“ถ้ากัลย์ทำอย่างนั้นก็เท่ากับว่ากัลย์เป็นคนที่แย่มากสิครับ และเนรคุณพี่สาวของตัวเองลงอย่างนั้น พี่อรเพราะพี่อรนั้นเป็นยิ่งกว่าแม่ของกัลย์เสียอีกแบบนี้กัลย์จะมีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อแม่คนที่สองของตัวเองได้อย่างไรมันบาปครับ”
กัลย์บอกพี่สาวทำให้หล่อนเข้าใจและยิ้มด้วยความตื้นตันปีติที่น้องสุดที่รักเคารพหล่อนถึงเพียงนั้น นับได้ว่าเท่าที่หล่อนนั้นอุตสาหะพากเพียรทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อจุนเจือเลี้ยงดูน้องชายคนนี้ตั้งแต่วัยเยาว์ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย
ที่หล่อนยอมทนทุกอย่างยอมเหนื่อยมาทุกอย่างนั้นเพื่อน้องชายและสมหวังแล้วหล่อนขอแค่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่สาวคนนี้ทำมาเพื่อน้องชายและขอให้กัลย์เป็นคนดีของสังคมก็พอใจแล้วค่าที่หล่อนเลี้ยงดูน้องด้วยความรักเอาใจใส่และหล่อนไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนจากเขานั้น
“ก็กัลย์หมายถึงพี่ภุมมินทร์มากกว่าต่างหากล่ะครับพี่ภุมมินทร์เขาสนใจพี่อรถ้าเป็นอย่างนี้ พี่อรอย่าปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปนะครับ”
น้องชายเอ่ยเชียร์
“แหม เล่นไปเชียร์คนอื่นมากกว่าพี่ของตัวเองเชียวนะกัลย์” หล่อนค้อนใส่น้องชายเบาๆกัลย์เอาแต่ยิ้ม
“อ้าว เพราะผมมีเหตุผลไงครับ ผมอยากได้คนที่ปกป้องพี่สาวของผมได้ตลอดชีวิตและผมก็เห็นแล้วเขาเข้ามาใกล้พี่อรมากและโอกาสแบบนี้หายากนะครับคนที่เรารู้จักสนิทสนมดีกว่าคนที่เราต้องไปเสาะแสวงหาจากที่อื่นซึ่งไม่รู้ว่าจะใช่หรือไม่ใช่ ”
น้องชายกำลังจะพูดให้หล่อนได้คิด และหล่อนจะทำตามที่น้องชายบอกและขอร้องตามไหมอร
จะว่าไปภุมมินทร์ หล่อนก็รู้สึกรักเขาเหมือนกันรักตรงที่ความดีของเขา ทำให้หล่อนเห็นเสมอต้นเสมอปลายและหล่อนกำลังตอบตกลงกับเขา ว่าหล่อนจะแต่งงานกับเขาด้วย
และจำได้ว่าภุมมินทร์ได้เอ่ยขอกับเธออีกครั้ง ตอนที่ขับรถมาส่งที่บ้านและหล่อนจะขอรอให้คำตอบของเขาในวันพรุ่งนี้และที่แน่นอนนั้น หล่อนจะตอบตกลงอย่างแน่นอน
เขานั่งมองดูซุ้มไม้เลื้อยอย่างสายน้ำผึ้งเถาพวงครามที่เลื้อยลอดพาดพันอยู่บนโครงเหล็กนอกหน้าต่าง อีกครั้งหลังจากผละจากพี่สาว มันส่งกลิ่นหอมอ่อนๆลอยมาปะทะจมูก
ขณะที่กัลย์ณพเริ่มที่จะตรวจงานของเด็กใหม่อีกครั้งเพราะค่อนข้างเยอะทีเดียวจนบางครั้งสมองเบลอไปสลับด้วยการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมแผนการสอนในวันรุ่งขึ้น
ดังนั้นช่วงนี้เขามักจะนอนดึกทุกวันอีกอย่างคิดถึงเรื่องพี่สาว ถ้าพี่สาวแต่งงานออกเรือนไปนั้น เขาสุดแสนจะดีใจมากที่สุดไม่ใช่เป็นอารมณ์ผลักไส เขาต้องการให้พี่สาวมีความสุขเหมือนมนุษย์ทั่วไปที่มีครบครันไม่ใช่อยู่ตัวคนเดียวอย่างน้อยน้องชายอย่างเขาคิดว่า
พี่สาวของเขานั้นควรจะมีสามีดูแลเพราะจะเป็นความสุขที่แท้จริงและเท่าที่ดูแล้วพี่ภุมมินทร์คนนี้นั้นรักพี่สาวของเขาเป็นอย่างมาก มองไม่เห็นสิ่งที่ไม่ดีหรือบกพร่องแต่ถ้ามีก็ทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก เช่นเจ้าชู้เป็นเรื่องที่กัลย์จะให้พี่สาวของเขาหลงรักคนเจ้าชู้เลย เพราะกัลย์เองไม่ใช่คนเจ้าชู้ ไม่ถึงกับเกลียด แต่ว่าไม่ชอบเท่านั้น
ที่บ้านพักหลังหรูงดงามสมเป็นคฤหาสน์ราคาประมาณพันล้านของครอบครัวนี้ สรัยภาหญิงสาวกำลังจะออกจากบ้าน หลังจากกลับจากที่ทำงานก่อนที่จะออกไป ก็ได้จ้ำจี้จ้ำไชให้บรรดาหลานๆทำการบ้านให้เสร็จ กำชับไว้ด้วยถ้าไม่เสร็จกลับมาจะถูกทำโทษ
หลานทั้งสองกลัวจะตัวหงอกับคำขู่ของน้าสาวรีบตั้งหน้าตั้งตาทำการบ้านพอหล่อนรู้สึกวางใจแต่การบ้านนี่สิ นึกตำหนิครูเด็กตัวกะเปี๊ยกเท่านี้ ทำไมให้การบ้านเยอะจังยังกะเด็กมัธยมเลย
เพราะมีนัดไว้กับจิรัชย์หล่อนแต่งกายในชุดที่เด่นเช่นเคยในค่ำของวันนี้เสื้อแขนกุดสีม่วงกระโปรงยาวคลุมเข่าสีน้ำตาลตัดกับผิวที่ขาวราวกับหยวกกล้วยก้าวลงจากบ้านด้วยท่วงท่าที่มีเสน่ห์เพราะหล่อนทั้งสวย เริดเชิดหยิ่งสวยราวกับนางพญา
เมื่อไปถึงแล้วปรากฏว่าจิรัชย์ เป็นคนคอยหล่อน
หล่อนเอ่ยถาม และขอโทษเพื่อน และอ้างว่าเป็นเพราะการจราจร
“ฉันขอโทษนะจิ เธอมาคอยฉันนานแล้วหรือยังรถติด”
คนที่นั่งรอคอยเพื่อนมานานแล้วถึงกับทำหน้าเซ็งเอ่ยตอบบ่น ในการมาช้าครั้งนี้
“แหม..มาถามได้เล่นมาซะป่านนี้ นี่มันปาเข้าเกือบยี่สิบนาทีแล้วนะยายภาเธอนี่”
“ก็ขอโทษแล้วนี่นานะจ๊ะหายโกรธหายงอนฉันเถอะจิ”
พยายามเอ่ยเอาใจเพื่อน
สีหน้าของจิรัชย์นั้นมีแววหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ในที่สุดก็อ่อนลง เพราะสรัยภานั้นมีคำพูดที่ทำให้เพื่อนหนุ่มหายงอนและโกรธลงได้
จากนั้นทั้งคู่ก็ก้าวเข้าไปข้างในผับแห่งนี้ที่ดูค่อนข้างเงียบ เพราะจิรัชย์มายืนคอยหล่อนอยู่ข้างนอกอาจจะเป็นเพราะแขกยังไม่ทยอยมากันเหมือนช่วงตอนดึกแต่สรัยภาก็ชอบบรรยากาศแบบนี้ เพราะเงียบสงบดีโดยเฉพาะมีแพลงฟังสบายเป็นเพลงสากลทำนองหวานและโรแมนติกฟังแล้วชวนเคลิบเคลิ้มให้อารมณ์ยิ่งนักกับค่ำคืนเวลานี้สลับกับเพลงแจ๊สเป็นระยะ
จิรัชย์จ้องมองหน้าของสรัยภาและดูเหมือนว่าสรัยภาเพื่อนรักนั้นมีเรื่องครุ่นคิด ทำให้ต้องเอ่ยถาม
“เธอเป็นอะไรไปหรือภาฉันดูแล้ว ท่าทางของเธอไม่ค่อยจะแฮปปี้เลยกับการมาเที่ยวครั้งนี้ นี่มีอะไรซีเรียสหรือเปล่าบอกฉันมาก็ได้” เมื่อเพื่อนถามอย่างนี้ สรัยภาเองสะดุ้งเล็กน้อยเพราะจิรัชย์ช่างสังเกตดูตัวหล่อนเหลือเกิน แต่ก็ตอบเพื่อนไปว่า
“ก็ไม่มีอะไรหรอกน่า ”
“จริงหรือเปล่าที่ไม่มีอะไร” ถามเพื่อนรักเหมือนไม่เชื่อ
“นี่เธอบอกฉันได้นะภาแต่ฟังไม่ขึ้นหรอก ฮึไม่มีอะไรได้ยังไงก็ดูทำหน้าเข้าสิยังกะแบกโลกไว้นี้ทั้งใบเลย”
หล่อนคิดในใจ ถึงขนาดนี้เชียวหรือ
“นี่ฉันเครียดก็จริงแต่ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกจิรัชย์”
หล่อนดุใส่เพื่อนทำสีหน้าเคืองใส่ จนทำให้จิรัชย์ยิ้มให้
“ก็แหย่ภานั่นล่ะ ถ้าไม่นึกแหย่ภาฉันก็ไม่รู้จะแหย่ใครดีทำให้หัวเราะออกมาบ้าง เคืองบ้างจะได้อารมณ์ดี ดีกว่านั่งหน้าหงิกอยู่เฉย”
“อ๋อนี่แกล้ง ใช่ไหมอีตาจิรัชย์ นึกว่าจะห่วงเราด้วยใจจริง”
สรัยภางอนตอบ พูดพร้อมกับนิ่งเงียบไม่พอใจเหมือนกัน
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะก็จิน่ะหวังดีหรอกและเข้าใจตามใจภาทุกอย่างเลยนะ และอยากให้ภาสบายใจสุขใจเท่านั้นเอง”
“ไม่ชอบให้ทำหน้าเศร้าถ้ามีปัญหาก็บอกมาเถอะยัยภา”
แต่สรัยภายังเงียบ คล้ายครุ่นคิดไปถึงเรื่องอื่น
พีรธานโทร.นัดเขาให้มาหาในช่วงกลางดึกธุระอะไรกันเขาไม่ชอบสังสรรค์ไม่ชอบเหล้าและควันบุหรี่ในเมื่อพีรธานเรียกแต่ก็ดีเหมือนกันนะที่ตอนนี้ก็นึกนอนไม่หลับ
มันกังวลหลายอย่างไม่สบายใจถ้าออกไปข้างนอกได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้างก็ดีไม่น้อยผ่านไปทางห้องพี่สาวเห็นปิดไฟดับนอนแล้วก็ไม่อยากจะรบกวน