“ตกลงว่าไอ้โทนี่มันเป็นแฟนอุ่น?” โทนที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับโทนี่พูดขึ้นอย่างสงสัย ไอ้นี่มันซุ่มคบกับผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ เขารู้เพียงแค่นั้น แต่ไม่คิดว่ามันจะคบกับอิ่มอุ่น ผู้หญิงที่ดูเงียบๆไม่ค่อยมีอะไรดึงดูดใจเลยคนนั้น
“มึงสนิทกับมันที่สุดแล้วไหม ถามพวกกู จะรู้ไหมละ!”
“แล้วเราละแวว มีแฟนใหม่ไปหรือยัง”
โทนถามผู้หญิงที่อิ่มอุ่นเคยนั่งข้างๆ แววตาดำขวับดูวูบไหวเพียงเสี้ยววินาทีก็กลับมาเป็นปกติ ใบหน้าเรียบเฉยไม่เคยเผยความรู้สึกให้ใครได้อ่าน
“ต้องเรียกว่าไม่เคยมีแฟนถึงจะถูก”
แววตาเหล่มองคนที่เอาแต่จ้องหน้าเพื่อนของตัวเองนิดๆ รู้สึกว่ามาผิดที่ผิดทางนิดหน่อย ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้อีกแล้ว แต่เพราะเอื้อมดาว เธอจึงต้องตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้
เอื้อมดาวสังเกตเพื่อนเงียบๆ ปกติแววตาไม่ค่อยสนใจผู้ชายคนไหน แต่วันนี้กลับมองปีขาลบ่อยๆ ผู้ชายคนนั้นก็ดูดีไม่น้อย ก็ไม่แปลกที่เพื่อนเธอจะมอง แต่เธอคิดว่าระหว่างคนทั้งสองมันต้องมีอะไรแน่ๆ เธอสังเกตเห็นตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว ที่ปีขาลยีหัวเพื่อนเธอ เพราะแบบนั้นจึงไม่ชอบใจ ที่เขาทำนิสัยอ่อยไปทั่ว
“กินเสร็จแล้วอย่าเพิ่งกลับนะ ช่วยร้องเพลงของฉันหน่อย”
ปีขาลโน้มตัวไปกระซิบบอกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม แบบไม่เกรงใจสายตาใคร ใบหน้าคมขึ้นสีนิดหน่อย เมื่อคิดถึงเพลงที่ตัวเองแต่งไว้
“บอกแล้วนะว่าค่าตัวแพง”
“เออ!”
อารมณ์ขวยเขินเมื่อกี้ปลิวหายไปทันที ผู้หญิงอะไร เก่งเรื่องทำให้คนหงุดหงิดชะมัด นึกว่าตัวเล็กน่ารัก ว่านอนสอนว่าย ที่ไหนได้ โคตรดื้อ
“คุณแต่งเพลงเองเหรอ แนวไหนอะ”
ถ้าเป็นเรื่องเพลงหรือดนตรีมักจะดึงความสนใจของเอื้อมดาวได้เสมอ ตอนนี้เธอสนใจแกมสงสัย ว่าผู้ชายอย่างเขาแต่งเพลงแนวไหนอยู่ ที่จริงเธอก็แต่งเพลงบ้าง เป็นเพลงแนวอาร์แอนบี ไม่ก็เพลงช้าๆฟังสบายๆ
“ก็ลองแต่งทุกแนวแหละ แต่ตอนนี้น่าจะป็อปกับอาร์แอนบี ถนัดแนวนี้ มันฟังง่าย”
“ชักอยากเห็นแล้วสิ ว่าแต่งได้จริงหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าขี้โม้หรอกนะ”
“เธอนี่นะ ไม่เหมือนที่คิดไว้เลย นึกว่าหงิมๆ”
ปีขาลพูดอย่างที่คิด มีแววว่าในอนาคต เขาจะถูกปราบ ถ้ากำราบเธอตั้งแต่ตอนนี้ไม่ได้
“คนเราไม่ได้ดูกันแค่วันเดียวหรอกนะ อาหารมาแล้ว” เธออยากเลี่ยงเขานะ เขาดูอันตรายและคล้ายผู้ชายในอดีต เธอไม่อยากพบเจอกับเรื่องเลวร้ายซ้ำสองหรอก
มื้ออาหารที่ควรจะอึดอัดกลับคึกครื้นขึ้นมานิดหน่อย เพราะมีนักเอ็นเตอร์เทนฝีมือดีอย่างนับตังค์ที่ขยันชวนคนนั้นคุยคนนี้คุย จากที่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร กลายเป็นว่ามีเรื่องให้คุยอย่างต่อเนื่อง จนอาหารที่สั่งมาเหมือนเลี้ยงคนทั้งหมูบ้านหมดลงในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
“สั่งเพิ่มไหม”
ปีขาลถามความเห็น เมื่อได้คำตอบปฎิเสธ ก็ก้มหน้าลงมองจอโทรศัพท์ต่อ ไม่สนใจว่าเพื่อนจะชวนใครคุยอะไร ตอนนีสิ่งที่ดึงความสนใจเขาอยู่คือเนื้อเพลง
“กินเสร็จแล้วกลับเลยไหมจะไปส่ง”
“เห้ย! มึงก็ให้น้องๆล้างชามให้กูหน่อยดิ วันนี้แม่บ้านหยุดอะ” นับตังค์รีบรั้งไว้ เมื่อโทนี่รีบดึงตัวคนที่นั่งอยู่ข้างๆลุกขึ้นยืน ทั้งสองคนคงกำลังคบกันอยู่ หรือไม่ก็อาจจะไม่ใช่เลย
“ก็เหลืออีกตั้งสองคน กลับเถอะ เดี๋ยวแม่เป็นห่วง” โทนี่ไม่สนใจ เดินจับมือคนรักของตัวเองออกไปนอกบ้าน โดยมีนับตังค์อ้าปากพะงาบๆด่าตามหลัง
“มึงก็กล้าให้แขกล้างชามให้นะ เอาไว้นั่นละ เดี๋ยวกูล้างให้”
โทนทำท่าจะเดินเข้าไปในครัว ที่มีสองสาวอาสายกจานชามเข้าไปเก็บ จริงๆเขาก็มีเรื่องจะคุยแววตาอยู่นิดหน่อย ไหนๆก็มีโอกาศ เลยไม่อยากพลาด เหมือนเมื่อก่อน
เอื้อมดาวมองคนที่อยู่ข้างๆนิดหน่อย ขณะช่วยกันล้างชามอยู่ วันนี้เพื่อนเธอเงียบผิดปกติ ทั้งๆที่พี่นับตังค์ขยันหาเรื่องไปถาม ก็ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยตอบ เหมือนคนที่คิดอะไรไม่ตกงั้นแหละ
“แววเป็นอะไร อาการแม่ไม่ดีเหรอ หรือคิดมากเรื่องเงิน”
“เห้อ! ใช่ที่ไหนละ คิดเรื่องอื่น ค่ารักษาแม่ไม่เท่าไหร่หรอกน่า”
เอื้อมดาวเป็นเพื่อนรัก แม้ฐานะต่างกันมาก แต่ไม่เคยรังเกียจ ซ้ำยังช่วยเหลือกันมาตลอด แม้จะอยู่คนละหมู่บ้านก็ตาม ถึงจะแยกย้ายกันไปเรียนคนละที่ตั้งแต่จบมอสาม แต่ก็ยังสนิทและคุยกันทุกเรื่อง เหมือนไม่เคยห่างกัน
“ถ้ามีปัญหาก็บอกนะ เอื้อมเองจะกลับทางนู้นแล้วด้วย”
เอื้อมดาวแค่มาพักสมอง แต่เหมือนกลับมา เธอจะยุ่งกับการตะล่อนเที่ยวกับเพื่อนมากกว่า เพลงก็ไม่ได้เขียนสักท่อน จึงตั้งใจว่าจะกลับไปวางแผนใหม่ที่นู้นเร็วๆนี้
“ไหนบอกว่าจะอยู่หลายเดือน แล้วที่จะทำเพลงกับพี่ขาล” ไม่กล้าละมือจากจานชามหันหน้าไปหาเพื่อนนัก เพราะตอนนี้ชื่อปีขาลทำให้เธอหวั่นไหวขั้นสุด
“ค่าตัวแพง เขาจ้างไม่ไหวหรอก ฮะฮ่า”
“พี่ขาลจ้างไหว ถ้าเขาอยากได้อะไร เขาไม่ปล่อยให้หลุดมือ”
“ผู้ชายแบบนั้นเชื่อไม่ได้หรอกนะ ดูก็รู้ว่าเล่นๆ ไม่อยากเป็นของเล่นใคร”
“ไม่หรอก เขาไม่ใช่คนแบบนั้น อาจจะจริงที่เขาแค่เล่นๆกับคนที่ไม่อยากได้ แต่ถ้าเป็นอะไรที่เขาแสดงออกว่าสนใจ เขาไม่เคยเล่นๆเลยสักครั้ง”
รู้สึกฉุนนิดๆ ที่เพื่อนพูดแบบนั้นทั้งๆที่ไม่รู้จักผู้ชายอย่างปีขาลดี แต่เหมือนจะคิดผิด เมื่อหันไปเจอสายตารู้ทันของเอื้อมดาว
“ชอบเขาใช่ไหม?”
พูดพร้อมสายตาคาดคั้นกดดันให้เพื่อนเผยความรู้สึก
“ก็…เคยชอบ”
“เพราะแบบนั้นแหละถึงอยากจะไป สำหรับเอื้อมมันยังไม่มีความรู้สึกแบบนั้นกับเขา ครั้นอยู่ต่อก็มีแต่จะทำให้เขาสับสนเท่านั้น เอื้อมไม่เชื่อหรอกนะว่าเขาจะจริงจังกับผู้หญิงที่เพิ่งเจอแค่คืนเดียวอะ”
เอื้อมดาวอยากจะยกมือลูบผมเพื่อนนิดๆ แต่ติดตรงที่มือเธอมีแต่ฟอง จึงทำได้แค่ส่งยิ้มไปให้ คนที่ทำสีหน้าแปลกๆมองเธออยู่
“เอื้อมยังคบกับผู้ชายคนนั้นอยู่เหรอ”
“เลิกกันแล้วก่อนจะกลับมา ตอนนี้โสด แต่ยังไม่ถูกใจใครง่ายๆหรอกนะ คนมีปมเรื่องผู้ชาย จะมีรักง่ายๆมันก็กลัว”
เอื้อมดาวล้างมือจนละอาด เมื่อหน้าที่ในส่วนของตัวเองไม่มีแล้ว กับแววตาเธอพูดได้ทุกเรื่องจริงๆ และคิดว่าเพื่อนคงเข้าใจ
“มันก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ผู้ชายก็ไม่ได้แย่แบบนั้นทุกคน”
ถ้าไม่รู้ว่าเอื้อมดาวผ่านเรื่องเลวร้ายอะไรมา เธอจะรู้สึกหมั่นไส้นิดๆ ที่ผู้หญิงสวยแบบเอื้อมดาวมาพูดอะไรแบบนี้ สวยเหลือได้คือคำที่ใครๆพูดถึงเอื้อมดาว และเพื่อนเธอก็เลือกจริงๆ เลือกแบบไม่แยแสชายใดเลยด้วย เชิ่ดๆหยิ่งๆเหมือนตัวเองอยู่เหนือคนอื่น แต่ทั้งหมดนั่นเพราะเธอมีแผลในใจ จึงแสดงออกไปแบบนั้น
“ก็ไม่เชื่ออยู่ดี เอาน่า เป็นโสดก็ใช่ว่าจะแย่”
เอื้อมดาวยิ้มให้ แต่ดวงตากลมโตกลับมีตาแววเศร้าหมอง เมื่อคิดถึงผู้ชายที่เลิกราก่อนกลับมาบ้านเกิด เธอมั่นใจว่สแสกนอย่างดีแล้วก่อนจะตัดสินใจคบ คบได้ไม่ถึงสองเดือน สันดารโผล่เพรียบ เลยคิดได้ว่าไม่ควรมีใครตั้งแต่แรก