เช้าอีกวันฉันก็มาเรียนตามปกติค่ะ ที่ผิดปกติคงจะเป็นเรื่องเวลาซะมากกว่า สารภาพตามตรงว่ากลางคืนนอนไม่หลับ จะหลับตีสองตีสามหรือไม่ก็ใกล้เช้ามาก ๆ เลย อาจเป็นเพราะฉันเป็นคนย้ำคิดย้ำทำมั้งคะ หลาย ๆ อย่างมันเลยทำให้วงจรชีวิตต้องเป็นแบบนั้น
“แนน ไปเป็นเพื่อนหน่อยดิ” จู่ ๆ ภามมันก็พูดขึ้น
“ไปไหน”
“พ่อจะให้ไปเจอใครบางคนน่ะ ไปเป็นไม้กันหมาให้หน่อย”
“ใช้กู?”
“เออดิ ตอนแรกจะให้น้ำตาลช่วย แต่คงไม่เนียน มึงแหละได้สุด ทั้งบุคลิกและวิธีการรับมือ”
“นี่ชมใช่ไหม?”
“ใช่แหละ นะ ๆ ... ชั่วโมงเดียว”
“เออ” ตอบตกลงมันอย่างไม่คิดอะไรมากนัก
ต้องบอกก่อนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ ฉันเองก็ไม่เข้าใจมันเหมือนกันว่าทำไม? โตจนป่านนี้พ่อแม่ยังหาคู่ชีวิตให้อยู่อีกเหรอ
“ครั้งนี้ถ้ามึงไม่บอกกูจะเลิกช่วยแล้วจริง ๆ ” ฉันยื่นคำขาดให้กับมัน เอาจริงตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวมันเลยด้วยซ้ำ
“กูก็ไม่รู้จะเริ่มยังไง” น้ำเสียงมันฟังแล้วสิ้นหวังมากเลยค่ะ
“โอเค... กูตั้งคำถามเองแล้วกัน มึงยังชอบผู้ชายอยู่ไหม?”
“...”
“ภาม ถ้ามึงไม่พูดอะไรออกมาเลยกูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยมึงได้ประมาณไหน”
“มึง... ที่กูเคยบอกว่าชอบอ่ะ กูไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”
“อะไรวะ กูงงนะเนี่ย ก็ตอนนั้นมึงบอกกูกับไอ้ตาลว่ามึงชอบผู้ชายไง”
“ใช่! แต่ไม่ได้ชอบทุกคนไง”
“...” ฉันเงียบเพื่อรอฟังสิ่งที่มันจะพูด อย่างที่บอกถ้าไม่รู้อะไรเลยก็ช่วยไม่ได้เหมือนกัน ให้คำแนะนำไม่ถูกด้วย
“กูแค่รู้สึกว่าตัวเองพิเศษกับใครคนหนึ่งเท่านั้นเอง และใครที่ว่ามันก็เป็นเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่มัธยม”
“คือมึงรู้สึกดีกับไอ้เพื่อนคนนี้ซึ่งเป็นผู้ชาย ถูกไหม?”
“อืม กูไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร แต่มีแค่มันที่ทำให้กูรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกดูแล ถูกเอาใจใส่ แต่กูไม่เคยแสดงตัวหรือสารภาพอะไรกับมันเลยนะ ภายนอกก็เพื่อนกันแมน ๆ เนี่ยแหละ แต่แค่ความรู้สึกบางอย่างมันต่างออกไปเท่านั้นเอง”
“ที่กล่าวมาทั้งหมดเนี่ยเพราะมึงไม่เคยได้รับจากใครใช่ไหม?”
“...”
“กูไม่ได้เข้าใจมึงอย่างสุดซึ้งอะไรหรอกนะ แต่กูเองก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน แถมยังต้องแบกหน้ายิ้มตลอดเวลาอีกด้วย บางครั้งกูก็อยากพึ่งพาใครสักคนชนิดที่ว่าหันไปเจอเขาแล้วกูสบายใจขึ้นมาทันทีเลยอ่ะ โดยที่เราไม่ต้องพูดหรืออธิบายว่าเป็นอะไร” ฉันพูดออกไปตามความรู้สึกของตัวเอง ไม่แปลกหรอกที่ภามมันจะหวั่นไหวน่ะ คนเรามันต้องให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตัวเองขาดอยู่แล้ว เราต่างเรียกร้องและตามหามันด้วยกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าใครจะถูกเติมเต็มด้วยความรักหรือผลประโยชน์เท่านั้นเอง
“แต่มีอย่างหนึ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้”
“อะไร?”
“ความรู้สึกจริง ๆ ของกูไง ตอนอยู่ใกล้กันมันก็ดี พอห่างกันกูกลับรู้สึกเฉย ๆ ไม่ได้คิดถึง ไม่ได้โหยหา ส่วนเรื่องที่พ่อกูพาลูกสาวชาวบ้านมาทำความรู้จักเนี่ยกูก็ไม่ได้อะไรนะ สวยน่ารัก แต่ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นไง กูเลยไม่แน่ใจว่าตัวเองชอบอะไรกันแน่ จะว่าสับสนก็ไม่ใช่หรอก”
“กูไม่รู้จะอธิบายยังไงให้มึงเข้าใจ เอาเป็นว่าวันหนึ่งถ้ามึงเจอใครสักคนที่ใส่ใจมึงทุกอย่าง วันนั้นมึงจะได้คำตอบเอง ว่าแต่ครั้งนี้พ่อมึงเกริ่นไว้ไหมว่าจี้ดจ้าดหรือเปล่า” ที่ถามแบบนี้ไม่ใช่อะไรฉันจะได้รับมือถูก ฮ่า ๆ
“ไม่ได้บอกว่ะ แต่แม่กูคอนเฟิร์มมาว่ากูต้องชอบคนนี้แน่นนอน”
“ต้องรอดู”
วันนี้เลิกเรียนเร็วค่ะฉันเลยตอบตกลงไปเป็นเพื่อนมัน ส่วนไอ้ตาลกลับบ้านไปแล้ว เห็นบอกว่าจะไปเยี่ยมแม่พี่ทิวมั้งนะ
“กูมีเวลาให้มึงไม่เกินสองชั่วโมงนะ ขืนช้ากว่านี้ต้องถูกเฮียไกด์ด่าแน่นอน” ฉันหันไปบอกไอ้ภามที่ตอนนี้พวกเรามาหยุดยืนที่ร้านเบเกอรี่แห่งหนึ่ง
“เออ”
เข้ามาในร้านสายตาฉันก็ปะทะเข้ากับใครคนหนึ่ง
“...” เป็นเวลาสองปีแล้วที่เราไม่ได้เจอกันอีกเลยตั้งแต่จบมอปลาย
“พี่...” น้ำเสียงใสของใครอีกคนเอ่ยเรียกภามทำให้ฉันละสายตาจากเขาคนนั้นแล้วหันไปสนใจสาวน้อยตรงหน้าแทน
“น่ารักว่ะ” ประโยคนี้ฉันหันไปกระซิบมัน
“อยู่มอปลาย?” แทนที่จะสนใจคำพูดฉันมันกลับตั้งคำถามกับคนตรงหน้าแทน
“ค่ะ คุณลุงให้หยามารอพี่ที่นี่ หยาก็เลย...”
“ซื่อบื้อ! ใครสั่งให้ทำอะไรก็ทำตามไปซะหมด” ให้ตายเหอะ ไอ้หมอนี่ปากแจ๋วใช้ได้เลย สาวน้อยฉันหน้าหดเหลือสองนิ้วเลยค่ะ
“มึงก็พูดดี ๆ น้องมันกลัว”
“เฮ้อ...”
“ไอ้นี่!”
ตั้งแต่เจอมาคนนี้เรียบร้อยสุดค่ะ ผู้หญิงเหมือนกันฉันดูออก แต่เพื่อนรักฉันนี่สิปากเสียใช้ได้เลย คิดว่าจะมีแค่เฮียไกด์ซะอีกที่อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ
“แนน” ใครคนหนึ่งเรียกฉันจากด้านหลัง
“...”
“เป็นยังไงบ้าง สวยขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย”
“เราก็สวยเป็นปกติอยู่แล้วนะ แล้วด้าล่ะ เป็นยังไงบ้าง”
“เราก็เหมือนเดิมเพิ่มเติมคือโสดมาสองปีละ”
“อ่อ...”
“เราต้องไปแล้ว ขอเบอร์ติดต่อหน่อยสิไว้คุยกัน” มันว่ายิ้ม ๆ และแน่นอนว่าฉันให้ไป “เดี๋ยวเราโทรหานะ”
“อืม”
คล้อยหลังด้าฉันก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าให้มันไปทำไม? ... ไอด้าคือคนที่ฉันเคยคุยด้วยค่ะ ความสัมพันธ์ที่เรียกว่าแฟนแต่ไม่ใช่แฟนและเป็นเพราะฉันเองที่ไม่สามารถตอบสนองความรู้สึกเหล่านั้นได้จึงทำให้ทุกอย่างหยุดอยู่กับที่และหลงเหลือไว้เพียงความทรงจำเท่านั้นเอง เป็นเพราะความไม่ชัดเจนของฉันทำให้รู้สึกว่าตัวเองพลาดอะไรบางอย่างไปทั้งที่ตอนนั้นมันเองก็ให้ความรู้สึก ให้ใจและให้ความชัดเจนมาตลอดแต่ฉันกลับไม่กล้าที่จะรักมัน...
หลังจากทุกอย่างจบลงฉันก็ทำได้เพียงมองดูความรักครั้งใหม่ของมันกับน้องคนนั้นอยู่ห่าง ๆ มีเสี้ยวหนี่งที่เคยคิดถ้าตรงนั้นเป็นฉันก็คงจะดี แต่มันไม่ทันแล้วค่ะ ทุกอย่างมันสายไปแล้ว จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองจะรักใครได้หรือเปล่า ถ้าถามว่าทำไมถึงรักไม่ได้? ฉันเองก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เหมือนกัน ลึก ๆ ในใจก็หวังว่าจะมีใครสักคนที่ทำให้ฉันกล้าเปิดใจและรักเขาได้จริง ๆ