Episode-๐๓ ชีวิตเสเพล

1132 Words
หลายวันมานี้มีอะไรให้คิดเยอะมาก มั่นใจว่าตัวเองเก่งมากพอที่จะไม่รู้สึกอะไรกับคำพูดคนอื่นที่ไม่ได้รู้จักเราดี แต่พอเอาเข้าจริงมันไม่ใช่เลย บางครั้งฉันก็รู้สึกอยากเป็นผู้พึ่งพาบ้าง ไม่ใช่ผู้ถูกพึ่งพาอย่างในตอนนี้ “กลับยังไงอ่ะ” “...” “แนน!!” “ห๊ะ?” “ถามว่ากลับยังไง” “รถเมล์มั้ง” “ไปด้วยกันดีกว่า พี่ทิวมาพอดีเลย ไปๆ” ยังไม่ทันได้ตอบอะไร ตาลมันก็ลากฉันมาขึ้นรถเลยค่ะ วันนี้ภามไม่มาไง ปกติจะกลับกับมัน “เพื่อนหนูเครียดอะไรหรือเปล่าเนี่ย ดูทำหน้าดิ” “ไม่รู้เหมือนกัน หนูถามหลายครั้งแล้วมันไม่บอก เลยต้องลากมาด้วยไง” “นินทาระยะเผาขนเชียวนะ” ฉันว่ายิ้มๆ ... : ฮ่าๆๆ “เปล่าเลย ไม่ใช่แบบนั้น มึงไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง ว่ามาเลยเป็นอะไร” ไอ้ตาลเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง ถ้าโกหกมันต้องโกรธมากแน่ๆ “มีปัญหาทางบ้านนิดหน่อย” “ไม่นิดมั้ง... แล้วกูช่วยอะไรได้บ้าง” รู้สึกดีกับคำพูดนี้จังเลยค่ะ “เอาไว้กูไม่ไหวจริงๆจะขอความช่วยเหลือจากมึงแล้วกันนะ” “ได้ดิ ขอให้บอกจริงเถอะ ไม่ใช่เก็บไว้คนเดียวแล้วให้กูรู้เอง” “...” รู้ทันสมกับเป็นเพื่อนซี้จริงๆเลย ^_^ ลงจากรถก็ไม่ลืมขอบคุณอีกครั้ง พี่ทิวไม่ได้มาส่งหน้าบ้านนะคะ ฉันให้เขาส่งตรงปากทางเท่านั้นเอง ในซอยมันแคบค่ะ กลับรถลำบากแล้วอีกอย่างเกรงใจด้วยแหละ พอเดินมาถึงบ้านก็ต้องแปลกใจเมื่อบานประตูมันหลุดออกมา สภาพเหมือนโดนงัด คิดได้แบบนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปด้านในทันที ข้าวของทุกอย่างกระจุยกระจาย เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านหายไปจนหมด เหลือเพียงพัดลมเก่าๆตัวเดียว “ไง...” น้ำเสียงทุ้มของใครบางคนดังมาจากด้านหลัง “คุณเป็นใคร?” แต่งตัวดูดีค่ะ ไม่น่าจะเป็นโจรแน่นอน “แม่หนูอยู่ไหน?” เขาเลี่ยงที่จะตอบฉันแต่กลับถามหาแม่ฉันแทน “หนูไม่รู้หรอก หนูเพิ่งจะมา” “...” เขาไม่พูดอะไรออกมาอีก แถมยังช้อนสายตามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า “แล้วคุณเป็นใคร” ฉันทวนคำถามอีกครั้ง กลัวก็กลัวแต่ต้องใจดีสู้เสือเข้าไว้ “เป็นใครไม่สำคัญหรอก บอกแม่หนูด้วยว่าเอาเงินหนึ่งแสนบาทมาคืนฉันได้แล้ว นี่ใจดียืดเวลาให้ตั้งสามเดือนแล้วนะ หรือว่า...หนูยินดีจะใช้แทนให้ล่ะ” “เงินอะไร? หนูไม่เห็นรู้เรื่องเลย แม่เมาไม่เป็นผู้เป็นคนแบบนั้นไปกู้ยืมใครเขาจะให้!! นี่หลอกกันอยู่หรือเปล่าเนี่ย” ฉันโวยวายใส่คนตรงหน้ายกใหญ่ เงินตั้งเป็นแสนจะให้ยืมกันง่ายๆเชียวเหรอ “ไปถามมันเอาเอง แล้วอีกสามวันฉันจะกลับมาเอาคำตอบ” จบประโยคเขาก็ขึ้นรถออกไปเลย ไม่อธิบายหรือบอกอะไรให้ฉันรู้มากกว่านี้ และคนเดียวที่จะให้คำตอบได้ก็คือแม่สินะ ให้ตายเหอะ นี่มันบ้าบออะไรอีก ลำพังก็หาเงินตัวเป็นเกรียวอยู่แล้ว ทีนี้ยังต้องหาอีกส่วนมาใช้หนี้ด้วยอย่างนั้นเหรอ? นานหลายชั่วโมงที่ฉันนั่งนิ่งอยู่แบบนั้น จนตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้ว ในที่สุดคนที่ฉันเฝ้ารอเขาก็กลับมาพร้อมกับสภาพมึนเมาเกินบรรยาย... “แม่ไปเอาเงินใครมา?” ฉันตั้งคำถามอย่างใจเย็น “มึงเป็นลูก มึงก็ใช้ไปสิ จะถามทำเหี้ยอะไร” “แม่!!” “ทำไม? ไม่มีปัญญาได้ดิบได้ดีมึงก็ตอบแทนบุญคุณกูด้วยวิธีนี้แหละ ไอ้เสี่ยมันชอบมึงจะตาย ไปเป็นเมียมันสิ กูจะได้สบายไปด้วย ฮ่าๆๆ” แต่ละคำที่พูดออกมา ไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของฉันเลยสักนิดเดียว ฉันหวังนะว่าลึกๆแล้วแม่คงรักฉันบ้าง ที่เป็นอยู่ตอนนี้แค่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์เท่านั้นเอง “จะมองหน้ากูอีกนานไหม? อาบน้ำแล้วไปทำงานสิ จะได้เอาเงินมาให้ใช้บ้าง ก็ถ้ามีผัวรวยคงไม่ต้องลำบากขนาดนี้หรอก” “หยุดพูดสักทีเถอะ!! คำก็ผัวรวย สองคำก็ผัวรวย เคยมองตัวเองไหมว่าเป็นยังไงบ้าง!! ไม่ไหวแล้วนะเว้ย!! อะไรก็ผิดไปหมด ถามจริงๆ เห็นหนูเป็นลูกบ้างไหม แม่เอาแต่เมา งานการไม่ทำหนูก็หาให้ไม่เคยอด” “...” “กลับบ้านมาก็ต้องมาเห็นแม่สภาพนี้อ่ะ เมื่อก่อนแม่ไม่ได้เป็นแบบนี้เลย ทำไมล่ะคะ!! ทำไม!! รู้ไหมว่าแต่ละวันแม่งโคตรจะเหนื่อย แต่คำว่าลูกมันทำให้หนูทิ้งแม่ไม่ได้ ถ้าเด็ดขาดมากพอตายได้คงตายไปแล้ว!!” เป็นครั้งแรกที่ระเบิดความอัดอั้นในใจออกมา มีผัวรวยอย่างนั้นเหรอ... เหอะ! ใครจะอยู่กับฉันได้ถ้ารู้ว่ามีแม่สภาพนี้ เดินตามทางไปเรื่อยเหมือนคนไร้จุดหมาย มองไปทางไหนแม่งก็โดดเดี่ยวไปหมด ถ้าเห็นแก่ตัวอีกหน่อยและเลือกที่จะใช้ชีวิตตามใจฉัน ป่านนี้คงมีความสุขไปนานแล้ว ไม่ต้องมานั่งคิดนั่งเครียดว่าวันนี้จะหาเงินได้จากไหน จะมีให้พ่อกับแม่ไหม “ไปด้วยกันไหมครับ” ใครคนหนึ่งเทียบรถตรงหน้าฉัน ไอ้คำถามบวกกับท่าทางแบบนี้ รู้ดีว่ามันหมายถึงอะไร “...” บางทีนี่อาจจะเป็นอีกเส้นทางของฉันก็ได้ “ว่ายังไง พี่จ่ายไม่อั้นนะ” หมับ! “ไม่ไป!!” “เฮีย...” “เป็นบ้าอะไรวะ!! จะทำให้ได้เลยใช่ไหมไอ้อาชีพนี้อ่ะ” “เออ! จะทำแล้วหนักหัวใคร เฮียไม่ได้เป็นหนู เฮียไม่มีวันเข้าใจหรอก ลองมาเป็นหนูไหมล่ะ พ่อแม่ทะเลาะกันทุกวัน!! แม่ก็เมา พ่อก็ติดการพนัน มีครอบครัวแต่ก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ใช้ชีวิตได้มาจนถึงป่านนี้ก็ถือว่าบุญหัวแล้ว!! ไม่เห็นมีใครเข้าใจเลย ฮึก...” ในที่สุดน้ำตาก็ไหลออกมาจนได้ “...” เฮียไกด์มองหน้าฉันนิ่งๆก่อนจะจูงมือฉันมาที่รถ แล้วพาไปไหนไม่รู้ ตลอดเส้นทางฉันเอาแต่ร้องไห้และคิดน้อยใจในโชคชะตาอยู่แบบนั้น จนรถจอดสนิทที่บ้านพักหลังหนึ่ง “พามาที่นี่ทำไม” “ก็มึงยืนยันที่จะทำแบบนั้นไม่ใช่เหรอ นี่ไง... กูจะเป็นคนแรกให้เอง” “...”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD