอยพัฒนาตัวเอง จากแม่ค้าขายส้มตำรถเข็น สู่เจ้าของร้านอาหาร จากนั้นก็มีเงินทุนพอจะสามารถนำไปต่อยอด กล้วยได้เรียนการทำอาหารในหลายรูปแบบ ความที่กล้วยเคยเป็นแม่บ้านมาก่อน ทำให้กล้วยรู้จักการเข้าหาผู้ใหญ่ ไต่เต้าจากเจ้าของร้านอาหารธรรมดา สู่ตำนานเจ้าของร้านอาหารชื่อดังในต่างประเทศที่มีหลายสาขา “ขอบคุณคุณฟรานซิสมากเลยค่ะ” กล้วยตอบ ฟรานซิสรูุ้สึกเสียดาย ผู้หญิงตรงหน้าเป็นผู้หญิงเก่ง แม้จะไม่ได้สวยตามแบบนิยม แต่ก็ถือว่าสวยเก่ง และมีความั่นใจในตัวเองสูง ทั้งการเป็นเจ้านายคน ดูแลลูกน้องหลายร้อยชีวิต เธอจึงมีเสน่ห์ที่ยากจะบรรยาย เสียดายที่มีสามีแล้ว แม้ว่าชายผู้นั้นจะห่วยแตกมากสักเพียงใด แต่ก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของกล้วยอยู่ดี    หลังจากการเปิดร้านเสร็จสิ้นเหล่าทีมงานหลังบ้านแทบทุกส่วนต่างเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย ทีมออแกไนซ์จัดงานต้องเร่งเอาฉากจัดออก ส่วนพนักงานในร้านก็ต้องช่วยกันทำความสะอาดสำหรับเปิดร้านให้บริการในวันพรุ่งนี้ กล้วยเองก็เหนื่อยสายตัวแทบขาดกับการจัดเตรียมทุกอย่าง การจะเปิดร้านไม่ได้ง่ายเลยสำหรับคนเอเชียที่มาทำธุรกิจที่นี่  “คุณแม่กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวพริบพรายดูแลทางนี้ต่อเอง” พริบพรายลูกสาวบุญธรรมของกล้วยกล่าว เธอยิ้มก่อนจะกลับเพ้นเฮ้าท์หรูแต่โดยดี เธอแต่งงานกับสามีมาหลายสิบปี แต่ก็ไม่มีวี่แววของเด็กสักคนที่จะมาเกิด พอเธอทำธุรกิจร้านอาหารพอจะมีเงิน มีบ้าน เธอจึงได้รับเด็กมาสองคนเป็นเด็กผู้หญิง คนนึงชื่อพริ้มพราว อีกคนชื่อพริบพราย เธอเลี้ยงดูทั้งสองอย่างลูกในอุทร ทั้งรัก เมตตา และเอ็นดู เธอทำงานอย่างหนักเพื่อให้เด็กทั้งสองมีอนาคตที่ดี แต่น่าเสียดายที่มีแต่พริบพรายเท่านั้นที่ซื่อสัตย์ต่อแม่บุญธรรมอย่างเธอ พริ้มพราวเป็นเด็กสาวหน้าตาดี เธอเติบโตมาอย่างดี ได้รับการเลี้ยงดูเหมือนลูกเศรษฐีคนนึง ทั้งกล้วยยังตามอกตามใจ เพราะนิสัยขี้อ้อน ช่างพูดช่างเจรจาทำให้เธอรักพริ้มพราวหมดใจ แต่น่าเสียดายที่พริ้มพราวกลับปีนเตียงสามีเธอ เป็นเมียน้อยของสามีเธอ ทั้งที่พวกเขามีสถานะเป็นพ่อบุญธรรมและลูกบุญธรรม ส่วนพริบพรายเธอเป็นเด็กหน้าตาธรรมดา ยิ่งมองก็เหมือนเงาสะท้อนของกล้วย โตมาอย่างยากลำบาก เพราะเป็นคนไม่ช่างพูด แต่เป็นคนลงมือทำ ตั้งใจเรียน เฉลียวฉลาด แต่จะเรียกเงาสะท้อนก็ไม่ได้ ในเมื่อพริบพรายนั้นฉลาดกว่ากล้วยมาก  “ฮัลโหล เรื่องทางนั้นเป็นยังไงบ้าง” กล้วยติดต่อหาทนายคนสนิทที่ทำงานให้กับเธอมาโดยตลอด และในเกือบทุกวัน เธอมักจะโทรหาเขาเพื่อตามข้อมูลที่เธอให้เขาทำงาน แต่ความจริงแล้ว ทนายที่เธอสนิทคือพ่อของเขา แต่ตอนนี้คนพ่อเกษียนแล้ว จึงกลายเป็นคนลูกที่มาทำงานแทน “ผมได้เอกสารหลักฐานเยอะพอแล้วครับ ความจริงตอนนี้คุณพริ้มพราวเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ คุณกล้วยคิดว่าจะให้ผมทำยังไงต่อไปดีครับ” นาคิมทนายปลายสายกล่าว กล้วยถอนหายใจ เรื่องพวกนี้ไม่ควรมาถึงขนาดนี้ เพชรภูมิไม่ควรทำลายชีวิตลูกเลย ทั้งที่เขาเป็นคนเลี้ยงดูพริ้มพราวมาแท้ๆ แต่กลับทำเรื่องอุบาทว์เช่นนี้ได้ลงคอ พริ้มพราวก็ไม่ใช่เด็กน้อยวัยใสแล้ว แทนที่จะหาผู้ชายดีสักคน แต่กลับไปเอาไอ้เฒ่าคนนี้มา อนาคตจะอยู่ด้วยกันได้อย่างไร แล้วไหนจะเรื่องท้องอีก “เธอแน่ใจเหรอว่าพริ้มพราวท้องกับเพชรภูมิ” กล้วยถาม พริ้วพราวเป็นคนสวยที่ไม่ค่อยจะฉลาด แต่ก็ไม่น่าโง่ถึงขั้นทำเรื่องที่มันเป็นหลักฐานมัดตัวขนาดนี้  “จากที่ผมให้คนตามคุณพริ้มพราวมา เธอไม่เคยมีความสัมพันธ์กับคนอื่นเลยครับ” “ถ้าอย่างนั้นก็เก็บหลักฐานไว้ให้หมด เก็บทุกอย่างเท่าที่จะเก็บได้”  “คุณกล้วยไม่ฟ้องเลยหรอครับ หลักฐานเท่าที่มีคุณก็สามารถหย่าขาดกับคุณเพชรภูมิได้ โดยที่ไม่ต้องเสียอะไรเลย"  “ยังไม่ถึงเวลาหรอกนาคิม ถ้าพริ้มพราวท้องจริง ฉันก็อยากให้เด็กคนนั้นเกิดออกมา” “ได้ครับ ผมจะเก็บหลักฐานให้คุณกล้วยไว้ทั้งหมด” นาคิมกล่าว กล้วยจึงได้วางสายพร้อมกับหลับตาพิงเก้าอี้ด้วยความเหนื่อยล้า เธออายุเลขสี่กว่า ทำงานหนักตั้งแต่ยังสาวจนกระทั่งตอนนี้ เพื่อหาเลี้ยงชีวิต ลูกบุญธรรมสาวทั้งสองคน ไหนจะสามีที่ไม่ได้เรื่องอีก เธอเพิ่งรู้ได้เมื่อปีที่แล้วว่าตนเองป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูก แต่ระยะอาการของเธออยู่ในระยะสุดท้ายแล้ว กล้วยไม่ได้รู้สึกอะไรมากเท่าไหร่ เพราะที่ผ่านมาในชีวิต …เธอเหนื่อยมามากแล้ว  เธอจึงอยากจะจบปัญหาทุกอย่าง สามีอย่างเพชรภูมิเขาต้องได้รับบทเรียน ส่วนพริ้มพราวในเมื่อเธออยากเป็นลูกสาวที่อกตัญญู เธอก็ต้องได้รับบทเรียนที่เจ็บปวดที่เธอจะต้องจำไปจนวันตาย และสุดท้ายลูกสาวที่ดีกับเธอที่สุด …พริบพราย เด็กสาวที่ไม่เคยเรียกร้อง ทำตัวเป็นลูกที่ดีมาโดยตลอด เธอคือทายาททรัพย์สินทุกอย่างที่กล้วยสร้างไว้ เธอจะต้องได้รับมันจากการที่เธอเป็นลูกที่ดีมาโดยตลอด    หลายวันผ่านไปพริ้มพราวก็บินตรงจากประเทศไทยมาหาแม่ที่ต่างประเทศ กล้วยและพริบพรายยืนรอเธออยู่ที่สนามบิน พริ้มพราวเป็นคนสวย ไม่ว่าจะแต่งกายอย่างไรก็ดูสวยงามและโดดเด่นเป็นสง่า อีกทั้งเครื่องประดับเสื้อผ้าราคาแพงที่อยู่บนตัวของเธอมันยิ่งทำให้เธอดูงดงาม กล้วยยิ้มให้พริ้มพราวตามที่เคยยิ้มมาโดยตลอด และพริ้มพราวเองก็คิดว่าตัวเองเป็นลูกที่แม่รักที่สุด มากกว่าน้องสาว… อย่างพริบพราย “คุณแม่ขา” เสียงหวานของพริ้มพราวยังคงเหมือนเดิมในวันวาน กล้วยได้แต่มองอย่างเสียดายที่เด็กตรงหน้ากลับไม่รู้จักดีชั่ว หากทำตัวดี ชีวิตของพริ้มพราวก็คงจะดีกว่านี้ เสียดายที่คิดไม่ได้ แต่เธอก็แสดงออกอย่างอ่อนโยน พริบพราวได้แต่มองสองแม่ลูกตรงหน้าด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ  “เดินทางมาไกล เหนื่อยไหมลูก” “ไม่เหนื่อยเลยค่ะ ว่าไงยัยพริบ ทำงานหัวฟูน่าเกลียดเลยนะแกน่ะ” พริ้มพราวทักทายน้องสาวด้วยท่าทีเยาะเย้ย พริ้มพราวไม่ต้องทำงาน แต่กลับได้เงินจากแม่เดือนละหลายแสน ไม่เหมือนกับพริบพรายที่ทำงานให้กับแม่มาโดยตลอด แต่ก็ได้เงินเท่ากับเธอ  “ใครจะไปเหมือนพี่ล่ะ ไม่ต้องทำงานทำการอะไร เอาแต่สวยไปวันๆ” พริบพรายกล่าวโต้เถียงทันที เรื่องอุบาทว์ของผู้เป็นพี่สาวกับพ่อบุญธรรม เธอทราบดี พวกเขามีความสัมพันธ์ตั้งแต่พริ้มพราวยังไม่ได้ใช้คำว่านางสาวด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร เพราะพริ้มพราวเต็มใจ ส่วนเพชรภูมิ อย่างไรก็ถือว่าเป็นพ่อบุญธรรมของเธอ สงสารก็แต่แม่ อยากจะพูด แต่ก็กลัวแม่จะเสียใจ เพราะที่ผ่านมาพ่อบุญธรรมก็ทำตัวเหลวแหลกให้แม่เสียใจมาโดยตลอด และแม่ก็รักพริ้มพราวมาก เธอจึงต้องเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ทำเป็นไม่เห็นไม่รู้ไปซะ “อย่าทะเลาะกันเลยลูก ไหนๆเราก็มาเจอกันแม่ลูกแล้ว กลับบ้านไปกินข้าวกันเถอะ” กล้วยกล่าวตัดบท เสียดายที่พริบพรายยังคุมอารมณ์ตัวเองได้ไม่ดีนัก แต่เอาเถอะพริบพรายยังเด็กนัก เมื่อเทียบกับเธอที่อายุกลางคน ผ่านอะไรมาเยอะแบบนี้ ทั้งสามคนกลับไปยังเพ้นเฮ้าท์หรูใจกลางเมืองที่มองออกไปเห็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ ที่นี่เป็นทำเลทองที่รวมเหล่ามหาเศรษฐี และเซเลปบริตี้ชนชั้นสูงไว้ทั้งนั้น ราคาแต่ละห้องขึ้นอยู่กับวิวทิวทัศน์ ซึ่งห้องของกล้วยนั้นมูลค่ามหาศาลหลักหลายร้อยล้านบาท แต่แม้จะราคาแพงก็ต้องจ่ายภาษีที่แพงไม่น้อย “คุณแม่คะ ห้องของคุณแม่นี่แพงมากเลยใช่ไหมคะ” พริ้มพราวถามด้วยความสนใจ เธอวางกระเป๋าเดินทางราคาแพง ก่อนจะเดินสำรวจรอบห้องด้วยความตื่นเต้น กล้วยยิ้ม เธอตั้งใจจะซื้อที่นี่ด้วยเงินเก็บเกือบทั้งหมด เพื่อให้เป็นที่อยู่ของพริบพราย และตั้งใจว่าจะให้เป็นของขวัญวันแต่งงานของพริบพราย แต่ดูท่าพริ้มพราวจะสนใจที่นี่เป็นอย่างมาก แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าอย่างไร พริ้มพราวไม่มีทางได้อะไรจากเธอทั้งสิ้น นอกจากของที่เธอเคยให้ไปเท่านั้น “แพงมากเลยจ้ะ แม่ตั้งใจไว้ว่าจะให้เป็นของขวัญสำหรับลูกคนไหนที่แต่งงานก่อนน่ะ” กล้วยกล่าวด้วยรอยยิ้ม พริ้มพราวหน้าเสียเล็กน้อย แต่พริบพรายกลับอมยิ้มออกมาด้วยความสะใจเล็กน้อย สำหรับเธอการแต่งงานนับว่าไกล แต่สำหรับพริ้มพราวเรียกได้ว่าตราบใดที่แม่ยังอยู่ เธอไม่มีวันได้ที่นี่แน่นอน “เอ่อ… ไม่มีอีกกรณีหรอคะคุณแม่” “กรณีอะไรจ้ะ” “คือวันนี้ที่หนูมา หนูมีเรื่องสารภาพกับแม่ค่ะ” พริ้มพราวเริ่มแสดงสีหน้าเศร้า กล้วยที่พอจะรู้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องแสดงสีหน้าท่าทางตามบทบาทที่ควรจะแสดงด้วย จึงได้แต่ทำหน้างุนงง คล้ายมีคำถามที่ต้องการเอ่ย “เรื่องอะไรจ้ะลูก” “คือว่า… คือว่าหนูท้องค่ะคุณแม่” พริ้มพราวเริ่มตาแดงจมูกแดง กล้วยถอนหายใจภายในใจ หากเธอไม่รู้อะไรเลย เธอก็คงสงสารลูกสาวคนนี้เป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้เธอต้องพยายามกักเก็บอารมณ์เอาไว้ แม้จะรู้สึกโกรธขนาดไหน แต่เธอก็เลี้ยงพริ้มพราวมาอย่างลูกคนนึง เธอเองก็มีความรู้สึกของความเป็นแม่อยู่ภายในใจ “หนูท้องหรอลูก หนูท้องกับใคร หนูบอกแม่มาสิลูก” กล้วยถามด้วยความตกใจ พริ้มพราวโผเข้ากอดพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น พริบพรายรู้สึกโมโหจนแทบจะระเบิดออกมา แต่ก็ไม่กล้าจะพูดอะไร เธอจึงได้ลากกระเป๋าใบโตของพริ้มพราวไปเก็บที่ห้อง ก่อนจะเดินเข้าไปนั่งสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ไม่รู้ว่าเธอจะต้องรู้เรื่องอุบาทว์ และเก็บมันไว้อีกนานแค่ไหนกัน  “เขาทิ้งหนูไปแล้วค่ะแม่ หนูต้องเลี้ยงลูกคนเดียว หนูท้องไม่มีพ่อค่ะคุณแม่ขา ฮือออ" พริ้มพราวร้องไห้ กล้วยได้แต่กอดปลอบใจ แม้จะดูเย็นชาอย่างไร แต่ภายในใจของเธอนั้นเจ็บหนึบไปหมด เจ็บเสียยิ่งกว่าการที่มะเร็งกำเริบเสียอีก อาการป่วยกำเริบยังกำราบได้ด้วยการใช้มอร์ฟีน แต่อาการเจ็บปวดทางใจ เอาอะไรมารักษาก็ไม่มีทางที่จะหายได้เลย “ไม่ต้องร้องไห้ลูก แค่เด็กคนเดียว ทำไมหนูจะเลี้ยงไม่ได้ หืม คนสมัยนี้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวกันเยอะแยะจะตาย” กล้วยปลอบโยน แต่เธอไม่ได้บอกว่าจะเลี้ยงเด็กคนนี้ กว่าเด็กคนนี้จะเกิด เธอก็คงอาจจะตายไปแล้วด้วยซ้ำ “คุณแม่ไม่โกรธหนูหรอคะ” “การมีเด็กมาเกิดไม่ใช่เรื่องที่แย่เลยนะลูก เขาเป็นเหมือนของขวัญ ดูอย่างแม่สิ ตลอดชีวิตมาแม่ไม่มีสักคน จะมีก็แต่ลูกสองคนที่แม่ได้มาเลี้ยง แม่ไม่มีบุญแบบลูก ลูกต้องรักษาเขาไว้ให้ดีนะ” กล้วยกล่าว พริ้มพราวกระหยิ่มยิ้มย่องเหมือนผู้มีชัยชนะ เพชรภูมินั้นดีใจเป็นอย่างมากที่พริ้มพราวท้องให้กับเขา เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา แม้เขาจะมีเบี้ยใบ้รายทางมาโดยตลอด แต่เขาก็รู้ว่าผู้หญิงพวกนั้นเป็นเพียงดอกไม้ริมทาง ไม่มีประโยชน์เหมือนภรรยาอย่างกล้วย เขาจึงระมัดระวังมาโดยตลอด อย่างพริ้มพราวก็เป็นภรรยาตัวน้อยที่เขานั้นรักใคร่มากที่สุดคนนึง การมีลูกกับพริ้มพราวทำให้เขาดีใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ติดก็ทีภรรยาอย่างกล้วยนั่นแหละว่าจะจัดการอย่างไรดี “คุณแม่ไม่โกรธจริงๆนะคะ” พริ้มพราวกล่าวทั้งน้ำตา กล้วยส่ายหน้า เธอจะโกรธได้อย่างไร… เด็กคนนี้จะเป็นหลักฐานชั้นดีที่จะเป็นตราบาปไปชั่วชีวิตของพริ้มพราว เธอย่อมยินดีที่เด็กคนนี้จะมาเกิด “แล้วพ่อเขารู้เรื่องนี้หรือยังลูก” “คุณพ่อรู้แล้วค่ะ” “แล้วพ่อว่ายังไงบ้่าง” “คุณพ่อไม่ว่าอะไรเลยค่ะ”   ….เขาจะว่าอะไรล่ะ ก็เด็กในท้องของลูก มันเป็นลูกของเขา ลูกที่เขารอมาโดยตลอด กล้วยรู้ดีว่าแม้จะผ่านมานานขนาดไหน เพชรภูมิก็อยากมีทายาทเป็นของตนเอง แต่เขาก็เลือกแม่พันธุ์ของลูก และไม่กล้าที่จะทำร้ายหรือหยามน้ำใจเธอนัก เพราะเขายังต้องพึ่งพาเธออีกมาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD