“ขอโทษด้วยเถอะพี่ชายที่มาขัดจังหวะ ข้าจะมาติดต่อเหล้าองุ่นที่บ้านลุงชอร์ตี้เพื่อนำส่งไปเมืองธีปส์ ใช่บ้านนี้หรือไม่”เสียงชายหนุ่มผู้มาใหม่เอ่ยแทรกดังขึ้น สายตามองไปยังบุรุษร่างสูงใหญ่ กำยำ กำลังสวมกอดหญิงสาวร่างเล็กๆ เอาไว้แนบอกอย่างหวงแหน
ทันทีที่องค์กษัตริย์ได้ยินเสียงดังกล่าว พระองค์หันกลับมาทอดพระเนตรเจ้าของเสียงนั้นทันทีด้วยเพราะจดจำเสียงนั้นได้อย่างแม่นยำ
“เฮรู!” รับสั่งชื่อราชองครักษ์คนสนิท
และทันทีที่องค์กษัตริย์หันกลับมาทอดพระเนตร ราชองครักษ์เฮรูดีใจอย่างสุดขีด เมื่อได้พบกษัตริย์ของตนอย่างไม่คาดคิด ทั้งๆ ที่เพียรตามหามานานกว่า 5 เดือน
“ฝ่า...” เฮรูยังมิทันกล่าว พลันต้องเงียบเสียงลงเมื่อองค์กษัตริย์ทรงยกนิ้วพระหัตถ์แสดงสัญลักษณ์มิให้ราชองครักษ์ของพระองค์เอ่ยถ้อยคำที่มักใช้เป็นประจำ
ราชองครักษ์คนสนิทเห็นสัญลักษณ์ขององค์กษัตริย์แสดงออกมาเช่นนั้น ล่วงรู้โดยพลันว่าจะต้องปฏิบัติเช่นไรแต่ถึงกระนั้นก็ไม่วายแสดงความเคารพให้กับกษัตริย์ของตน
“ข้าพบแล้ว!” เฮรูพึมพำออกมาเบาๆ พร้อมรีบเดินตรงดิ่งเข้าไปหาองค์กษัตริย์ก่อนจะหมอบลงกับพื้นด้วยความดีใจอย่างล้นเหลือ
“ข้าดีใจเสียเหลือเกินที่เห็นพระ...เออ...ท่านปลอดภัย” เฮรูกล่าวผิดๆ ถูกๆ
ราชองครักษ์เฮรูทอดสายตาไปยังร่างเล็กๆ ของเนพธีสที่อยู่ในอ้อมกอดของฟาโรห์แห่งอียิปต์ด้วยความสงสัยเป็นอย่างยิ่ง ไม่เคยเห็นพระองค์สวมกอดอิสตรีใดๆ มาก่อน นับเป็นครั้งแรกที่เห็นหญิงสาวอยู่ในอ้อมกอดของพระองค์
“ลุกขึ้นเถิดเฮรู...ข้าไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบเจ้าในยามนี้” องค์กษัตริย์รับสั่งด้วยความดีพระทัย ก่อนจะได้ยินเสียงหวานเอ่ยขึ้นในอ้อมกอดของพระองค์
“ท่านได้พานพบคนรู้จักอย่างไม่คาดคิด ย่อมมีเรื่องสนทนาไต่ถามสารทุกข์สุกดิบ ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวนำสมุนไพรไปเก็บและไปบันทึกตำรายา พวกท่านจะได้สนทนากันตามประสาของบุรุษ” โฉมงามบอกกับพระองค์
“อย่าออกไปไหนเพียงลำพัง หากจะไปที่ใดเจ้าจะต้องบอกข้ารู้ไหม” พระองค์รับสั่งกำชับนวลนางพร้อมประทับจุมพิตลงบนหน้าผากกว้างของโฉมตรูต่อหน้าราชองครักษ์
“เออ...” เฮรูได้แต่นั่งมองด้วยความแปลกใจระคนสงสัย ครั้นมองเห็นพระอาการขององค์กษัตริย์ที่แสดงต่อหญิงสาวราชองครักษ์คู่พระทัย พอจะเดาออกว่าอะไรเป็นอะไร
เนพธีสพยักหน้าติดกันแทนการตอบรับ นางส่งยิ้มหวานให้องค์กษัตริย์ ร่างอวบอิ่มค่อยๆ ดันร่างใหญ่ตรงหน้าในขณะที่เจ้าของร่างดังกล่าวไม่อยากให้ร่างแน่งน้อยออกจากกายที่แนบชิดนั้นแม้แต่วินาทีเดียว
ฟาโรห์เซติทอดพระเนตรร่างงามของนางในดวงใจจนลับสายพระเนตร ก่อนจะได้ยินเสียงของราชองครักษ์เฮรูเอ่ยแทรกดังขึ้น
“ฝ่าพระบาททรงพึงพอใจหญิงงามผู้นี้หรือพ่ะย่ะค่ะ” เฮรูทูลถามพระองค์ด้วยความใคร่รู้
“ข้ามิได้พึงพอใจนาง ตรงกันข้ามข้ารักนางเป็นยิ่งนัก รักอย่างที่มิเคยรักผู้ใดมาก่อน” พระองค์รับสั่งตอบกลับไปตามความรู้สึกที่มีให้แก่โฉมงาม
ราชองครักษ์เฮรู นั่งนิ่งงันไปเลยทีเดียวเมื่อองค์กษัตริย์มีรับสั่งเช่นนั้น แต่จะว่าไปแล้วพระองค์จะไม่ทรงรักนางได้อย่างไรในเมื่อนางมีรูปโฉมงดงามถึงเพียงนั้น
“นางมีรูปโฉมผิดแปลกไปจากอิสตรีชาวอียิปต์ เป็นชาวต่างชาติอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เนพธีสเป็นชาวอียิปต์โดยกำเนิด เพียงแต่นางมีมารดาเป็นชาวไมตานี จึงมีรูปโฉมที่แปลกไปจากสตรีชาวอียิปต์ทั่วไป” ฟาโรห์แห่งอียิปต์รับสั่งชื่นชมนางในดวงใจ
“หากกระหม่อมคาดเดามิผิด ฝ่าบาทจะทรงรับนางไปเป็นพระสนมใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ” เฮรูกราบทูลถามองค์กษัตริย์ตามความคิดของตน
ฟาโรห์แห่งอียิปต์ ทอดพระเนตรราชองครักษ์คนสนิทตรงเบื้องพระพักตร์ พร้อมมีรับสั่งในสิ่งที่ทรงตั้งพระทัยไว้
“นางคือราชินีของข้าเฮรู มิมีตำแหน่งใดคู่ควรไปกว่าตำแหน่งนี้อีกแล้ว”
สิ้นรับสั่งขององค์กษัตริย์ เฮรูนั่งนิ่งงันไปเลยทีเดียวหากเป็นเช่นนั้นดั่งคำตรัส มิอยากคาดคิดว่าจะเกิดเหตุใดขึ้นนับจากนี้ต่อไปเบื้องหน้า
“ราชินีทูย่าทรงรั้งตำแหน่งนี้อยู่ กระหม่อมเกรงว่าฝ่าพระบาทต้องมีเรื่องให้หนักพระทัยเป็นแน่แท้ เพราะพระนางทรงรักและหวงพระองค์เป็นอย่างยิ่ง”
ฟาโรห์เซติทรงครุ่นคิดไม่แตกต่างจากคำกล่าวขององครักษ์คนสนิท หากแม้นพระองค์เลือกได้อยากย้อนเวลาให้ได้พบกับเนพธีส ก่อนที่จะเข้าพิธีอภิเษกสมรสเพื่อที่นางจะได้เป็นราชินีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
“เรื่องทูย่าข้าจะจัดการเอง ว่าแต่เจ้าหาข้าพบได้อย่างไรกันแล้วเจ้ามาแต่เพียงผู้เดียวอย่างนั้นหรือ” พระองค์รับสั่งตัดบทพร้อมเปลี่ยนเรื่องสนทนา
“กระหม่อมเดินทางมาพร้อมกับนาอาร์นพ่ะย่ะค่ะ”
“นาอาร์นมาด้วยอย่างนั้นหรือ” พระองค์ตรัสด้วยความแปลกพระทัย แต่ก็พอจะล่วงรู้ได้โดยพลันว่าเพราะเหตุใดราชองครักษ์คนสนิทของราชินีอียิปต์จึงติดตามมาด้วย
“ถ้าคาดไม่ผิดทูย่าส่งมาเพื่อคอยติดตามเจ้าและรายงานผลเรื่องของข้าให้ได้รู้อย่างแน่นอน” ฟาโรห์หนุ่มรับสั่งด้วยเพราะทรงล่วงรู้นิสัยราชินีทูย่าเป็นอย่างดี
“เป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ โชคดีที่วันนี้กระหม่อมเดินทางมาเพียงลำพัง หาไม่แล้วจะต้องมาพบกับเนพธีสและล่วงรู้ว่าพระองค์จะแต่งตั้งนางให้เป็นราชินีเคียงข้างพระวรกาย หากจะให้พระนางล่วงรู้ ก็ควรหลังจากที่ฝ่าพระบาทจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว พระนางจะทรงกระทำการสิ่งใดก็ลำบาก ด้วยเพราะเนพธีสได้ถูกสถาปนาขึ้นเป็นราชินีเทียบเท่ากับพระนางไปแล้ว”
“ข้าก็คิดไว้เช่นนั้น เนพธีสจะต้องถูกสถาปนาขึ้นเป็นราชินีเคียงข้างข้าให้เรียบร้อยเสียก่อน หลังจากนั้นจึงเดินทางกลับธีปส์ ทูย่าจะทำอะไรนางมิได้ และข้าก็มิยอมให้มันผู้ใดมาทำร้ายเนพธีสเป็นเด็ดขาด”
ฟาโรห์แห่งอียิปต์รับสั่งอย่างหมายมั่น ทว่าพระองค์กลับมิทรงล่วงรู้เลยว่ายังมีสายตาอีกหนึ่งคู่จับจ้องและคอยแอบฟังการสนทนาของพระองค์อยู่ตลอดเวลา เสียงของราชองครักษ์เฮรูเอ่ยแทรกดังขึ้น
“กระหม่อมเพียรตามหาฝ่าพระบาทกับเบนนูและซีน่ามาตลอด 5 เดือนเต็ม จนแล้วจนรอดหาเท่าไรก็ไม่มีวี่แววของพระองค์และองครักษ์ที่คอยตามเสด็จทั้งสองเลยแม้แต่น้อย บังเอิญที่พระราชวังอียิปต์ใต้จะต้องเร่งส่งเหล้าองุ่นไปที่เมืองธีปส์
กระหม่อมเห็นบัญชีรายชื่อผู้ผลิตเหล้าองุ่น เป็นหมู่บ้านที่กระหม่อมยังไม่ได้มาติดตามหาพระองค์จึงได้เดินทางมาติดต่อเรื่องเหล้าองุ่นและสืบหาพระองค์ไปพร้อมกัน คาดหวังเอาไว้ลึกๆ ว่าจะพบร่องรอยของพระองค์บ้างเพื่อจะได้สืบหาต่อไป ไม่คิดเลยว่าจะได้พบจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ” เฮรูกราบทูลอย่างละเอียด ก่อนจะทอดสายตาไปรอบบริเวณเพื่อสังเกตในสิ่งที่ยังไม่เห็น
“เบนนูและซีน่าไปไหนพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่เห็นทั้งสองเลยตั้งแต่มาถึง” เฮรูกราบทูลถามเพื่อนองครักษ์ของตน
ฟาโรห์แห่งอียิปต์ทรงถอนพระทัยออกมาเบาๆ เมื่อเฮรูถามถึงเพื่อนสนิททั้งสอง
“เบนนู ซีน่า ตายแล้ว” พระองค์รับสั่งตอบกลับไปด้วยสุระเสียงที่เปลี่ยนไปจากเดิม
“หา! ตายแล้วอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” เฮรูตกใจเป็นยิ่งนักเมื่อได้ยินเช่นนั้น พร้อมสังเกตเห็นรอยแผลเป็นบริเวณพระอุระและพระอูรุขององค์กษัตริย์ที่เหลือทิ้งร่องรอยเอาไว้ให้เห็นอย่างชัดเจน
“ฝ่าพระบาทถูกลอบปลงพระชนม์ใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เฮรูรีบทูลถามกลับไปทันที
พระองค์ก้มพระพักตร์ขึ้นลงแทนการรับสั่ง ก่อนจะเริ่มต้นเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้ราชองครักษ์คนสนิทให้ได้ล่วงรู้อย่างละเอียดและจบลงพร้อมกับเสียงของเฮรูดังแทรกขึ้นมาทันทีเมื่อฟังจบ
“ฝ่าพระบาทจะทรงจัดการกับพวกฮิตไทต์เช่นไรพ่ะย่ะค่ะ พวกมันหาญกล้าหมายมั่นลอบปลงพระชนม์เช่นนี้จะต้องหาโอกาสอีกเป็นแน่”
“ข้าจะไม่มีวันให้พวกฮิตไทต์ได้มีโอกาสเช่นนั้นอีก พวกมันจะต้องล่วงรู้ว่า ความตายที่ฟาโรห์แห่งอียิปต์หยิบยื่นให้เป็นเยี่ยงไร” สุระเสียงรับสั่งเหี้ยมเกรียม
“ถ้าเช่นนั้นทูลเชิญฝ่าพระบาทกลับพระราชวังอียิปต์ใต้ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ทรงหายไปนานเกือบครึ่งปีแล้ว บรรดาเหล่าขุนนางน้อยใหญ่รวมไปถึงราชินีทูย่าต่างวุ่นวายเป็นยิ่งนัก อีกทั้งบรรดาอาณาจักรรอบข้างก็เริ่มจะระแคะระคายว่าพระองค์หายไป หรืออาจจะทรงประชวร ทำให้ออกว่าราชการและพบปะทูตต่างอาณาจักรมิได้ในช่วงที่ผ่านมา ทูลเชิญเสด็จกลับบัดเดี๋ยวนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าตั้งใจจะกลับคืนอยู่แล้วในอีกสองสามวันข้างหน้า แต่เมื่อเจ้าบอกเหตุการณ์บ้านเมืองภายในจักรวรรดิเช่นนี้ เห็นทีจะเดินทางเสียตั้งแต่วันนี้
และจะเข้าพำนักที่พระราชวังอียิปต์ใต้เลย เพื่อให้แลดูออกมาว่าได้มาตรวจเยี่ยมประชาชนและพำนักอยู่ที่อียิปต์ใต้มิได้หายไปตามที่ทุกคนเข้าใจ ส่วนเนพธีส ข้าจะนำนางไปด้วยพร้อมกัน” พระองค์รับสั่งในสิ่งที่ต้องจัดการ
“ฝ่าบาทจะมิทรงเตรียมการเรื่องของเนพธีสก่อนอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ หากนางล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วพระองค์คือกษัตริย์แห่งอียิปต์องค์ปัจจุบัน นางจะไม่ตกใจหรือเกิดความสับสนขึ้นมาเช่นนั้นหรือไร
อีกทั้งกระหม่อมสังเกตเนพธีสแล้วท่าทีของนางมิใช่คนที่จะใคร่ได้ลาภยศแต่อย่างใด บางครั้งการที่พระองค์ทรงเป็นถึงฟาโรห์แห่งอียิปต์อาจทำให้นางในดวงใจของพระองค์ไม่สามารถปรับตัวได้ทันหรอกนะพ่ะย่ะค่ะ”
คำกราบทูลของราชองครักษ์คนสนิท ทำให้ฟาโรห์เซติทรงครุ่นคิดขึ้นมาโดยพลัน หากนางในดวงใจล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วพระองค์คือกษัตริย์แห่งอียิปต์ นางจะเป็นเช่นไรเล่า
“ข้าลืมนึกถึงข้อนี้ไปเสียสนิท นางมิใช่คนที่ไขว่คว้าอยากได้ตำแหน่งราชินีอียิปต์ดั่งเช่นทูย่า ข้าจะต้องค่อยๆ บอกนางอย่างค่อยเป็นค่อยไปถึงจะถูกต้อง” พระองค์ตรัสเบาๆ ด้วยเพราะทรงครุ่นคิดเรื่องของโฉมงาม
“เอาอย่างนี้ดีไหมพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาทเสด็จกลับพระราชวังอียิปต์ใต้ล่วงหน้าไปก่อน ส่วนเรื่องของเนพธีสเป็นหน้าที่ของกระหม่อมเอง ภายหลังจากถวายการอารักขาให้พระองค์เสด็จกลับด้วยความปลอดภัยเสร็จสิ้นแล้ว
กระหม่อมจะกลับมารับนางและคอยดูแลนำส่งเนพธีสให้ถึงพระหัตถ์ฝ่าบาทด้วยความปลอดภัย กระหม่อมจะดูแลความปลอดภัยเนพธีส ยิ่งชีพเลยพ่ะย่ะค่ะ” เฮรูกราบทูลอาสาอย่างแข็งขัน
ฟาโรห์แห่งอียิปต์ก้มพระพักตร์ขึ้นลงด้วยความพอพระทัยเมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น
“ถ้าเช่นนั้นในเมื่อเจ้ามาติดต่อนำเหล้าองุ่นเพื่อส่งไปยังธีปส์ จงไปพบกับชอร์ตี้ผู้เป็นเจ้าของบ้านนี้ คาดว่าคงจะอยู่โรงหมักเหล้าทางหลังบ้าน หลังจากนั้นจงไปจัดเตรียมพาหานะเพื่อขนเหล้าองุ่นกลับไป จะไม่เป็นที่ผิดสังเกตและข้าจะอาสาเป็นผู้นำส่งเหล้าองุ่นแทนชอร์ตี้เองเพราะชอร์ตี้กำลังไม่สบาย แต่ก่อนอื่นจะต้องสั่งความเนพธีสให้เรียบร้อยเสียก่อน ข้าจึงจะออกเดินทางได้อย่างสบายใจ” พระองค์รับสั่งกำชับ
“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” เฮรูรับพระบัญชาก่อนจะลุกขึ้นยืนหันหลังกลับเพื่อดำเนินการตามรับสั่งขององค์กษัตริย์อย่างรวดเร็ว
และทันทีที่ร่างของเฮรูเดินลับจากไป พร้อมๆ กับฟาโรห์แห่งอียิปต์เสด็จพระดำเนินไปยังที่ตั้งของตัวบ้าน ร่างที่ซุกซ่อนอยู่ในกอปาปิรัส ซึ่งหมอบติดอยู่กับพื้นดินตลอดเวลา ก็ค่อยๆ คลานถอยหลังออกจากบริเวณดังกล่าวอย่างรวดเร็ว ครั้นเมื่อถึงบริเวณที่แลดูแล้วไม่น่าสงสัย ร่างนั้นค่อยๆ โผล่พ้นจากกอปาปิรัสขึ้นมาโดยพลัน ก่อนจะรีบวิ่งไปยังทิศทางที่เรือจากพระราชวังอียิปต์ใต้จอดเทียบอยู่ริมฝั่งของแม่น้ำไนล์
ภายในห้องเก็บสมุนไพร
ฟาโรห์แห่งอียิปต์เสด็จพระดำเนินมาถึงห้องเก็บสมุนไพร ภายในห้องเต็มไปด้วยตัวยามากมายนานาชนิด ม้วนกระดาษปาปิรัสมีมากมายนับไม่ถ้วน กระดาษทุกแผ่นจดบันทึกตัวยาสมุนไพรพร้อมวิธีการรักษา พระหัตถ์เอื้อมไปหยิบแผ่นกระดาษปาปิรัสที่โฉมงามบันทึกตัวยาเสร็จแล้ว ตัวอักษรฮีโรกรีฟฟิก เรียงเป็นระเบียบอย่างสวยงาม นี่เป็นครั้งแรกที่พระองค์ได้ทอดพระเนตรตำรายาของโฉมงามจนอดไม่ได้ที่จะชื่นชม
“ลายมือของเจ้างดงามยิ่งนัก งามดั่งเช่นเจ้าของร่างนี้ฉันใดก็ฉันนั้น” พระองค์รับสั่งพร้อมตรงเข้าสวมกอดร่างงามทางด้านหลัง
กลิ่นหอมอ่อนๆ จากดอกไม้ที่นวลนางนำมาอบลงบนผ้าส่งกลิ่นเย้ายวนไปทั่วเรือนกายจนหัวใจแทบสั่นคลอน พระหัตถ์ลูบไล้ท่อนแขนเรียวดั่งลำเทียนด้วยความเสน่หาไปมาเบาๆ
“เพียะ!” เนพธีสยกฝ่ามือน้อยๆ ตีลงบนท่อนพระกรของพระองค์เบาๆ ด้วยความเขินอายเมื่อถูกชมเช่นนั้น
“มือของท่านก็ช่างซุกซนเสียนี่กระไร” ร่างบางเอ่ยพร้อมพยายามไล่ตีพระหัตถ์หนาของฟาโรห์หนุ่มที่เริ่มจะลูบไล้ร่างงามหนักขึ้นเรื่อยๆ
“กลิ่นกายของเจ้าช่างหอมกรุ่นจนข้าใคร่อยากสัมผัสยิ่งนัก จะใจร้ายสามีได้ลงคอเชียวหรือ” พระองค์รับสั่งสัพหยอกพร้อมทอดสายพระเนตรกรุ้มกริ่ม ก่อนจะทรงมีรับสั่งกับโฉมงาม
“ข้าจะไปส่งเหล้าองุ่นแทนชอร์ตี้ ที่พระราชวังอียิปต์ใต้ และจะไปจัดเตรียมเรื่องของเจ้าให้เรียบร้อย เฮรูสหายของข้าจะเดินทางมารับเจ้า ขออย่าได้กลัวหากข้ามิได้มารับด้วยตัวเอง เฮรูไว้ใจได้จะคอยคุ้มครองเจ้าจนถึงที่หมายอย่างปลอดภัย”
พระองค์รับสั่งพร้อมจุมพิตผมสีนิลของโฉมงามก่อนจะแนบพระพักตร์ลงบนศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีดำสนิท หากแต่อ่อนนุ่มซ้ำส่งกลิ่นหอมรวยรินแสนชื่นใจ
“ท่านจะไปนานเพียงใด ข้าจะได้เตรียมตัวให้พร้อม”โฉมงามเอ่ยถามพระองค์
“ไม่เกิน 15 วัน เฮรูจะมารับเจ้าไปที่บ้านของข้า ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นั่น” ฟาโรห์เซติรับสั่งพร้อมหันร่างบางให้กลับมาเผชิญหน้ากับพระองค์
“จงจำไว้เสมอว่าบัดนี้ข้าคือสามีของเจ้า อย่าได้ไปไหนหากไม่มีข้าเด็ดขาด เตรียมตัวเดินทางให้พร้อมมิต้องเอาสิ่งใดติดตัวไปทั้งสิ้น เมื่อไปถึงบ้านข้าก็ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมดอยู่แล้ว”
เนพธีสขมวดคิ้วเรียวงามเข้าหากันโดยพลันเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ไม่ดีกระมัง ท่านจะไม่ให้ข้านำเสื้อผ้าไปผลัดเปลี่ยนเลยหรือ แล้วจะใส่อะไรเล่าท่าน ข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็น ไหนจะตำรายาอีกมากมาย ไม่เอาไปไม่ได้หรอก” นวลนางกล่าวคัดค้านอย่างไม่เห็นด้วย พร้อมเหลือบสายตาขึ้นมองคนตัวใหญ่ตรงหน้าก่อนจะค้อนส่งให้วงเบ้อเริ่ม
“เอาละ เอาละ ข้ายอมแล้ว ถ้าเช่นนั้นจะเก็บสิ่งใดที่จำเป็นติดตัวไปด้วยสุดแท้แล้วแต่เจ้าเถิด” องค์กษัตริย์รับสั่งพร้อมพระสรวลออกมาเบาๆ เมื่อทอดพระเนตรโฉมงามมีกิริยาเช่นนั้น พระองค์รั้งร่างอวบอิ่มพร้อมสวมกอดโฉมงามไว้แนบอก หากแม้นเลือกได้มิอยากให้นางคลาดสายพระเนตรไปแม้แต่วินาทีเดียว
“ข้ารักเจ้ายิ่งนักเนพธีส! รักของข้านี้มอบให้แก่เจ้าเพียงผู้เดียวเท่านั้น”
ฟาโรห์แห่งอียิปต์เฝ้าตระกองกอดนวลนาง ไม่อยากปล่อยร่างอวบอิ่มนี้ให้ห่างพระวรกายไปแม้แต่น้อย หากแต่ภาระและหน้าที่ อีกทั้งต้องจัดการเรื่องของเนพธีสให้อยู่เคียงข้างพระองค์ในฐานะราชินีอย่างเร็วที่สุด จำต้องตัดใจเพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างบรรลุเป้าหมายดั่งที่พระองค์คาดหวัง