พวกเราสามคน ฉัน มินตราและเจ๊บอลลูนนั่งรอเจ๊สุ่มราว ๆ ยี่สิบนาทีเธอก็ออกมาพร้อมรอยยิ้มน้อยใหญ่บนใบหน้า
“ถูกใจล่ะสิ”
เจ๊บอลลูนรีบแซว อีกคนเลยทำนิ้วชี้จุ๊ที่ปากส่งเสียงชู่เบา ๆ เป็นอันรู้กันว่ายังไม่อยากเล่า
“หนูบ้างนะเจ๊ เด็ก ๆ ค่อยคิวถัดไป”
ฉันไม่มีปัญหาอยู่แล้วเพราะไม่ได้ตั้งใจมาดูดวงอะไร แค่มาเปิดหูเปิดตาเฉย ๆ
ไม่ถึงสิบห้านาทีเจ๊บอลลูนก็เดินออกมา ที่ข้อมือเธอมีด้ายแดงเส้นหนึ่งผูกติดมาด้วย
“ถามหาเนื้อคู่อีกแล้วล่ะสิ” เจ๊สุ่มรีบแซวคืนบ้าง
“รอบนี้มาชัวร์จ้า”
คนที่เพิ่งออกมาจากห้องยกมือสาธุบนหัวสำทับคำพูด
“อะ ต่อไปคิวใคร” เจ๊สุ่มหันมามองฉันกับมินตรา
“พวกเราแค่มาเป็นเพื่อนค่ะ” ฉันตอบ
“ไม่ได้ มาแล้วทั้งทีอย่าให้เสียเปล่าสิจ๊ะ มีแฟนแล้วก็ให้ดูด้านอื่นได้ ไป ๆ เข้าไปเลย”
เอ้า! ไหงถึงกลายเป็นฉันที่ถูกดันให้เข้าไปเป็นคิวต่อไปได้เนี่ย
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ตรงหน้าหญิงชราคนหนึ่งที่มีผ้าโพกศีรษะคล้ายคนเขาทางภาคเหนือ
ระหว่างเรามีโต๊ะไม้คล้ายโต๊ะนักเรียนสมัยประถมวางกั้นอยู่ บนโต๊ะมีผ้าพรมหลากสีปูไว้และมีเครื่องไม้เครื่องมือที่ฉันพอรู้จักอาทิเช่น แว่นขยาย กระดาน ปากกาแล้วก็ไพ่ทาโร่ต์หนึ่งสำรับ
“วันนี้จะดูด้วยวิธีไหนล่ะแม่หนู”
เสียงแม่หมอที่นั่งอยู่ตรงหน้าค่อนข้างแหบแห้งและยานคางตามอายุของเธอ
ฉันมองของที่วางอยํ่บนโต๊ะก่อนจะเลือกแบบมั่ว ๆ ออกไป
“ขอเป็นจไพ่ทาโรต์แล้วกันค่ะ”
แม่หมอค่อย ๆ หยิบไพ่สำรับนั้นมาวางตรงกลางระหว่างเราก่อนจะเอ่ย
“หลับตาลง ตั้งสมาธิให้ดี ทำจิตใจให้สงบแล้วหยิบไพ่ออกมาวางไว้สามใบ”
ฉันไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไรแต่ก็ไม่ใช่ว่าลบหลู่ ในเมื่อมาถึงที่แล้วก็ขอลองบ้างแล้วกัน
หลับตาลงช้า ๆ กำหนดลมหายใจเข้าออกอย่างมีสามาธิ นับหนึ่งถึงสิบแล้วหยิบไพ่ที่อยู่ตรงหน้าออกมาวางสามใบอย่างที่แม่หมอบอก
“แม่หมอจะเปิดเรียงตามลำดับเลยแล้วกัน”
เธอว่าพร้อมกับเปิดไพ่ใบแรกที่อยู่ซ้ายมือสุดของฉัน
ฉันมองตามไพ่ที่หงายออกมาให้เห็นเป็นรูปผู้ชายคนหนึ่งอุ้มดาบในมือ
“SEVEN OF SWORDS”
เสียงคนตรงหน้าดูไม่ดีเท่าที่ควร แถมยังมองฉันแปลก ๆ อีก
“ไพ่ใบนี้หมายความว่ายังไงเหรอคะ”
ในเมื่อคนรู้ไม่ยอมบอกสักทีฉันเลยถามขึ้น
แม่หมอค่อย ๆ ถอนหายใจแล้วเอ่ยช้า ๆ
“SEVEN OF SWORDS หรือเรียกตามตัวว่า ไพ่ 7 ดาบ ความหมายค่อนข้างชี้ไปในทางไม่ดีเท่าที่ควร”
ฟังแล้วใจแแป้วขึ้นมาทันที
เปิดไพ่ใบแรกมาก็ถูกบอกว่าไม่ดีเสียแล้วยัยน้ำแข็งจอมซวยเอ๋ย!
“ร้ายแรงไหมคะ”
จากไม่เชื่อตอนนี้เริ่มรู้สึกกังวลแล้วละ
“...” แม่หมอยังไม่ตอบ ท่านมองหน้าฉันเหมือนพินิจพิจารณาอะไรสักอย่าง
ผ่านไปเกือบนาทีได้ ริมฝีปากแห้งเหี่ยวตามวัยจึงค่อย ๆ ขยับเอ่ย
“มีแฟนหรือยัง”
จู่ ๆ เธอก็ถามคำถามเบสิก ๆ ขึ้นมา
“กำลังคบกันอยู่ค่ะ”
ทำไมใจฉันถึงได้สั่นแบบนี้กันนะ
“ไพ่ 7 ดาบ ถ้าในด้านความรักกำลังจะบอกว่า คนรักของแม่หนูกำลังจะไม่ซื่อสัตย์และกำลังแอบทำลับหลังแม่หนูด้วยการมีคนอื่น”
หัวใจฉันวูบโหวงจนเหมือนแล่นไปตกอยู่ที่ตาตุ่ม
เธอกำลังเตือนฉันว่าเฮียมาคัสกำลังจะนอกใจฉัน?
ไม่มีทาง!
เฮียมาคัสดีแสนดีขนาดนั้นเขาไม่มีทางทำแบบนั้นลับหลังฉันแน่นอน
เราคบกันมาตั้งครึ่งปี ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกันเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงเลยสักครั้งเดียว
ชายตาแลมองผู้หญิงคนอื่นให้ฉันหึงฉันหวงก็ไม่มีสักครั้ง
สงสัยความแม่นที่เจ๊สุ่มกับเจ๊บอลลูนบอกไว้คงไม่จริงตั้งแต่ไพ่ใบแรกแล้วละ
“ช่วยเปิดใบต่อไปได้ไหมคะ”
ต่อให้ในใจจะคิดแบบไหนแต่ฉันก็ไม่แสดงออกว่าไม่เชื่อคำทำนายนั้นต่อหน้าเธอหรอกนะ มันดูไม่มีมารยาทน่ะ
“THE TOWER”
ฉันเพ่งมองไพ่ใบที่สองที่เป็นรูปเหมือนหอคอยปราสาทมีสายฟ้าผ่าลงมาบนยอดหอคอยจนแตกหัก มีคนตกลงมาบนหอคอย ดูแล้วเป็นลางร้ายแน่นอน
“หอคอยที่สร้างอยู่บนยอดเขา อันไม่มั่นคง โดนฟ้าผ่าพังทลายลงมา คนสองคนจึงต้องกระโดดหนีตาย ลงมาจากหอคอยนั้น โดยไม่แน่ใจว่าเบื้องล่างจะเป็นพื้นดินหรือแม่น้ำ”
แม่หมออธิบายความหมายให้ฉันฟัง แต่แบบนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“แปลว่าไพ่ใบนี้ก็ไม่ดีอีกแล้วใช่ไหมคะ”
เธอมองฉันนิ่งครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย
“เป็นผลพวงมาจากไพ่ใบแรก”
อา...ฉันจับแม่นเกินไปหรือเปล่า
ใบแรกบอกว่าคนรักกำลังนอกใจ พอมาใบที่สองเป็นผลพวงมาจากใบแรกที่คิดว่าความหมายคงหมายถึงการแตกหักในความสัมพันธ์สินะ
เข้าใจทำนายเหมือนกันนะ
“หลังจากไพ่ 7 ดาบทำนายว่าคนรักของแม่หนูกำลังแอบนอกใจ ไพ่เดอะทาวเวอร์กำลังบอกว่าความสัมพันธ์ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นความรัก ความไว้ใจ ความกังวลกำลังจะพังทลายลงในที่สุด”
เห็นไหม การเปิดไพ่ของฉันเหมือนการถูกจัดวางตามลำดับขั้นตอนเลย
“ใบที่สามล่ะคะ”
จากตอนแรกรู้สึกกังวลพอเจอใบที่สองฉันรู้สึกว่าเหมือนถูกจัดฉากแล้วละ
“THE SUN”
ไพ่ที่มีพระอาทิตย์ดวงหนึ่งกำลังยิ้มและเหมือนมีเด็กกำลังขี่ม้าอยู่ถูกหงายขึ้นมา
น้ำเสียงของแม่หมอดูผิดแผกกับสองใบก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง เหมือนเธอโล่งอกโล่งใจกับคำทำนายใบสุดท้ายแทนฉัน
“ความหมายคงไม่ดีแน่ใช่ไหมคะ”
เดาเอาล้วน ๆ สังเกตจากสีหน้าและลักษณะของบรรยากาศในไพ่น่ะ
“เชื่อเรื่องฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอไหมล่ะ”
เธอยิ้มแล้วมองหน้าฉันด้วยคำถามนั้น
“ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงสว่างสดใส เด็กน้อยผู้ร่าเริงออกเดินทางครั้งใหม่ผ่านกำแพงที่กั้นขวางไว้ด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยม”
นี่คงหมายถึงความหมายของไพ่สินะ
“ความหวังที่สดใส ความสุข ความสำเร็จ ความชัดเจน การผ่านอุปสรรคต่าง ๆ และการเริ่มต้นใหม่ที่ดีกว่าเดิมกำลังจะเกิดขึ้น”
อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นไพ่ที่ดี ไม่ได้แย่ทั้งสามใบ
“ดูจากแววตาของแม่หนูไม่ค่อยเชื่อเรื่องคำทำนายเท่าไรเลยนะ”
ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ออกไปก่อนจะพยายามหาคำพูดที่ไม่เป็นการลบหลู่วิชาความรู้ของคนอื่น
“ไม่เชื่อแต่ไม่ได้หมายความว่าต้องลบหลู่เสมอไปนี่คะ ที่จริงหนูสามารถจำคำทำนายพวกนี้ไว้แล้วเอามาใช้ในชีวิตได้ จริงไหมคะ”
แม่หมอค่อย ๆ ยิ้มออกมาช้า ๆ เหมือนถูกใจสิ่งที่ฉันตอบ
“ถ้าไม่สบายใจก็แค่อย่าเก็บไปใส่ใจ แต่อย่าไว้ใจหรือใช้ชีวิตประมาทจนเกินไปก็พอ”
ถือว่าเป็นคำเตือนที่ดี
“ขอบคุณค่ะ หนูจะจำไว้”
ฉันหยิบเงินออกมาจำนวนหนึ่งวางใส่บนพานเพื่อเป็นค่าครูก่อนจะเดินออกมา ทว่า...
“คนใกล้ตัวควรระวัง”
ค่อย ๆ เอี้ยวตัวหันกลับไปมองแม่หมอที่จู่ ๆ ก็เหมือนพูดขึ้นมาลอย ๆ แล้วเธอก็นั่งหลับตาเหมือนตัดขาดไม่ต้องการสนทนากับฉันต่อ
ค่อย ๆ หันกลับมาส่ายหน้าไปมาสองครั้งเลิกคิดมากแล้วมารวมกลุ่มกับพวกเจ๊ ๆ ด้านนอก