บทที่3

1322 Words
“นายครับไอ้บ้านั่นมันผลักผู้หญิงคนนั้นลงน้ำไปแล้วครับนาย!!” เสียงเข้มจากคนบนฝั่งที่จ้องมองภาพเหตุการณ์มาตั้งแต่แรกเริ่มตะโกนดังลั่นขึ้นอย่างตกใจเพราะคิดไม่ถึงเลยว่ากัปตันเรือลำเล็กนั้นจะใจร้ายกล้าผลักเอาผู้โดยสารที่เป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ตัวเท่าลูกแมวน้อยลงน้ำไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้ได้ ครั้นอยากจะวิ่งเข้าไปช่วยก็ไม่กล้าด้วยเหตุผลที่น่าอับอายเกินจะเอ่ยออกไป... “ฉันมีตาไอ้มิ่ง ถึงแกไม่บอกฉันก็เห็น” เสียงเข้มของ ‘ชรัส’ ดังขึ้นตอบสายตาไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้เห็นภาพของหญิงสาวที่ตนเองไม่อยากคิดเลยว่าเป็นใครและมาทำอะไรที่นี่บนเกาะส่วนตัวของเขา เพราะหากคิด...ก็กลัวเหลือเกินว่าสิ่งที่คิดนั้นจะกลายมาเป็นความจริงขึ้นมาเหมือนครั้งก่อนๆ ที่เคยเป็นไป “แล้วเราจะทำยังไงต่อดีครับนาย ดูท่าทางเธอคงน่าจะว่ายน้ำไม่เป็นด้วยนะครับนั่น ทำยังไงดีล่ะครับแบบนี้” มิ่งขวัญยังคงตะโกนก้องไปมาสุดเสียง ตกใจกับภาพที่ได้เห็นอย่างหนักต่างจากผู้เป็นนายที่ได้แต่ยืนมองดูอย่างเงียบเชียบ “แล้วมันใช่เรื่องที่ฉันควรจะต้องใส่ใจด้วยรึไงวะ หรือถ้าแกเป็นห่วงหล่อนมากขนาดนั้นนักล่ะก็ ก็ว่ายน้ำไปช่วยเอาเองสิวะ!” “แต่ว่าผมว่ายน้ำไม่เป็นนี่ครับนายก็ เพราะถ้าหากว่ายเป็นผมคงกระโดดลงไปช่วยเธอตั้งแต่เห็นวินาทีแรกแล้วล่ะครับ” ชรัสจ้องมองคนสนิทด้วยสายตาไม่พอใจอย่างหนักก่อนจะแสร้งทำเป็นไม่เห็นภาพตรงหน้าอยู่นาน ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องมาสนใจเลยสักนิด เพราะถ้าหากว่าเป็นผู้หญิงที่กล้าเหยียบย้ำเข้ามายังเกาะแห่งนี้เห็นทีคงจะหนีไม่พ้นผู้หญิงหน้าเงินที่ผู้เป็นย่าส่งมาให้อีกตามเคย นี่ก็ห่างหายไปนานร่วมสองเดือนแล้วที่ผู้เป็นย่าไม่ได้ส่งผู้หญิงมาให้ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยมีหญิงสาวคนไหนใจกล้าอยู่ที่นี่ได้นานเกินสามวันเลยแม้แต่คนเดียว และหล่อนเองก็คงไม่ต่างกัน! “นายครับเธอจมหายไปแล้วครับนาย!” “เป็นแบบนั้นก็ดีแล้วนี่! ทิ้งไว้แบบนี้สักวันสองวันประเดี๋ยวก็คงลอยอึดขึ้นมาเองนั่นแหละ” เสียงเข้มตวาดแกมดุก่อนจะลอบมองไปยังพื้นผิวน้ำที่นิ่งเรียบไร้ซึ่งหญิงสาวที่เคยดำผุดดำว่ายให้ได้เห็นตามคำบอก “แต่ถ้าหากคุณท่านรู้เรื่องเข้าแล้วสั่งคนมาแอบตัดไฟเกาะของเราอีกมันจะแย่เอานะครับนาย” อีกฝ่ายยังคงไม่ละความพยายามที่จะช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกันพาลทำเอาผู้เป็นนายนั้นขมวดคิ้วหม่นเข้าหาอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก “เอ๊ะไอ้นี่! พูดมากจริงเชียว” ชรัสตะโกนก้องก่อนจะวิ่งพรวดลงน้ำไปทันทีที่พูดจบ แม้ใจอยากจะหล่อนตายไปให้พ้นๆ หน้าแต่อีกใจก็อดสงสารขึ้นมาไม่ได้ ใช้เวลาไม่นานชายหนุ่มก็สามารถลากเอาร่างเล็กที่หมดสติอยู่ใต้น้ำขึ้นฝั่งได้สำเร็จโดยมีมิ่งคอยช่วยเหลืออีกแรง “เอาไงต่อดีครับนาย เธอไม่หายใจแล้ว!” “ถอยไป!” เสียงเข้มร้องบอกก่อนจะผลักตัวคนสนิทออกห่างและเริ่มผายปอดให้หญิงสาวให้อย่างชำนาญก่อนจะเอื้อมมือไปตบแก้มใสเบาๆ อยู่หลายต่อหลายครั้งเพื่อกระตุ้นให้หล่อนรู้สึกตัวจนกระทั่งร่างบางในอ้อมแขนสำลักเอาน้ำทะเลออกมาในที่สุดมือเรียวเล็กยังคงกำแขนเสื้อของเขาเอาไว้แน่นอย่างลืมตัวและไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ชายหนุ่มจ้องมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ก่อนจะได้สติในเวลาต่อมา “แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง!” ร่างสูงลุกเหยียดตรงขึ้นเมื่อพูดจบก่อนจะเดินหนีจากไปไม่คิดที่จะหันมาสนใจหญิงสาวที่ผู้เป็นย่าส่งมาให้อีกเลย “นายนะนาย! ทำไมใจดำแบบนี้นะ” นายมิ่งเอ่ยขึ้นตามหลังก่อนจะเป็นฝ่ายอุ้มหญิงสาวขึ้นแนบอกก่อนจะรีบมุ่งหน้าไปยังบ้านพักคนงานที่อยู่ไม่ใกล้เท่าไหร่นักทันทีเพราะไม่อยากทิ้งหล่อนเอาไว้แบบนี้กลัวว่าจะเกิดเป็นอันตรายขึ้นมาอีก “ใครวะไอ้มิ่ง! หน้าตาสะสวยเชียว” ศรีเพ็ญผู้เป็นแม่ที่ทำหน้าที่เป็นแม่ครัวประจำเกาะร้องถามขึ้นทันทีที่พบหน้า สายตาจ้องมองหญิงสาว. ในอ้อมแขนของลูกชายตัวเองอย่างพิจารณา “อย่าเพิ่งถามอะไรฉันให้มากความเลยแม่ รีบมาช่วยพาคุณเข้าไปพักในบ้านก่อนเถอะ” “เออๆ ก็ได้ๆ รีบเอาเข้ามาเร็วเข้า!” แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นักแต่เมื่อเห็นท่าทีของลูกชายหญิงชราจึงไม่คิดที่จะเอ่ยถามอะไรออกไปอีกนอกเสียจากช่วยกันดูแลหญิงสาวปริศนาที่แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกตัวเสียที “ข้าว่าคนนี้สวยกว่าคนไหนๆ ที่คุณท่านเคยส่งมาเลยนะเอ็งว่าไหม หน้าตาก็สวยหวานผิวพรรณก็สวยอีกต่างหาก ว่าแต่แล้วนี่นายเห็นเธอรึยัง ถูกใจเธอรึเปล่า” “อย่าว่าแต่ถูกใจอะไรเลยแม่ แม้แต่หน้านายยังไม่ยอมมองเลย นี่ยังกำชับกับฉันมาอีกนะว่าให้พาไปพักที่กระท่อมข้างเรือนใหญ่ห้ามให้ใครให้การช่วยเหลือเด็ดขาด นี่ถ้ารู้ว่าฉันแอบพามาที่นี่มีหวังเราสองคนงานเข้าเอาแน่ๆ” “เออๆ ยังไงเสียคืนนี้ก็ให้คุณแกพักอยู่ที่นี่ไปก่อน อาการหนักขนาดนี้ไปอยู่คนเดียวคงไม่รอดแน่ พรุ่งนี้ค่อยว่ากันอีกทีก็แล้วกัน” หญิงชราตัดบทอย่างเหนื่อยใจ คิดไม่ถึงเลยว่าคุณท่านนั้นจะยังไม่ยอมล้มเลิกความพยายามได้ง่ายๆ หลังจากที่เงียบหายไปนานหลายเดือน เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อแพรขนตายาวสวยค่อยๆ ปรือขึ้นอย่างเชื่องช้ารับแสงตะวันที่สาดส่องผ่านช่องหน้าต่างสีขาวเข้ามาภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ไม่คุ้นเคยเท่าไหร่นัก สมองรีบหวนคิดทบทวนถึงภาพเหตุการณ์สุดท้ายที่เกิดขึ้นทันทีแต่ยังไม่ทันจะได้คิดร่างของหญิงชราใบหน้าใจดีคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นขัดจังหวะเข้าซะก่อน “อย่าเพิ่งลุกตอนนี้เลยค่ะคุณ ประเดี๋ยวจะหน้ามืดเอา นี่ฉันทำข้าวต้มมาให้ทานซะนะคะจะได้มีแรง” หญิงชราร้องทักขึนเมื่อเห็นท่าทางอีกฝ่ายที่พยายามจะลุกขึ้นจากเตียงเพราะเกรงว่าหญิงสาวอาจจะทรุดหนักไปอีก “ขอบคุณนะคะป้า ว่าแต่ที่นี่คือ…” พิชญาเอ่ยถามอย่างสับสนอย่างหนักสายตาจ้องมองไปรอบๆ เพื่อรอคำตอบของคำถามที่เปล่งออกไปเมื่อสักครู่ “ที่นี่คือบ้านพักของฉันเองแหละค่ะคุณ ฉันชื่อศรีเพ็ญ แต่คนบนเกาะนี้มักจะเรียกว่าป้าเพ็ญ คุณเองก็จะเรียกตามคนที่นี่ก็ได้นะคะ” “บนเกาะเหรอจ๊ะ นี่ฉันยังไม่ตายจริงๆ ใช่ไหมจ๊ะป้า เพราะเท่าที่ฉันจำได้ ฉันถูกผลักตกจากเรือ จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลยจนกระทั่งตอนนี้” “แค่เกือบๆ เท่านั้นแหละค่ะคุณ โชคยังดีที่คุณชรัสช่วยคุณเอาไว้ได้ทันการ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD