CHAPTER 1
Sairung’s part
“เลขารองประธานเหรอคะ” ฉันทวนตำแหน่งงานที่พนักงานฝ่ายบุคคลของบริษัทได้เสนอให้กับฉัน
รอการติดต่อกลับจากบริษัทที่ได้ไปฝึกงานในช่วงที่ศึกษาระดับปริญญาตรีมาร่วมเดือน คิดว่าไม่ได้เสียแล้ว แต่ถึงจะได้แต่ก็ไม่ใช่ตำแหน่งที่สมัครไว้
“(ใช่ค่ะ ตอนนี้มีเพียงตำแหน่งนี้ที่ว่างและต้องการด่วน หากคุณประดับฟ้าตอบตกลง จะเริ่มงานได้ทันทีเลยค่ะ)”
ทำไมดูรีบจัง
ฉันละทิ้งความสงสัยแล้วใช้สมองขบคิดว่าควรจะรับงานนี้ไว้หรือไม่ แม้จะไม่ใช่ตำแหน่งที่ต้องการแต่แน่นอนว่าดีกว่าหลายอย่างเช่น เงินเดือน
“ตกลงค่ะ” ฉันตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เจือความมุ่งมั่น แม้ในใจจะแอบหวั่นก็ตาม
หลังจากที่คุยเสร็จเรียบร้อย ฉันรีบวิ่งลงจากชั้นสองเพื่อไปบอกข่าวดีให้พ่อกับแม่ได้รับรู้ แต่พอลงมาถึงกลับพบแต่ความว่างเปล่า จึงเดินออกไปที่วินคาร์ เพื่อน ๆ ของพ่อและแม่มานั่งเล่นกันตามประสาสูงวัย และอีกฝั่งหนึ่งเป็นกลุ่มลูก ๆ ของเขา
“รุ้งได้งานแล้วนะแม่”
“ดีใจด้วยลูก อยากจะออกจากบ้านนานแล้วนี่” แม่มีนเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้ ที่แม่พูดน่ะไม่เกินจริง ฉันอยากกลับไปอยู่คอนโดจะแย่แต่แม่ไม่อนุญาต ไม่ใช่ว่าออกคำสั่งเด็ดขาดหรอกนะ แต่จะพูดประมาณว่า…
‘เรียนจบแล้วก็มาอยู่กับแม่บ้าง’
‘อะไรกัน จะทิ้งแม่ไปอยู่คอนโดเหรอ’
‘คนแก่เหงานะ’
ฉันก็ต้องอยู่บ้านสิแบบนี้ ส่วนน้องชายฉันน่ะไปอยู่คอนโดเพราะเจ้าตัวยังเรียนอยู่ อีกหน่อยเรียนจบก็ต้องมาอยู่บ้านแบบฉันนี่แหละ
“แหมแม่ ก็รุ้งอยากทำงานนี่ รุ้งอยากไปใช้ชีวิตให้ครบรส” นอกจากจะส่งเสียงอ้อนแล้วฉันยังเข้าไปกอดแล้วคลอเคลียกับต้นแขนของท่าน เหมือนแมวตัวน้อยอ้อนคนเลี้ยง
อยู่บ้านตั้งหลายเดือน เริ่มเบื่อแล้ว…
“สายรุ้งได้งานที่ไหนลูก” ป้าฟองถามขึ้นมา แม้จะชราลงแต่กระนั้นก็ยังคงความสวยปนน่ารักไว้อย่างเดิม
“รุ้งได้งานที่โรงแรม EPN ค่ะ ตำแหน่งเลขา”
“ว้าว งานดีนี่ แต่รุ้งจะทำได้เหรอ” ฉันมองค้อนใส่ลุงมาร์ช แล้วคลี่ยิ้มบาง ๆ
“ทำไม่ได้ก็จะกลับมาเกาะพ่อกินค่ะ” เสียงหัวเราะพลันดังขึ้นจนพวกน้อง ๆ ที่นั่งเกาะกลุ่มกันหันมามองด้วยความสงสัย
พ่อลมของฉันเป็นเจ้าของปั๊มน้ำมันตั้งสี่แห่ง มีเงินกินใช้ได้สบายอยู่แล้ว แม่มีนเคยบอกให้ฉันรับงานรีวิว งานโพรโมตแบบแม่เมื่อตอนสมัยสาว ๆ แต่ฉันอยากทำงานประจำกินเงินเดือน ถึงได้สมัครงานเอาไว้หลายที่ แต่ใจฉันก็อยากได้ที่ EPN นี่แหละ โชคดีที่เขาเรียกสัมภาษณ์และรับเข้าทำงาน
ฉันเข้ามาที่ EPN ตามวันและเวลานัด ขึ้นมาที่ชั้น20 ซึ่งเป็นชั้นสำนักงานของโรงแรม เดินตรงไปที่แผนกบุคคล ระหว่างนั่งรอเข้าพบกับผู้จัดการ ฉันรู้สึกเกร็งนิดหน่อย เนื่องจากว่าสายตาหลายคู่จับจ้องมาที่ฉัน ระบายยิ้มให้พวกเขาอย่างเป็นมิตร ทว่าได้รับกลับมาแบบตรงกันข้าม
เพิ่งจะได้เจอหน้ากัน ก็จะไม่ถูกกันแล้วหรืออย่างไร
ความอึดอัดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ละนาทีที่ผ่านไปฉันรู้สึกว่ามันช้าเสียเหลือเกิน ผู้จัดการก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน ทำไมถึงไม่พาฉันไปในที่ของฉันเสียที
“ประดับฟ้าใช่ไหม” หญิงวัยราวสี่สิบกว่าเดินเข้ามาทัก ฉันลอบอ่านบัตรที่ห้อยคอด้วยความรวดเร็ว เธอคนนี้เป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคล
“ใช่ค่ะ” ยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อมก่อนจะตอบ
“เดี๋ยวพี่พาขึ้นไปพบท่านประธาน” ว่าแล้วก็พาฉันมายังลิฟต์แล้วกดเลือกชั้นบนสุด
มาถึงจุดหมายแล้วลิฟต์เปิดออกกว้าง ชั้นนี้ต่างจากชั้นที่ฉันอยู่เมื่อครู่ลิบลับ บรรยากาศเงียบจนน่าเกรง ผู้จัดฝ่ายบุคคลพาฉันมาที่หน้าห้องท่านประธาน เลขาในวัยเดียวกับคนข้างฉันเปิดประตูพาเข้าไป
“เลขาสำหรับท่านรองมาแล้วค่ะ”
เก้าอี้ทำงานผู้บริหารหมุนมาช้า ๆ ใบหน้าคมเข้มดูดุดันและอบอุ่นในคราเดียวกันจับจ้องหน้าฉันไม่วางตา ทุกคนเงียบ เงียบจนได้ยินเสียงหายใจแรงของตัวเอง
รู้สึกลำคอแห้งผากอย่างไรชอบกล ทำไมมันช่างอึมครึมเสียขนาดนี้
แก๊ก
เสียงลูกบิดประตูห้องน้ำทำลายความเงียบ ผู้หญิงวัยกลางคนในชุดเดรสสีครีมมองฉันไล่ตั้งแต่หัวจดเท้า
“คิดอะไรอยู่ถึงเลือกคนนี้มาทำงาน” น้ำเสียงของหญิงวัยกลางคนผู้นี้ดูไม่ชอบฉันเอาเสียเลย
“คุณสมบูรณ์เป็นคนเลือกค่ะ” ผู้จัดการฝ่ายบุคคลก้มหน้าขณะตอบ
“คุณเลือกเหรอคะ” ได้คำตอบจึงหันไปถามคนที่นั่งเคาะนิ้วเข้ากับโต๊ะ เขาพยักหน้าให้ “คุณเลือกจากอะไรคะ”
“ความรู้สึกมั้ง”
“ฉันไม่เข้าใจค่ะ”
“น่าจะเอาลูกเราอยู่”
“แล้วถ้าเอาไม่อยู่ล่ะคะ”
นั่นดิ ฉันเริ่มไม่มั่นใจแล้วนะ! น่าจะเอาลูกเราอยู่นี่ยังไงกัน ลูกของเขาดื้อรั้นมากอย่างนั้นเหรอ
มีวูบหนึ่งที่ฉันคิดจะใส่เกียร์ถอย
แต่ฉันก็ชอบลองทำอะไรใหม่ ๆ
“มีช่วงทดลองงานนี่คุณ” ชายผู้นั้นยกยิ้มที่มุมปาก สายตาของเขายังคงอยู่ที่ใบหน้าของฉัน และฉันก็ยังคงเคลือบยิ้มอยู่ในหน้า อีกทั้งยังมองเขากลับเช่นกัน โชคดีที่ตัวเองไม่ใช่คนหน้าเหวี่ยง แถมหน้าตายังเหมือนมีความสุขอยู่ตลอดเวลาอะไรทำนองนั้น
“ฉันให้เธอทดลองงานแค่เดือนเดียว”
“คุณรวยรื่นคะ ปกติเราทดลองงานกันสาม…”
“ฉันให้เดือนเดียว!” คุณรวยรื่นตอบผู้จัดการฝ่ายบุคคลเสียงเข้ม คนข้างฉันก้มหน้ารับคำค่ะ ๆ แค่นั้น
“ฉันไม่อยากให้เสียเวลาทั้งเธอและฉัน หวังว่าคงเข้าใจ” คุณรวยรื่นมองหน้าฉันขณะพูด
“ค่ะ” เดือนเดียวก็ดีเหมือนกัน ไม่เสียเวลาอย่างที่เธอว่า ไม่รอดก็ไปนอนอยู่บ้านก็ได้!
“เดือนเดียวมันไม่น้อยไปเหรอ กว่าลูกเราจะเป็นผู้เป็นคน”
เป็นผู้เป็นคน?
งานหนักซะมั้งอีรุ้ง!
“ฉันไม่ได้หวังให้ลูกเป็นผู้เป็นคนค่ะ ฉันแค่ต้องการให้ลูกมาที่นี่ จะมานอนฉันก็ไม่ว่า ขอแค่มา!”
ฟังสองสามีภรรยาเจ้าของโรงแรมดังคุยกันแล้วฉันอยากจะปาดเหงื่อทั้งที่ห้องทำงานเย็นฉ่ำ
“ไปลากตาเพชรมาทำงานให้ได้ ถ้าเธอทำได้ภายในหนึ่งเดือน ฉันจะให้เธอบรรจุเป็นพนักงานประจำทันที”
“ค่ะ” ฉันรับคำแล้วค้อมศีรษะเล็กน้อย นาทีถัดมาดวงตาพลันเบิกกว้างกับคำพูดของคุณรวยรื่น
“หวังว่าจะอยู่ได้เกินสองสัปดาห์นะ!”