ตอนที่ 10 ชื่อตอน ตี้อิง

1525 Words
ในชาติก่อนนั้น มีสตรีผู้หนึ่งนามว่าตี้อิง ได้เคยช่วยเหลือพวกนาง ในยามที่พวกนางนั้นหลบหนีผู้คนของสกุลเจ้ากับร่งฉีและชิงหมิง สตรีผู้นั้นช่วยทำแผลให้ชิงหมิงและคอยดูแลให้ที่หลบซ่อนอยู่จนชิงหมิงนั้นหายดี ในภายหลังนางถูกบังคับให้แต่งงานกับบุรุษข้างกายของฉูหวางที่มีนามว่าปัวต่งหลาน คนผู้นั้นชอบตบตีนางและทำร้ายนางอยู่ตลอด ชิงหมิงมักจะลักลอบไปดูนาง และแอบช่วยเหลือนางโดยการแอบเผาห้องครัวของปัวต่งหลาน บ้างก็นำแมวไปผูกให้มันร้องอยู่บนหลังคานั้น บ้างก็ใช้เลือดไก่ไปสาดไว้ให้หนูและแมลงร้ายมาวนเวียน จนปัวต่งหลานนั้นคิดว่านางคือปีศาจ เร่งหย่าขาดกับนางลงไปเสีย ลงท้ายนางก็อยู่ผู้เดียวอย่างเดียวดาย ในชาตินี้นั้น นางคงต้องขอให้ชิงหมิงนั้นไปสืบความหลังของนางก่อน หากมีสิ่งที่น่าสนใจบ้าง ก็ย่อมต้องหาทางแต่งนางเข้าสกุลเซี่ยให้ได้แล้ว เช่นนั้น ในวันนี้ชิงหมิงและร่งฉี จึงหอบเอาเซี่ยหลันเสวี่ยคนงามมาด้วยกัน ยามที่มาถึงที่ข้างเรือนของตี้อิงแล้ว สวรรค์นั้นทำร้ายคน ชิงหมิงลื่นลงไปที่หน้าเรือนของนาง แล้วร้องดังลั่นออกมาจนตี้อิงนั้นต้องออกมาดูคน นางตกใจมากเร่งเข้าไปไต่ถามคนในทันที “คุณชายท่านเป็นอันใดมากหรือไม่เจ้าคะ “ “อร่า กระดูกข้าเคลื่อนแล้ว ปวดเหลือเกิน ปวดเหลือเกิน “ ตัวแสดงงิ้วช่างทำท่าทางได้เสมือนจริงจนไร้ที่ติเลย สองคนที่แอบมองจึงต้องซุ่มดูอยู่ห่างๆ แอบดูคนประคองกันเข้าไปแล้วก็หัวเราะคิกๆ ก่อนจะถูกสะกิดจนต้องหันไปและพบว่าองค์ไท่จื่อกับหยางไท่เวย พร้อมผู้ติดตามครบครันแอบติดตามพวกนางออกมาด้วย “พวกเจ้ามาทำอันใดกันที่นี่ เรือนหลังนี้เป็นของสกุลฟาง เป็นผู้มีอำนาจในทางน้ำมิต่างไปจากสกุลเจ้าเลยทีเดียว “ ยามที่หลันเสวี่ยได้ยินเช่นนั้นก็ดวงตาโตขึ้นมา แล้วเอ่ยว่านางได้ข่าวมาว่าฉูหวางจะให้สตรีผู้นี้แต่งงานกับปัวต่งหลานจึงมาดูชมคนเสียหน่อย หยางไท่เวยหัวเราะร่าและก้มลงมาซุบซิบกับบุตรของตนในทันใด “สกุลปัวกับเรานั้นเหมือนน้ำมันกับไฟ หากอยู่ร่วมกันพังพินาศ เช่นนั้นพวกเจ้าทำเช่นใดก็ได้ยื้อแย่งนางมาให้ได้ก่อนสกุลปัวเสีย แม้แต่จะลักลอบขโมยกินนางก็ต้องทำลงไป ข้าจะมิปล่อยให้สกุลฟางนั้นต้องอยู่ภายใต้สกุลปัวโดยเด็ดขาด มีคนแซ่ปัวที่ใดต้องมิมีแซ่หยาง สิ่งใดมันชมชอบหากข้านั้นมิได้มา ก็ต้องหักทิ้งทำลายเสีย “ หลันเสวี่ยฟังแล้วทำหน้าเลี่ยนขึ้นมา ว่าที่แท้สวรรค์ช่างตลกยิ่ง นางอยากจะช่วยคนก็ได้ช่วยคนจริงๆ แต่ทว่าในชาตินี้คุณหนูฟางนั้นจะชมชอบชิงหมิงหรือไม่ หากคนมิชมชอบกันแล้วจะทำเช่นใดกับนางเล่า คิดยังมิทันจบความองครักษ์ขององค์ไท่จื่อก็ทะยานไปเจาะรูเป่าควันบางอย่างลงไป แล้วชิงหมิงก็โวยวายลั่นขึ้นมา “อ๊าก พวกเจ้าทำสิ่งใด เหตุใดข้าจึงร้อนไปหมดแล้ว “ “ซานหวงจื่อทรงโปรดนางหรือไม่ขอรับ “ “ข้าชอบนางหรือมิชอบ แล้วไปเกี่ยวอันใดกับพวกเจ้ากัน “ “ถ้าชอบนางก็ทำข้าวสารให้เป็นข้าวสุกเสีย บิดาของนางรักบุตรสาวผู้นี้มาก แต่ติดที่ฝุเหรินนั้นร้ายกาจขอรับ นางเป็นบุตรของอนุแต่ทว่านางนั้นเป็นที่รักของบิดา สกุลฟางย่อมตามใจท่านไปหลายส่วน ยามที่จะปิดกั้นลำน้ำทำการค้า หากขาดสกุลเจ้าย่อมต้องเหลือสกุลฟาง จะปล่อยทางน้ำไปทั้งหมดย่อมมิได้ “ “ฮึ่ม พวกเจ้าใช้ยาอันใดกับข้า บอกข้ามานะ อึ่ก อร่า อร่า “ “ขออภัยขอรับ ข้าน้อยมีแต่ยาปลุกกำหนัดม้า สองสามวันนี้ท่านมิต้องห่วงเรื่องอาหารเลยขอรับ ข้าน้อยจะดูแลท่านเป็นอย่างดี “ เอ่ยจบเท่านั้นคนก็โวยวายลั่น และเสียงเตียงก็ดังออกมาพร้อมเสียงของสตรีร้องครวญครางขึ้นมา “อร้า อร้า อร้า “ หลันเสวี่ยตาโตขึ้นมาชี้หน้าคนกำลังจะด่าออกไปแล้ว แต่ผู้คนก็หัวเราะร่า นางถูกอุ้มหายกลับเรือนสกุลเซี่ยมาอย่างมิยินยอม องค์ไท่จื่อนั้นไปทูลความพระบิดาของพระองค์ แล้วทุกคนนั้นก็หัวเราะดังลั่นขึ้นมา ที่แท้แล้วฝ่าบาทก็มิโปรดฉูหวางนัก ทั้งยังสนุกสนานมากที่บุตรของพระองค์นั้นได้กลั่นแกล้งคน “ฮ่า ฮ่า ฮ่า สกุลฟางก็ดี อายุเท่านี้แล้วทดลองอุ่นเตียงกับสตรีก่อนก็ดีแล้ว ต่อไปจะรักชอบสตรีใดก็มิยากแล้ว “ องค์ฮ่องเต้สรวลลั่นและเอ่ยให้ผู้คนเตรียมการเสด็จกลับเมืองหลวงในทันที ดังนั้นทุกสิ่งที่ชิงหมิงทำนั้นพระองค์นั้นจะมิรู้อันใดเลย ต่อไปย่อมต้องเป็นสกุลเซี่ยที่ต้องตัดสินความและแก้ไขเรื่องราววุ่นวายต่อไปแล้ว หลันเสวี่ยใบหน้าเบี้ยวขึ้นมา นางหันไปข้างกายและทุบตีคนระบายแค้นขึ้นมาในทันที “พวกท่านล้วนร่วมกันรังแกนาง พวกท่านมันน่าตบตีให้ตายนัก “ “โอ๊ย คุณหนูอย่าตีข้า ท่านตบตีคนรักท่านเช่นนี้ ต่อไปถ้าข้าช้ำในตาย ท่านจะมีชายที่รักท่านอย่างจริงใจได้อย่างไรกัน “ “ฮึ่ม ท่านมันคนบ้า “ สองร่างตบตีกันเหมือนหนูกับแมวตบตีกัน หยางไท่เวยหัวเราะขึ้นมาแล้วติดตามฝ่าบาทกลับไปที่เมืองหลวง ตัดสินใจแล้วว่าจะดำรงอยู่ในตำแหน่งไท่เวยอีกมินาน ด้วยคิดว่าการได้พบบุตรชายของตนนั้นคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตนี้แล้ว หลังจากนั้นสามเดือน สกุลหยางได้ส่งเกี้ยวเจ้าสาวไปที่สกุลเซี่ย แต่งคุณหนูเซี่ยเข้าจวนของไท่เวยอย่างสมเกียรติ ท่านพ่อท่านแม่ของนางนั้นกอดกันอย่างดีใจ คิดว่าต่อไปนั้นร่งฉีจะต้องปกป้องนางได้อย่างดี มารดาของนางและสตรีในสกุลเซี่ยมาหวีผมให้นางแล้วกล่าวอวยพรอย่างดีใจ สตรีในเรือนส่งมอบเครื่องทองของเจ้าสาวให้นางคนล่ะชิ้น ด้วยสิ่งเหล่านี้ หมายความว่าเจ้าสาวนั้นจะมีความสุขมากเช่นพวกนาง “หลันเอ๋อร์ ต่อไปนี้เจ้าจะต้องมีความสุขให้มาก ต่อไปเจ้าจะเป็นผู้คนของสกุลหยางแล้ว เหมือนน้ำที่สาดออกไปย่อมมิหวลคืนกลับมาอีก ที่ผ่านมาแม่นั้นรอคอยวันนี้มาโดยตลอด วันที่เจ้านั้นจะต้องมีความสุข โบราณว่าถ้ามีบุตรสาวแล้วก็ต้องแต่งออกไป แต่ทว่าพ่อกับแม่นั้นรักเจ้ามาก การที่เจ้านั้นได้พบความรักเช่นนี้ ท่านพ่อของเจ้าย่อมดีใจมากกว่าผู้ใด ท่านพ่อของเจ้าเฝ้านำเจ้าขี่คอร้องเพลงไปในทุ่งหญ้า กล่าวว่าบุตรสาวนั้นจะต้องเติบโตมาเป็นสตรีที่แสนงดงามที่สุด เช่นนั้นแล้วจงทำตนให้มีความสุขและงดงาม “ “เจ้าค่ะท่านแม่ ลูกรักพวกท่านมากที่สุด ลูกรักผู้คนของสกุลเซี่ย ในชีวิตนี้ลูกจะต้องหาทางตอบแทนบุญคุณสกุลเซี่ยให้ดีเจ้าค่ะ “ “เด็กโง่ตอบแทนอันใดกัน ทุกสิ่งนั้นคือความรักของพวกเราที่ส่งไปถึงตัวเจ้า เด็กโง่ของแม่ แม่รักเจ้าที่สุดมากที่สุดในโลก “ สองร่างโอบกอดกันจนแน่น ท่านแม่ของนางหยิบแผ่นชาดมาให้นางเม้มริมฝีปากลงไป ก่อนจะค่อยๆช่วยคลุมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวและท่านพ่อของนางก็มารอแบกนางไป “หลันเอ๋อร์ พ่อคิดว่าวันที่เราอยู่ในทุ่งหญ้าเพิ่งผ่านไปมินาน ทุกอย่างเหมือนความฝัน วันนี้เจ้าเจิบโตงดงามแล้วพ่อคงส่งเจ้าขึ้นเกี้ยวไปเป็นเจ้าสาวของผู้อื่นแล้ว อย่าลืมว่าอย่าให้ผู้ใดรังแกได้ เจ้าคือบุตรสาวของสกุลเซี่ย “ “เจ้าค่ะ ท่านพ่อ “ หลันเสวี่ยแทบจะร่ำไห้ออกมา กลิ่นควันไฟในอากาศและดวงตาของท่านพ่อในยามนั้น ยังอยู่ในฝันร้ายของนางทุกค่ำคืน มิคิดว่าในครานี้นางได้กอดได้สัมผัส กระทั่งได้ขี่หลังของท่านพ่อเพื่อมาขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวเสียอีกด้วย ความฝันนี้ช่างเป็นฝันที่นางนั้นมิอยากตื่นขึ้นมาอีกแล้ว ทุกสิ่งนี้คือฝันดี ที่นางมิอาจจะปล่อยมันออกไปจากความทรงจำได้อีกเลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD