ภุมมินทร์ยังไม่กลับเขาอยากอยู่กับหล่อน ช่วยหล่อน อยากคุยอยากพูดอยากได้ยินเสียง
ศรีบังอรแม้รู้ตัวว่าช่วยเหลือตัวเองไม่ถนัดนัก แต่ไม่อยากให้เขาอยู่ในบ้านนานนักเพราะมันดูน่าเกลียดอีกอย่างหล่อนเองเป็นสาวเป็นแส้ แม้จะผ่านวัยโสดมานานขึ้นเลขสามสิบต้นๆแล้ว
แต่หล่อนก็ไม่เคยเปิดโอกาสให้ใครมากขนาดนี้มีแต่ภุมมินทร์คนแรก เขามาเล่าเรื่องต่างๆให้หล่อนฟังอีกมากมาย เพื่อนที่ทำงาน แต่ละคนที่รู้จักและสนิทสนมด้วย เกี่ยวกับเรื่องโปกฮาหรือขำขัน หล่อนนิ่งฟังแล้วอมยิ้มใจเป็นสุข
“ขอบคุณนะคะคุณมินทร์ที่เล่าอะไรให้อรฟังตั้งหลายอย่าง ฝากความคิดถึงเพื่อนๆด้วยค่ะไว้หายดีแล้วอรจะไปทำงาน”
หล่อนเอ่ยบอกหลังจากที่ฟังจบ
ภุมมินทร์คิดอีกหลายวันทีเดียวเมื่อหล่อนหายดีแล้ว เขาคงได้เจอหล่อนในที่ทำงานดีเหมือนกันหลายวันมานี้เขาเฝ้าแต่ห่วงหล่อน ไม่เจอหล่อนในที่ทำงานเหมือนเช่นทุกวันเหมือนทำงานเฉื่อยๆไม่มีความกระตุ้นตัวเองหรือกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเลย
เขาว่าหล่อนเป็นสาเหตุเรื่องนี้อาการหล่อนไม่ได้เป็นหนักขนาดล้มหมอนนอนเสื่อเป็นแรมเดือน หล่อนจะต้องหายวันหายคืนเพราะเขาจะมาเยี่ยมหล่อนบ่อยๆ
“ยังไม่อยากกลับบ้านอีกหรือคะมินทร์”
หล่อนเอ่ยถามเขา ไม่ใช่เพราะไล่แต่อยากจะรู้และห่วงกลัวเขาจะกลับดึก มีเขาอยู่เป็นเพื่อนก็ดีเพราะจะได้ไม่เหงาตอนนี้กัลย์น้องชายก็กลับมาแล้วจึงไม่รู้สึกห่วง
ถึงเวลาที่ภุมมินทร์จะต้องกลับไปบ้านหัวใจเขาอัดแน่นเต็มไปด้วยความสุข จนคนที่บ้านแปลกใจผ่องพรรณกับโกศลที่เป็นบิดามารดาเพียงแต่มองเขาเท่านั้นหลายวันมาแล้วที่โกศลกับผ่องพรรณสังเกตลูกชายคนโตคนนี้ ทำเหมือนกับคนมีความรักหรือว่าพ่อภุมมินทร์ ของคุณผ่องพรรณของนางกำลังพบคนที่ถูกใจ
หลายครั้งแล้วที่ภุมมินทร์ปฏิเสธคนที่คุณผ่องพรรณหาให้ที่วาดหวังจะให้เป็นลูกสะใภ้ทั้งลูกสาวเพื่อนสนิทของเธอรวมทั้งลูกสาวของเพื่อนสนิททางสามีแต่ภุมมินทร์ก็เอาแต่ปฏิเสธอย่างเดียวเหมือนไม่พอใจผ่องพรรณไม่เห็นด้วยกับการที่ช่างเลือกมากของลูกชาย
เคยบอกแก่ภุมมินทร์ให้ได้รู้ว่าเดี๋ยวจะเข้ากับคำโบราณที่ว่า เลือกนักมักได้แร่ ภุมมินทร์ยังไม่มีท่าทีใดๆนอกจากเงียบเรียบเฉยอย่างเดียวผ่องพรรณอ่อนอกอ่อนใจที่จะคะยั้นคะยอบังคับ
แต่เมื่อมาสังเกตกิริยาของลูกชายหมู่นี้นางสงสัยว่าจะเป็นเช่นนั้น ภุมมินทร์เองก็ปล่อยตัวเองมาจนอายุปูนนี้แล้วตอนนี้เขากำลังทำตัวเหมือนพ่อหนุ่มน้อย ผ่องพรรณมองแล้วก็รู้สึกแปลกออกจะขำลูกเต้าเหล่าใครกันชักอยากจะเห็นหน้าเข้าแล้วสิว่าลูกชายของนางไปตกหลุมรักใครที่ไหนเข้าอีก ในวัยที่จะเฉียดใกล้สี่สิบอยู่รอมร่อ
กัลย์ณพปรนนิบัติดูแลพี่สาวต่อ ศรีบังอรในเวลานี้เริ่มรู้สึกดีขึ้น จนเอ่ยบอกกับน้องชายว่า
“อีกสองวันพี่คิดว่าน่าจะลุกไปทำงานแล้วล่ะกัลย์พี่ไม่นอนอยู่กับบ้านเหมือนเดิมหรอกหลายวันมานี่อึดอัดเหลือเกิน”
กัลย์เข้าใจดี เพราะอาการเจ็บปวดของพี่สาวหล่อนบ่น เพราะว่าเบื่อชีวิตเคยทำแต่งานคุ้นกับงานพบปะเพื่อนฝูงประจำครั้นพอไม่ได้พบตั้งนานหลายวันเป็นอาทิตย์สองอาทิตย์ป่านนี้ที่ทำงานเป็นยังไงบ้างเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหน
“แต่พี่อรยังมีวันหยุดต่ออีกสามวันนี่ครับถึงจะครบกำหนด”
กัลย์จำได้ในใบลาของพี่สาวเพราะว่าศรีบังอรไหว้วานให้เขาช่วยพิมพ์ให้ ศรีบังอรพยักหน้า
“ก็ใช่หรอก แต่ว่านะพี่คงไม่ทนรอนานขนาดนั้นแล้วนะตอนนี้ก็รู้สึกดีขึ้นแค่นอนเจ็บอยู่กับบ้านสองสามวันอุดอู้อยู่อย่างนี้ พี่ก็เบื่อจะแย่แล้ว” กัลย์ถอนหายใจ เงยหน้ามองพี่สาวหลังจากบ่นให้ฟัง
“แต่ว่าพี่อรก็ต้องเชื่อหมอนะครับเพราะว่าพี่อรก็ยังไม่หายดี แต่ถ้าจะไปก็ไม่ต้องนั่งรถเมล์นะครับนั่งแท็กซี่ไปดีกว่า”
“จ๊ะ”กัลย์แสดงความห่วงใยแก่พี่สาวถึงแม้พี่สาวจะไม่มีใครก็ตาม แต่ในวันหนึ่ง วันข้างหน้าเขาเองต้องมีครอบครัวมีภรรยาและลูก และเขาก็ยินดีเสมอที่จะโอบอุ้มเลี้ยงดูชีวิตพี่สาวอีกหนึ่งชีวิต ถ้าหล่อนยังครองตัวเป็นโสด
อนาคตใหม่ของเขากำลังเริ่มต้นขึ้นได้ไม่นานในการเป็นครูสอนเด็ก ต่อไปกัลย์จะรับงานสอนพิเศษด้วยเงินเป็นสิ่งที่เขาต้องการ เขามอบวิชาความรู้ที่ผ่านการร่ำเรียนมาให้เด็กและลูกศิษย์ไปสิ่งเหล่านี้กัลย์คิดอยู่ในหัวแต่พี่สาวจะมองว่าเขาหักโหมทำงานมากเกินไป สุขภาพเขายังแข็งแรงมีความอดทนอย่างนี้ เขาคิดว่ายากยิ่งนักที่จะล้มป่วย เพราะกัลย์ไม่ใช่คนขี้โรค
โรงเรียนที่กัลย์สอนไม่ได้มีปัญหาอะไรกัลย์เข้ากับครูคณาจารย์ร่วมโรงเรียนเดียวกันคนอื่นๆได้ในเวลาที่รวดเร็วเพราะความที่เป็นคนพูดจาอ่อนน้อมบุคลิกภาพค่อนข้างเพอเฟกต์เป็นแมนเต็มร้อยสง่าร่าเริงแจ่มใสไม่ว่าจะเป็นครูกรรณิการ์ ครูพจนาครูชัยยศ ครูเมลินดากับ บาบาร่าหรือบ๊อบเควิน ปัจจุบันนี้กัลย์เองต้องการพัฒนาภาษาอังกฤษของเขาให้ก้าวหน้าเพิ่มขึ้นมากด้วยเขาไม่อยากหยุดนิ่งอยู่แค่นี้
ภาษาอังกฤษมันจะต้องมีการใช้การพูดอย่างต่อเนื่องถึงจะทำให้พัฒนาการดีมีความก้าวหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษเขาจึงต้องอ่านข่าวดูทุกวันเกี่ยวกับคืบหน้าความเป็นไปของทั่วโลกข่าวสารบ้านเมืองรวมทั้งด้านเทคโนโลยีการศึกษา
ทั้งบ๊อบและเควินเพื่อนครูเชื้อสายอเมริกันกับเควิน ซึ่งเป็นชาวอังกฤษ ช่วยเขาได้มากยิ่งนักและดูเหมือนเควินพยายามที่จะให้เขาสอนภาษาไทยเป็นการตอบแทนด้วย
เควินกับบ๊อบอยากจะเรียนรู้ภาษาไทยเท่ากับภาษาอังกฤษเขาเองก็ตอบรับคำช่วยฝึกช่วยหัดให้เพื่อนทั้งสองพูดและหัดเขียนตัวพยัญชนะและสระของไทย ลายมือหัดเขียนของทั้งสองค่อนข้างที่จะโย้ อ้วนกลมเหมือนโอ่ง
ซึ่งอ่านแล้วก็นึกขำเหมือนกัน โรงเรียนนานาชาติแห่งนี้นับถือศาสนาคริสต์และกัลย์นับถือศาสนาพุทธซึ่งไม่มีอุปสรรคแต่อย่างใดทุกคนยอมรับได้ ต่างเชื้อชาติศาสนาแต่มาทำงานร่วมกัน
หล่อนชื่อสรัยภาหญิงสาวผู้มีมาดเก๋และร่างระหงงามสมส่วนของหญิงสาวนั้นอยู่ในชุดแส็คสีครีมแต่งหน้าเพียงแค่บางเบาไม่ได้ลงเข้มนัก หล่อนมารับหลานสาวกับหลานชายแทนพ่อแม่ของเด็ก
ที่วันนี้ติดประชุมใหญ่ที่บริษัทซึ่งมีความสำคัญเพราะทั้งคู่ถือว่าเป็นเจ้าของบริษัทในครอบครัวนักธุรกิจของหญิงสาวมีพี่ชายเป็นคนโตของบ้าน ชื่อ โอมันต์และมีภรรยาชื่อนภเรขทั้งคู่เลยวานให้หล่อนมารับน้องแฮมกับน้องชีสผลิตผลจากความรักของทั้งคู่ที่กลายมาเป็นทายาทมหาเศรษฐีหมื่นล้านตัวน้อยของเมืองไทยขณะนี้
แต่ว่าสรัยภายังมีหลานชายอีกคู่ที่เป็นลูกของพี่ชายคนกลางอีกคน ที่ชื่อ อาวัจน์ กับพี่สะใภ้สาวลูกครึ่งอเมริกาที่ชื่อแพนทรี
ตัวสรัยภาน้องคนเล็กของบ้านยังเป็นสาวโสดซึ่งพี่ชายทั้งสอง หลังจากแต่งงานแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาปั๊มผลิตทายาทจนสมใจมีหลานให้คุณปู่กับคุณย่าเชยชมถึงสี่พระหน่อด้วยกันทั้งสองคู่นั้นล้วนเป็นลูกชายหญิงทั้งนั้นของพี่โอมันต์พี่คนโตกับพี่สะใภ้คนไทยแห่งเมืองราชบุรี นภเรข