รักอุ่นใจนายเย็นชา 2
“ไม่มีเรียนแต่ต้องส่งงาน ไปด้วยกันหน่อยสิ”
เขาบอกเสียงเรียบแต่แววตาเขาไม่เรียบด้วยเลยมันดูเหมือนคาดหวังอะไรสักอย่าง ที่คนอย่างฉันก็ไม่เข้าใจและอาจจะไม่มีวันเข้าใจเลยด้วย
“เพื่อนอยากเจอ ไปทานข้าวด้วยกัน”
“ไม่อายเพื่อนเหรอทั้งที่จะต้องแต่งงานกับอีปลวกคนไหนไม่รู้ ไม่กลัวโดนล้อหรอ?” ฉันถามไปตามตรงเพราะไม่อยากจะไปทนรับสายตาเย้ยหยันจากเพื่อนของเขาที่อาจจะรู้ว่าที่ต้องแต่งงานเพื่อธุรกิจของผู้ใหญ่
“ชอบหรอจิกกัดตัวเองเนี่ย”
เวลวางมือฉันศีรษะฉันก่อนจะโยกไปมาฉันปัดออกไม่ทันเมื่อมีลูกน้องเข้ามารายงานความเสียหาย เยอะอยู่เหมือนกันนะแต่ก็ช่างเถอะถือว่าให้เด็กในร้านได้พักระหว่างที่ซ่อมแซมปรับปรุงแล้วกัน
“ไปได้แล้วเดี๋ยวส่งงานไม่ทัน”
“ไม่อยากไป นายไปเถอะ”
“ทับทิม ลุกได้แล้ว”
เขาไม่รอฟังคำตอบฉันแต่ดึงมือฉันให้ลุกขึ้นก่อนจะพาออกจากร้านไปที่รถเขา ความเงียบคลอบคลุมรถอีกครั้งเมื่อเขาออกรถ พอถึงมหาลัยที่เขาเรียนอยู่ฉันแอบตกใจเล็กน้อยเพราะฉันก็เรียนที่นี่เหมือนกันและที่น่าแปลกใจไปมากกว่านั้นคือเขาจับมือฉันแน่นแล้วพาเข้าไปในคณะอย่างไม่แคร์สายตาใคร กลับไปฉันซะเองที่ต้องหลบหน้าหลบตาคนอื่นที่มองมา
“รออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวมาอ่ะนี่เอาไว้หน่อย”
เขาดันไหล่ฉันให้นั่งบนม้านั่งไม้ตัวยาวๆ รอบๆก็มีโต๊ะไม้แบบชุดที่ฉันนั่งอยู่วางเต็มไปหมด มีนักศึกษานั่งจับกลุ่มกันอยู่บางคนชำเลืองมองมาที่ฉันอย่างเปิดเผยแต่บางคนก็มองแอบๆ คือฉันมันแปลกอะไรขนาดนั้นเลยเหรอแค่ใส่เสื้อยืดกางเกงยีนมานั่งท่ามกลางนักศึกษาเท่านั้นเอง มันไม่ได้แปลกเลยนะ
“อะไรกันอีก วุ่นวายจริง”
ฉันบ่นกับตัวเองเบาๆมื่อมือถือที่เวลฝากไว้มันสั่นพอไม่รับสายก็ตัดไปแต่เบอร์เดิมก็กระหน่ำโทรมาเหมือนเดิม ฉันเลยตัดสินใจรับ
ขอโทษน๊า ไม่ได้อยากจะรับจริงๆนะ
(สัส!! มึงอยู่ไหนพวกกูรอส่งงานอยู่นะ)
“เอ่อ...” ใบ้กินเลยแฮะคำแรกมันสะเทือนใจจริงๆ
(เฮ้ย! ใครน่ะ มารับโทรศัพท์เพื่อนฉันได้ไง)
“คือว่า”
(ไม่ต้องมาแก้ตัวเลยนะ! ไม่รู้หรือไงว่ามันมีเมียแล้ว)
มีเมียแล้วงั้นหรอ ถ้างั้นเขาจะมาแต่งงานกับฉันทำไม ปฏิเสธก็ได้นิถ้าเขาจะปฏิเสธจริงๆเพราะเขามีสิทธิ์คัดค้านมากกว่าฉัน
(ใครมีเมียวะ?) น้ำเสียงคุ้นหูดังมา มันคุ้นๆยังไงชอบกลแฮะ
(ก็มีใครไม่รู้รับโทรศัพท์มึงกูเลยบอกแล้วว่ามึงมีเมียแล้ว//ห่า!! โทรศัพท์กูอยู่กับเมีย)
ฉันตัดสายทิ้งเพราะไม่แน่ใจว่าเขายังต้องการจะถามอะไรต่อมั้ย แต่ว่าฉันโง่นะว่ามั้ยรู้ทั้งรู้ว่าเขามีเมียแล้วแต่ก็ยังโง่นั่งรอตามที่เขาบอก ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับผู้ชายกลุ่มใหญ่คือยังไงดีล่ะ ฉันไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นอะไรหรอกเพราะในร้านส่วนมากก็มีแต่พนักงานผู้ชาย ซึ่งคนพวกนั้นให้ฉันเกียรติฉันมากเกินกว่าเจ้านายเลยล่ะ
“รอนานมั้ย?”
เวลเดินมาใกล้พร้อมถามเสียงนุ่ม รอยยิ้มหวานถูกส่งมาจากผู้ชายตรงหน้าเรียกเสียงโห่จากคนที่อยู่ข้างหลังเขาได้อย่างดี
“ไปเถอะ หิวแล้ว”
เวลยื่นมือมาจับมือฉันไว้แน่นพอจะดึงออกเพราะร้อนๆหนาวๆกับสายตาที่เพื่อนเขามองมา แต่ก็เหมือนมันจะไร้ประโยชน์เมื่อเขาจับมือฉันไว้แน่น
“เวลกูไปด้วยไม่ได้เอารถมา”
ผู้ชายหน้าหวานๆบอกเจ้าของรถแต่เหมือนจะไม่รอคำตอบเพราะเขาก้าวขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อย ก่อนจะมีผู้ชายอีกคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งในรถข้างๆกับผู้ชายหน้าหวาน
“เวล ไม่คิดจะแนะนำให้พวกกูรู้จักหน่อยหรอ” หนึ่งในสองคนที่นั่งข้างหลังท้วงขึ้นท่ามกลางความเงียบ นั่นยิ่งทับให้ฉันเงียบเข้าไปใหญ่
“เออๆ นี่ทับทิม คนที่กูจะแต่งงานด้วย”
“คนนี้หรอ?”
หึหึ ทำไมทำเสียงผิดหวังกันจัง ฉันนั่งเงียบทำตัวเหมือนธาตุอากาศไปแล้วล่ะ
“เราจะไปร้านหมูกระทะกันนะ โอเคมั้ย”
โดนลากมาขนาดนี้ถ้าไม่โอเคเขาจะให้ฉันกลับมั้ยล่ะ
“...”
“เออ กูลืมบอกไปเมียกูเป็นใบ้นะ โอ๊ย!!”
ฉันยกมือฟาดที่ต้นขาเขาทันทีเมื่อได้ยินเขาบอกว่าฉันเป็นใบ้ ถึงเขาจะร้องโอดโอยแต่ใบหน้ากับเปื้อนรอยยิ้มไหนจะเสียงหัวเราะของเพื่อนเขาอีก ฉันมันตลกมากนักหรือไง!!
“กว่าจะถึง พวกมึงทำอะไรอยู่” คนที่ยืนพิงรถอยู่ถามเวล แต่สายตามองมาที่ฉันอย่างจับผิด
“ผัวเมียตีกัน ฮ่าๆๆๆ”
ผู้ชายสองคนหัวเราะร่าออกมา ไม่อายสายตาคนรอบข้างเลยแต่อย่างว่าคนหน้าตาดีทำอะไรก็ไม่ผิด ลองเป็นฉันสิแค่หายใจยังผิดเลย
“มึงหยุดเลยไอ้คิส เดี๋ยวงอนกูอีกไปเถอะกูแม่งหิวมากอ่ะ”
“เออๆไปๆ”
“เออ พวกมึง! แยกกระทะหนึ่งห้ามอาหารทะเลนะเมียกูแพ้”
“รับทราบ!!”
“กี่ที่คะ”
พนักงานของร้านเดินมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม แหงสิก็ผู้ชายพวกนี้หล่อนี่
“หกครับ”
“เชิญทางนี้ค่ะ”
เราได้นั่งโต๊ะที่อยู่มุมร้าน สายตาสาวๆในนี้ต่างเมียงมองมาที่โต๊ะพวกเราแล้วผู้หญิงอย่างฉันมันก็อึดอัดกับสายตาที่มองมา เวลขยับมานั่งชิดกับฉันเขาวางแขนพาดพนักเก้าอี้ ฉันไม่อยากรับรู้จริงๆว่าคนรอบข้างหรือแม้กระทั่งเพื่อนของเขามองฉันด้วยสายตาแบบไหน
“แนะนำหน่อย กูอย่างรู้จัก”
“ทับทิม คนที่กูจะต้อแต่งงานด้วย ทิม...” ฉันเงยหน้าเมื่อคนข้างๆเอ่ยเรียกเสียงนุ่ม
“นี่เพื่อนฉัน ไอ้คิส ไอ้เมิร์ท เป็นหนึ่ง ยูยะ”
ฉันยกมือไหว้พวกเขาทุกคนเยอะถ้าเป็นเพื่อนเวลนั่นคืออายุมากกว่าฉันแน่นอนฉันเลยยกมือไหว้ไว้ก่อน พวกเขารับไหว้ยิ้มๆ ไม่มีแววตาเย้ยหยันหรือดูถูก
“อ่ะนี่ กินเยอะๆจะพาไปผับ” คนข้างๆคีบเนื้อสามชั้นที่สุกแล้วมาวางให้แต่เหมือนเขาจะคีบมาใส่จานฉันอย่างเดียวไม่ยอมทานเลย
“กิน”
ฉันคีบเนื้อต่างๆที่วางอยู่ในจานไปใส่จานเขาแล้วบอกเขาสั้นๆ เขายิ้มบางๆก่อนจะคีบเนื้อเข้าปากสลับกับคีบมาป้อนฉันด้วย แต่ฉันส่ายหน้าปฏิเสธเพราะเกรงใจ ไหนจะแฟนเขาที่อาจจะมาเห็นอีก ฉันไม่เอาด้วยหรอกนะ ฉันเกลียดฉันกลัวการนอกใจที่สุดฉันรู้ว่าคนที่ตกอย่าในสถานการณ์แบบนั้นมันชอกช้ำทรมานขนาดไหน
“เออใช่ ทับทิม ฉันเองนะที่โทรไปหาไอ้เวลแล้วเธอรับน่ะ” จู่ๆคิสก็บอกพร้อมทำหน้าจริงจัง ฉันคิดอย่างไม่เข้าใจก่อนที่คิสจะอธิบายต่อ
“ที่บอกว่ามันมีเมียแล้วน่ะ ฉันหมายถึงเธอนะอย่าคิดว่ามันมีคนอื่นล่ะ”
ฉันเหรอ? ตลกแล้วพวกเขาจะพูดแบบนั้นได้ไงในเมื่อพวกเขาไม่รู้จักฉันด้วยซ้ำไป
“หึหึ เธอเชื่อเรื่องรักแรกพบมั้ยทับทิม”