พลัง?

1737 Words
    ผมนิ่งงันอยู่ในอ้อมกอดของเต้าหู้จนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกของพี่อรุณ “ขิง! ขิงอยู่ในนั้นหรือเปล่า? ออกมาได้แล้วไม่มีอะไรแล้ว” เสียงของอีกฝ่ายฟังดูอู้อี้เล็กน้อยแต่มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นเพราะรอบตัวผมมีแต่เต้าหู้เต็มไปหมด “ขิง ออกมาเถอะ” พี่อรุณร้องบอกมาอีกครั้ง นั่นทำให้ผมยกมือขึ้นหมายจะแหวกทางออกไป แต่แค่ขยับมือกำแพงเต้าหู้ก็หลุดออกเป็นชิ้นๆ เหมือนเปลือกไข่ที่ร่อนออก เพียงแต่เป็นเปลือกไข่ที่นุ่มนิ่มน่ากินมาก     “น—นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”     “พี่สิต้องถามเรา ไอ้ของนิ่มๆ สีขาวนี่มันคืออะไรมาจากไหน?”     “ผ—ผมไม่รู้” ใช่ ผมไม่รู้จริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น     “ลองลำดับเหตุการณ์ตอนนั้นให้พี่ฟังทีสิ” พี่อรุณยังคงไม่ปล่อยประเด็นนี้ไป มันก็แน่อยู่แล้วอยู่ๆ มีเต้าหู้ก้อนเบ้อเริ่มโผล่ออกมาแบบนี้ไม่ว่าจะมองมุมไหนมันก็แปลกเกินไป ต่อให้มันจะไม่ใช่ของที่ไม่ควรมีอยู่บนโลกอย่างสุนัขยักษ์หรือซอมบี้ก็ตาม     “ตอนนั้น...ผมสู้กับซอมบี้แล้วเกิดกลัวขึ้นมา พอรู้ตัวอีกทีเต้าหู้ก็หุ้มอยู่รอบตัวแล้ว”     “แปลก” พี่อรุณพึมพำออกมาอย่างนั้นซึ่งผมก็เห็นด้วย มันแปลกเอามากๆ ธรรมดาแล้วเต้าหู้จะมาห่อหุ้มคนแบบนี้ได้อย่างไร     ส่วนลึกในใจบอกกับผมว่าบางทีเต้าหู้ประหลาดนี่อาจจะเกิดจากตัวผมเอง และนั่นก็ทำให้ผมยิ่งเป็นกังวล เพราะถ้าความคิดของผมถูกต้องตัวผมในตอนนี้ก็คงจะเปลี่ยนไปเพราะฝนประหลาดนั่นแล้วแน่ๆ พอคิดว่าตัวเองอาจจะไม่ใช่มนุษย์แล้วหัวใจของผมก็เย็นยะเยือก ร่างกายเริ่มสั่นอีกครั้งอย่างไม่อาจควบคุมได้ แต่ในตอนนั้นเองที่ฝ่ามือใหญ่ของพี่อรุณกดลงบนบ่าของผม ความอบอุ่นจากฝ่ามือคู่นั้นช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้น แต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น     “ใจเย็นก่อน หายใจเข้าลึกๆ นะ” คนตัวโตบอก แล้วพูดต่อไปว่า “มันแปลกก็จริงแต่ก็เป็นผลดีกับขิงนะ”     “ดี?”     “เต้าหู้นั่นช่วยปกป้องขิงเอาไว้ ตอนที่พี่มาเจอมันกำลังกินเต้าหู้อยู่แต่กินยังไงก็กินไม่หมด สักพักก็ล้มลงนอนนิ่งเลย” พร้อมกับพูดพี่อรุณก็ชี้ให้ดูซอมบี้ที่นอนแผ่อยู่ไม่ไกล ดูจากท่าทางของร่างนั้นแล้วพี่อรุณน่าจะลากซอมบี้ออกไปจากจุดที่ล้มลงในตอนแรกก่อนจะเข้ามาเรียกผม ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สมควร ไม่อย่างนั้นหากเขาลุกขึ้นมาอีกคงอันตรายแย่     “แล้วก็ตอนที่พี่พยายามพาเราออกมาเต้าหู้มันก็ซ่อมแซมตัวเองตลอดเลย”     “ซ่อมแซมตัวเอง?”     “ใช่ ก็นั่นไง” พี่อรุณชี้ไปทางกองเต้าหู้ที่อยู่ไกลออกไปอีกหน่อย แค่มองด้วยตาก็รู้แล้วว่ามันเยอะพอๆ กับเต้าหู้ที่อยู่รอบๆ ตัวผมเลยทีเดียว     “ถ้าอย่างนั้น...มันก็เป็นเกราะเต้าหู้เหรอครับ?”     “ก็คงจะเป็นอย่างนั้น”     “นี่...พี่ไม่คิดว่ามันแปลกๆ เหรอ?”     “เทียบกับที่เห็นมาเต้าหู้นี่ดูธรรมดาสุดแล้วนะ”     พอพี่อรุณบอกมาแบบนั้นผมก็เถียงไม่ออกเลย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นมันก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี และผมก็คงจะแสดงออกทางสีหน้ามากไปจนพี่อรุณสังเกตเห็น     “เป็นอะไรไป? หรือว่าบาดเจ็บ?”     “เปล่า” ผมส่ายหน้า     “แต่สีหน้าเราไม่ดีเลยนะ”     “ผ—ผม...” พอเปิดปากไปแล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมาก็เลยเผลอกัดริมฝีปากแน่น ร่างกายที่หยุดสั่นไปแล้วก็เกิดสั่นขึ้นมาอีก เดือดร้อนพี่อรุณต้องลูบหลังปลอบใจ นานหลายอึดใจทีเดียวกว่าผมจะรวบรวมความกล้าพูดออกมาได้ “ผมยังเป็น...ยังเป็นคนอยู่ใช่ไหม?”     พอถามไปแบบนั้นหูก็แว่วเสียงหัวเราะของคนตัวโต จากนั้นพี่อรุณก็โน้มตัวเข้ามากอดผมเอาไว้ มันเป็นกอดที่ไม่ได้ห่างเหินแต่ก็ไม่แนบชิด ศีรษะของเราแนบติดกัน แขนแกร่งของคนอายุมากกว่าก็โอบรอบบ่าของผมเอาไว้ แต่มันก็แค่นั้น ผมได้ยินเสียงทุ้มของพี่อรุณดังอยู่ข้างหู “ขอโทษนะ เสื้อพี่เปื้อนก็เลยไม่อยากทำให้เราเปื้อนไปด้วย”     ‘จริงสิพี่อรุณสู้กับพวกนั้นด้วยปืนนี่นา’ คงจะมีจังหวะที่ซอมบี้เข้าประชิดตัวมากไปจนเลือดกระเด็นเปื้อนเสื้อผ้า พอคิดแบบนั้นจมูกก็คล้ายจะได้กลิ่นคาวชวนคลื่นเ**ยนขึ้นมาเสียอย่างนั้น     “อย่าคิดมากเลย ขิงก็ยังเป็นขิงคนเดิมไม่ใช่หรือยังไง? เอาไว้เราจ้องจะกินพี่เมื่อไรค่อยกังวลก็แล้วกัน”     “ค—ใครจะไปกินคนกันล่ะ!” ผมขึ้นเสียงพร้อมกับผลักคนตัวโตออกไปอย่างขุ่นเคือง แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องสนุกเสียอย่างนั้น ฝ่ามือหนาลูบศีรษะของผมพลางว่า “เพราะแบบนั้นถึงไม่ต้องกังวลยังไงล่ะ สบายใจขึ้นหรือยัง? หรืออยากจะลองชิมสักหน่อยไหม? จะได้รู้ว่าชอบกินเนื้อคนหรือเปล่า?” พร้อมกับพูดพี่อรุณก็ถกแขนเสื้อขึ้นแล้วยื่นแขนมาจ่อปากผม     “พี่จะบ้าหรือไง!” ผมตวาดลั่นพร้อมกับผลักท่อนแขนหนาๆ นั่นออกไป พอเทียบขนาดมือตัวเองกับแขนของอีกฝ่ายแล้วมันก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา ถึงพี่อรุณจะตัวสูงกว่ามาก แต่ไม่คิดว่าพอมองดูดีแล้วอีกฝ่ายจะตัวใหญ่กว่ากันมากขนาดนี้     “ขึ้นเสียงได้แบบนี้ก็ดีแล้ว เราย้ายไปที่ห้องพักกันดีกว่า”     “ห้องพัก? หมายถึงห้องของพี่อรุณเหรอครับ?”     “เปล่า ห้องพักยามต่างหาก” คนเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยกล่าว แล้วจึงขยายความต่อไปว่า “เราน่าจะยังตกใจอยู่ ไปพักที่นั่นก่อน ประตูหน้าต่างเป็นแบบนิรภัยทั้งหมด ถ้าขิงไม่เปิดประตูให้ใครก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวล”     “ถ้าผมไม่เปิดประตู? พี่พูดเหมือนกับว่าจะทิ้งผมไว้คนเดียวอย่างนั้นแหละ”     “ก็นะ ทีมด้านในติดต่อมาน่ะสิ” พี่อรุณพูดกลางสแกนนิ้วเปิดประตูห้องพักพนักงาน แล้วก็เดินนำเข้าไป ระหว่างไขกุญแจตู้เพื่อหยิบปืนและเติมกระสุนเขาก็อธิบายต่อไป “ตอนที่เกิดเรื่องใหม่ๆ พวกเขาปล่อยให้คนที่กำลังหนีตายบนถนนเข้ามาก็เลย...”     ไม่ต้องพูดจนจบประโยคผมก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อมีคนกลายเป็นซอมบี้ท่ามกลางกลุ่มคนแบบนั้น แล้วมันก็ไม่ยากเกินจะคาดเดาด้วยว่าพี่อรุณจะไปทำอะไร มันจะเป็นอะไรไปได้นอกจากกำจัดซอมบี้ที่เพ่นพ่านอยู่ในตึก “ถ้าอย่างนั้นผมขอตามไปด้วย...”     “ไม่ได้ มันอันตรายเกินไป”     “ต—แต่...”     “เราเป็นแค่คนขายน้ำเต้าหู้นะ จะไปลุยกับพวกซอมบี้ทำไมกัน รออยู่ที่นี่เถอะ”     “พี่เองก็เป็นแค่ยามเหมือนกันนั่นแหละ เรื่องอย่างนี้มันเป็นหน้าที่ของตำรวจ ไม่สิ เป็นหน้าที่ของทหารไม่ใช่หรือยังไง?” ผมเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ถึงพนักงานรักษาความปลอดภัยจะมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย แต่พวกเขาก็ไม่ใช่ตำรวจ อันที่จริงพี่อรุณไม่น่าจะมีปืนด้วยซ้ำ “แล้วไม่ใช่ว่าเข่าเจ็บอยู่เหรอ? ไปลุยคนเดียวแบบนั้นเกิดพลาดท่าขึ้นมาจะทำยังไง?” ใช่ เขาบอกผมเองว่าเคยถูกยิงที่หัวเข่าก็เลยเดินกะเผลกเล็กน้อย ธรรมดาแค่นั้นก็คงไม่ใช่ปัญหา แต่หากต้องไปประมือกับซอมบี้ในพื้นที่แคบๆ อย่างในโถงทางเดินของคอนโดมันก็อาจจะมีปัญหาเรื่องความคล่องตัวก็ได้ “ยังไงไปกันหลายๆ คนก็ดีกว่า ให้ผมไปด้วยเถอะ”     “เราไปก็มีแต่จะเกะกะพี่เปล่าๆ รออยู่นี่จะดีกว่า” พี่อรุณพูดตรงไปตรงมาเสียจนผมเกือบจะร้องไห้ มันก็จริงที่ผมต่อสู้ไม่ได้ แต่ถึงกับเรียกว่าตัวเกะกะมันก็ออกจะมากไปหน่อย     “ผมมีเกราะเต้าหู้อยู่นะ ถ้าเกิดคับขันจะได้ไม่โดนกัดไง”     “เราสร้างเกราะหุ้มตัวพี่ได้ด้วยเหรอ?”     “ถ—ถ้าลองดูก็น่าจะทำได้” พูดแล้วผมก็ลองสร้างเต้าหู้ขึ้นมาในมือ อันที่จริงก็แค่คิดว่าอยากให้มีเต้าหู้ปรากฏขึ้นมาเท่านั้น แล้วมันก็เป็นไปตามที่คิดจริงๆ     ในพริบตานั้นทั้งร่างของผมร้อนวูบราวกับออกไปยืนกลางแดดเดือนเมษายน แต่พอได้เต้าหู้ตามต้องการแล้วความร้อนนั้นก็หายไป     “ทำได้จริงๆ ด้วยแฮะ” ผมพึมพำออกมาอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง ก่อนจะหันไปมองพี่อรุณด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยมว่าจะได้ติดตามไปด้วย แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะ เขาคาดซองใส่แม็กกาซีนไว้ที่เอวแล้วบอกว่า     “เต้าหู้ก้อนแค่นั้นกันอะไรไม่ได้หรอกนะ”     “ผมลองทำให้ใหญ่ขึ้นก็ได้น่า” ว่าแล้วผมก็ลองสร้างเต้าหู้ก้อนใหญ่ออกมา แน่นอนว่าต้องเล็งไปนอกห้องเพื่อไม่ให้เลอะเทอะ แล้วก้อนเต้าหู้สีขาวสูงเท่าตัวคนก็ปรากฏขึ้นมาจริงๆ ผมได้ยินเสียงอุทานอย่างทึ่งๆ ของพี่อรุณดังมาจากทางด้านหลัง ส่วนตัวผมเองก็อึ้งไปต่างกัน เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้วผมก็ไม่คิดหรอกว่าตัวเองจะทำแบบนี้ได้จริงๆ แถมพอดูดีๆ แล้วเจ้าก้อนเต้าหู้นี่ก็ดูคล้ายๆ ตัวละครพิเศษในเกมที่ชอบเล่นอยู่เหมือนกัน     ‘ดีนะที่มันพูดหรือขยับเองไม่ได้...’ เพราะถ้ามันขยับได้ขึ้นมาจริงๆ ผมคงไปแย่งปืนของพี่อรุณมาให้มันถือแน่ๆ ดีไม่ดีจะหาหมวกมาให้มันสวมด้วย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD