เมื่อกี้ฉันยังไม่เห็นพี่เจ้าคุณเดินมาเลย ทะ ทำไมตอนนี้ถึงได้มาเร็วขนาดนี้กัน
“นั่นใครเหมือนฝัน” ฉันจำได้ว่านี่คือเสียงของพี่ขุนราม ใจฉันมันเต้นตุบตุบรัวมากเลยตอนนี้
ทำไมต้องถามฉันโหดขนาดนั้นด้วย ทั้งพี่ขุนรามและพี่เจ้าคุณ
“เหมือนฝันปล่อยมือมัน !!” พี่เจ้าคุณประการเสียงกร้าว ฉันสะดุ้งตัวโหยงและรีบปล่อยมือออกจากพี่เดย์ทันที
“หันหน้ามา”
“ถ้าหนูหันหน้าไปแล้วพี่เดย์วิ่งไปเลยนะคะ” ฉันกระซิบบอกพี่เดย์ พี่เดย์ถอนหายใจออกมาเบาๆ แต่ก็ยอมพยักหน้าตอบฉัน
ฉันค่อยๆ หมุนตัวหันหน้าไปตามที่พี่เจ้าคุณบอก เมื่อฉันหมุนตัวหันไปแล้ว พี่เดย์ก็รีบวิ่งไปที่โรงรถทันที
“อย่าตามนะคะ อย่าทำอะไรเขานะ” ฉันร้องห้ามเมื่อเห็นว่าพี่เจ้าคุณกำลังจะวิ่งตามพี่เดย์ไป ส่วนพี่ขุนรามก็เหมือนกำลังมองหาอาวุธอะไรสักอย่างที่อยู่แถวนี้
เมื่อฉันบอกออกไปแบบนั้น พี่ชายฝาแฝดทั้งสองของฉันหยุดชะงัก จากนั้นก็พร้อมใจกันหันมามองฉัน และจ้องหน้าฉันตาเขม็ง ทำไมต้องโหดกันขนาดนี้ด้วยเนี่ย ฉันกลัวจนขาสั่นตัวสั่นหมดแล้ว
จากที่คิดว่าจะบอกว่าพี่เดย์คือแฟนของฉัน ตอนนี้ต้องคิดใหม่แล้วแหละ
แต่จะว่าไปพอมองดูๆ แล้ว ทั้งพี่เจ้าคุณและพี่ขุนรามหล่อขึ้นมากจริงๆ
“ไปคุยกันในบ้าน” พี่เจ้าคุณบอกเสียงเรียบจากนั้นก็เดินนำเข้าไปในบ้าน พี่ขุนรามก็ด้วย
ฉันค่อยๆ ก้าวขาที่สั่นเทาเดินตามพี่ชายทั้งสองเข้าไปในบ้าน หวังว่าจะไม่จับฉันไปสอบสวนกันหรอกนะ
@ภายในบ้าน
ตอนนี้คุณแม่กำลังยืนกอดอกมองพี่เจ้าคุณกับพี่ขุนรามอยู่
“ทำไมมาไม่บอกแม่” คุยแม่เอ่ยถามพี่ขุนรามกับพี่เจ้าคุณ
“เซอร์ไพรส์ไงครับ”
“แต่เจออะไรที่มันเซอร์ไพรส์กว่า หึ!!” เมื่อพี่ขุนรามพูดจบ พี่เจ้าคุณก็รีบพูดสวนขึ้นทันที แถมยังจ้องหน้าฉันตาเขม็งอีกต่างหาก เมื่อเจอกับสายตาที่จ้องจะจับผิดของพี่เจ้าคุณ ฉันก็รีบก้มหน้าลงต่ำเพื่อหลบสายตาทันที
“ทำไมแม่ปล่อยให้ผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาในบ้าน แถมมันยังจับมือเหมือนฝันอีก” พี่ขุนรามเริ่มโวยวายขึ้น
“น้องอายุ 19 แล้วนะตาราม จะหวงอะไรขนาดนั้น”
“ต้องอายุ 20 ก่อนครับผมถึงจะปล่อยได้” พี่ขุนรามพูดพร้อมแสดงสีหน้าที่จริงจังออกมา
ส่วนพี่เจ้าคุณเอาแต่เงียบและมองฉัน ที่ฉันรู้ก็เพราะว่าฉันแอบเงยหน้าขึ้นมองเหมือนกัน แต่เมื่อเห็นว่าพี่เจ้าคุณจ้องฉันอยู่ฉันก็รีบก้มหน้าลงทันที
“แต่น้องมี...”
“คุณแม่คะ !!” ฉันรีบร้องท้วงคุณแม่ และส่ายหน้าไปมาเชิงว่าอย่าเพิ่งพูดเรื่องที่ฉันมีแฟนออกไป ฉันว่าค่อยๆ ตะล่อมๆ บอกดีกว่า
“มีอะไรครับแม่” หลังจากที่พี่เจ้าคุณเงียบและเอาแต่จ้องหน้าฉัน สุดท้ายก็ยอมปริปากพูดสักที
“อ้อ ไม่มีอะไรหรอกลูก มาเหนื่อยๆ ขึ้นไปพักผ่อนกันก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวพ่อมาแม่จะให้ป้าช้อยไปเรียก”
“แล้วผู้ชายคนเมื่อกี้คือใคร” พี่เจ้าคุณถามอย่างเอาเรื่อง
“เพื่อนน้องน่ะลูก แกสองคนนี่หวงจริงๆ เลยนะ ไปๆ เอาของไปเก็บได้แล้ว” เฮ้อ ยังดีที่มีแม่คอยช่วยพูด ไม่งั้นฉันคงแย่แน่ๆ
“อื้อ แม่ลืมไปห้องยังไม่ได้ปัดกวาดเลย เล่นมาก่อนล่วงหน้าเป็นเดือนวันนี้ป้าช้อยก็หยุดด้วย”
“เดี๋ยวหนูทำความสะอาดให้ก็ได้ค่ะ ^_^” ฉันเสนอขึ้น
พี่เจ้าคุณกับพี่ขุนรามเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บ ส่วนฉันก็นั่งรอให้พี่ชายทั้งสองลงมาก่อน ฉันจะได้ขึ้นไปปัดกวาดห้องให้
วันนี้ถือว่ารอดตัวไป แต่ฉันว่าพี่เจ้าคุณยังสงสัยอะไรบางอย่างอยู่เพราะดูจากสายตาที่มองแล้วเขาคงจะไม่ค่อยเชื่อแน่ๆ
ป่านนี้ไม่รู้ว่าพี่เดย์จะถึงบ้านหรือยัง โทรไปถามดีกว่า
ฉันก้มหน้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจากกระเป๋าและกดเบอร์โทรออกไปหาพี่เดย์ แต่ก็ต้องรีบตัดสายทิ้งทันที เพราะว่าพี่ชายทั้งสองของฉันเดินลงจากบันไดมาพอดี
“งะ งั้นเดี๋ยวหนูขึ้นไปทำความสะอาดให้ก่อนนะคะ” ฉันรีบพูดขึ้นไม่รอให้พี่เจ้าคุณกับพี่ขุนรามถามอะไร จากนั้นฉันก็หยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดขึ้นชั้นบนทันที
เมื่อเข้ามาถึงห้องพี่เจ้าคุณแล้วฉันก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ฉันเลือกทำความสะอาดห้องพี่เจ้าคุณก่อน
คราวนี้แหละฉันจะโทรหาพี่เดย์ได้สักที ฉันกดเบอร์โทรออกไปหาพี่เดย์ รอสายไม่นานพี่เดย์ก็กดรับสาย
ฉัน (ถึงบ้านยังคะ)
พี่เดย์ (ถึงแล้ว)
ฟังจากน้ำเสียงของพี่เดย์ก็รู้ว่าพี่เดย์กำลังน้อยใจฉันอยู่ เฮ้อ ฉันเองก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
พี่เดย์ (เรื่องหมั้นของเรา...)
แกร่ก! (เสียงประตูห้องเปิดเข้ามา)
ฉัน (พี่เดย์คะ แค่นี้ก่อนนะคะ)
ฉันรีบกดวางสายและทำท่ากวาดห้องทันที ไม่รู้หรอกว่าใครเปิดประตูเข้ามา แต่ฉันต้องกันเอาไว้ก่อน
คนที่เดินเข้ามาในห้องไม่ได้เอ่ยคำใดออกมาสักคำ ฉันได้ยินแค่เสียงฝีเท้าที่เหมือนจะเดินตรงมาทางฉัน ฉันเลยหมุนตัวกลับไปดูว่าเป็นใคร
พอหมุนตัวกลับไป ฉันก็ต้องผงะก้าวถอยหลังแทบไม่ทัน เพราะพี่เจ้าคุณนะสิ อยู่ใกล้ฉันซะจนหน้าฉันเกือบจะไปกระแทกกับแผงอกเขา
“หนูตกใจหมดเลย” ฉันถอนหายใจออกมายาวๆ ว่าแต่พี่เจ้าคุณเข้ามาทำไมกัน คงจะไม่มาถามเรื่องนั้นใช่ไหม ดูสายตาเขาสิ จ้องจับผิดฉันอย่างชัดเจนเลย
“พี่ได้ยินเสียงเธอคุยโทรศัพท์...กับใคร ?” พี่เจ้าคุณเลิกคิ้วถาม ถามดีๆ ก็ได้นิ ทำไมต้องทำหน้าโหดแบบนี้ด้วยเล่า
“หนะ หนูดูยูทูปไม่ได้คุยกับใคร”
“ไม่ใช่ว่าแอบมีแฟน ?” ไม่ถามเปล่า พี่เจ้าคุณก้าวขาเดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ จนฉันต้องถอยหนี
“หนูไม่มีแฟน” ฉันส่ายหน้ารัวๆ และยังคงก้าวขาถอยหนีพี่เจ้าคุณอยู่
หมั่บ!!
แต่สุดท้ายก็ถอยหนีได้ไม่กี่ก้าวเพราะพี่เจ้าคุณคว้ามือมาจับแขนฉันเอาไว้
“มันเป็นใคร” พี่เจ้าคุณถามเสียงแข็ง สีหน้าท่าทางเขาดูน่ากลัวเป็นไหนๆ
“พะ เพื่อนหนูไงคะ”
“ใครให้มีเพื่อนผู้ชาย”
“มันก็ต้องมีบ้างไหมคะ มหาวิทยาลัยไม่ใช่มีแต่หญิงล้วนสักหน่อย”
“มั่นใจว่าแค่เพื่อน เธอกำลังโกหกพี่อยู่หรือเปล่า” พี่เจ้าคุณจ้องใบหน้าของฉันตาไม่กระพริบ
“ค่ะ เพื่อนจริงๆ ไม่เชื่อถามดอกไม้ดูก็ได้” ฉันเลือกที่จะโกหกต่อไป เอาไว้โอกาสเหมาะๆ ค่อยพูดเกริ่นๆ เรื่องแฟนจะดีกว่าตอนนี้
เมื่อฉันตอบไปแบบนั้น อาการของพี่เจ้าคุณก็ดูจะเย็นลง แบบนี้ค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อย
“จำคำพูดของพี่ตอนนั้นได้ไหม ถ้าพี่กลับมาจากอังกฤษพี่จะทำมากกว่า....”
พี่เจ้าคุณเว้นช่วงคำพูด ก่อนจะยื่นใบหน้ามาใกล้ๆ ฉัน