“โอย ขอโทษนะคะคุณคริสที่รินทำตัวแย่ ๆ แบบนี้ แต่มันกลั้นอาการไม่อยู่จริง ๆ ค่ะ”
“ไม่เป็นไร เริ่มงานดีกว่า”
เอรินยังคาใจเรื่องผู้หญิงคนนั้น แต่เมื่อเจ้านายตัดบทไปเรื่องงาน เธอก็ไม่สมควรก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเขาเหมือนกัน เริ่มต้นอธิบายงานให้เขาอย่างตั้งใจ แม้บางครั้งจะเป็นคริสเสียเองที่ออกอาการเหม่อลอย แต่เธอจะช่วยอะไรเขาได้ล่ะ
การทำงานในแต่ละวันผ่านไปอย่างเชื่องช้า ทั้งคู่ทำงานเข้ากันได้เป็นอย่างดี คริสสั่งเอรินลงมือปฏิบัติและเจรจางานประสบผลสำเร็จได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะกับลูกค้าต่างชาติ ที่ตกลงทำสัญญาซื้อขายกันได้ด้วยดี เป็นสามเดือนที่มีแต่งานกับงาน
หลังเลิกงานเอรินกำลังถือแผ่นกระดาษไปเข้าเครื่องทำลายเอกสาร ระหว่างทางต้องเดินผ่านห้องเก็บของแผนก หญิงสาวแอบได้ยินเสียงบางอย่างดังออกมาจากข้างใน
“แรงอีกค่ะ”
“อืมอา...”
“อูยยย”
เสียงคนข้างในนั้นแม้ฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ก็พอรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่ เอรินในวัยสาวสะพรั่งรู้สึกเนื้อตัวเต้นเร่าขึ้นตามอย่างบอกไม่ถูก แม้จะเคยศึกษาเรื่องพวกนี้ผ่านเว็บไซต์มาบ้าง แต่ก็ไม่เคยได้ยินบทหนังรักสดกับหูแบบนี้มาก่อน ขนลุกพรึบขึ้นมาจนต้องรีบเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
“รินเข้ามาหาผมหน่อย” เสียงเรียกผ่านโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ ทำให้เอรินรีบสลัดความคิดบ้า ๆ ออกทิ้ง รีบเข้าไปหาเจ้านายที่ห้องทำงานของเขา
“วันนี้ผมต้องไปงานแต่งลูกค้า”
“ค่ะ” เอรินตอบรับแบบไม่เข้าใจ ว่าทำไมเขาเรียกเธอเข้ามาคุยเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับงานเลยสักนิด
“ไปกับผมนะ” คริสชวนแกมสั่ง
เอรินแปลกใจจนอ้าปากค้างไปเล็กน้อย ก่อนจะโอดครวญเขาออกมา
“คุณคริสคะ มาบอกปุบปับแบบนี้ไม่ได้นะคะ รินไม่มีชุดใส่ไม่ไปหรอกค่ะ”
“ก็จะพาไปซื้อนี่ไงครับ ผมก็ยังไม่ได้หาชุดเหมือนกัน”
“แล้วทำไมคุณคริสไม่พาแฟน...” เหมือนเอรินจะพูดผิดเพราะคริสแววตาแข็งกร้าวขึ้นทันทีที่เธอเอ่ยคำว่าแฟน
“ผมสั่งให้คุณไปกับผมเอริน”
นั่นปะไรเรียกชื่อเต็มทีไร งานเข้าเอรินทุกที คำสั่งมาเชียว คำสั่งแบบนี้ต้องจ่ายโอทีเธอทุกครั้งไป กี่งานแล้วที่ออกคำสั่งแบบปุบปับ งานขึ้นบ้านใหม่ลูกค้า วันเกิดลูกค้าคนสำคัญ เอรินต้องไปนั่งปั้นหน้ายิ้มเป็นเพื่อนเขาทุกทีไป กระทั่งล่าสุดเป็นงานเลี้ยงรุ่นเธอยังต้องไปกับเขาเลย
‘คุณเลขาช่วยดูแลเพื่อนผมหน่อยนะครับ มันไม่ชินกับการอยู่คนเดียว ไปไหนมาไหนต้องพกสาวไปด้วย’
เอรินจำเพื่อนคนที่เมาหนักแล้วมาวอแวกับเธอได้ ตอนนั้นคริสช่วยกันเขาออกห่างไป ทำให้เธอต่อว่าเขาไปเสียยกใหญ่ เนื่องจากใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด ให้เธอไปงานเลี้ยงรุ่นของเขาทำไม ไม่ได้เกี่ยวกับงานเลยสักนิด
“รินได้ยินผมไหม”
“คะได้ยินค่ะ ไปก็ไป รินโทรบอกพ่อกับแม่ก่อนนะคะ เดี๋ยวจะเป็นห่วงกัน” เอรินบอกแล้วก็เดินออกจากห้องทำงานไป รีบโทรศัพท์กลับไปบอกมารดาเรื่องงานนอกเวลาของตัวเอง
“เอาอีกแล้วนะเจ้านายคนนี้ของรินใช้งานแปลก ๆ อยู่เรื่อย เป็นไรมากหรือเปล่าแม่ว่ามันเกินไปแล้วนะ” นางอิงอรรู้สึกตงิด ๆ ใจกับเจ้านายของลูกสาวอยู่ไม่น้อย สามเดือนที่ผ่านมาเรียกใช้งานอย่างกับทาสก็ไม่ปาน
“เอาน่าแม่รินได้โอทีอยู่นะ ตั้งแต่เจ้านายคนนี้มารินได้เงินเดือนเยอะกว่าทุกเดือนเลยนะแม่” เอรินพยายามมองหาข้อดีของเรื่องนี้ ซึ่งก็พอมีอยู่บ้างเหมือนกัน
“งั้นก็ให้เจ้านายมาส่งที่บ้านนะริน ไม่ต้องนั่งแท็กซี่กลับดึก ๆ เองล่ะ” คนเป็นแม่นึกห่วงเลยต้องกำชับ
“คุณคริสก็มาส่งทุกทีนั่นแหละแม่ก็พูดไป”
“ก็แม่ไม่เคยเห็นนี่”
“จะอยากเห็นเขาไปทำไมแม่ เจ้านายคนก่อนแม่ก็ไม่เคยเห็นอยากเห็นนี่นา”
“มันไม่เหมือนกันนะยัยริน”
“แค่นี้ก่อนนะแม่รินต้องไปเลือกชุดแล้ว” เอรินรีบวางสายมารดา ก่อนที่ท่านจะรบเร้าให้พาเจ้านายจอมใช้งานเก่งเข้าบ้าน ขืนได้เห็นหน้าคริสแม่เธอคงได้ระแวง ในความหล่อเหลาเป็นแน่ ตอนนั้นชีวิตของเธอคงวุ่นวายใช่เล่น
“ไปกันได้แล้วริน” คริสเปิดประตูห้องทำงานออกมา พร้อมพาเอรินไปยังห้องเสื้อ เพื่อเลือกชุดไปงานแต่งของลูกค้าในตอนเย็นของวันนี้
งานแต่งลูกค้าคนสำคัญจัดขึ้นที่โรงแรมสุดหรูใจกลางกรุง เอรินในชุดเดรสสีขาวฟูฟ่องรู้สึกเหมือนตัวเองได้กลายมาเป็นเจ้าหญิง เดินควงแขนมากับหนุ่มสุดหล่ออย่างคริส หญิงสาวไม่เคยแต่งตัวสวยแบบนี้มาก่อน คริสพาเข้าห้องเสื้อชื่อดังอีกทั้งยังให้เขาแต่งหน้าทำผมให้เธออีกด้วย เหตุผลเดียวคือเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีงามของบริษัท
‘ทำไมไม่ใส่คอนแทกต์เลนส์ล่ะริน’
‘รินแพ้คอนแทกต์เลนส์ใส่ไม่ได้ค่ะ’
‘แพ้ยันคอนแทกต์เลนส์’
‘ไม่ได้แพ้แบบนั้นค่ะ มันเคือง ๆ เลยไม่ชอบกลัวตอนใส่ด้วย แต่รินจะทำเลสิกนะคะเร็ว ๆ นี้’
“คนมองรินใหญ่เลยค่ะ” เอรินกระซิบเขาเบา ๆ หลังเดินเข้ามาภายในงานแต่งแล้ว
“ผมว่ามองผมมากกว่านะ ไม่มีใครเขามองเจ้าหญิงใส่แว่นตาหนา ๆ แบบคุณหรอก” อีกคนก็ดับฝันเอรินเบา ๆ เช่นกัน