บทที่ 3
ชีวิตติ่งคอมพลีส
ดูเหมือนนางจะเป็นนางร้ายจริงๆ แต่ทว่านางร้ายควรจะชื่อฟางเหนียงไม่ใช่หรือ เหตุใดตัวนางยังมีชื่อเดิมว่าป๋ายอวีชิงกันเล่า!!
ตอนนี้นางชักอยากมุดแผ่นดินหนี.. แต่เมื่อมองรอบตัวก็พบกับขบวนทหารล้อมลอบตัวนางยาวตลอดทางเดินหินอ่อน
"ตอนนี้คงจะหนีไม่ได้ บิดามันเถอะ!"
เหล่าทหารต่างพากันสะดุ้งเมื่อสตรีผู้งดงามหลุดคำสบถสุดแสนจะหยาบคายออกมา ลอบมองสตรีที่เดินอยู่ระหว่างกลางขบวน
หญิงสาวดวงหน้างดงามไร้ซึ่งความรู้สึกใดบนใบหน้า แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังใบหน้าเรียบเฉยอันสง่างามนั้น ป๋ายอวี้ชิงมีสีหน้าราวกับว่าโลกใบนี้กำลังจะแตกเสียให้ได้ กรอบหน้าเรียวมีเหงื่อซึมในทุกอณูรูขุมขน
ไม่กี่ชั่วยามก่อน เสี่ยวตั๋นเร่งรีบแต่งตัวให้นาง ไม่มีเวลาแม้จะให้โอกาสนางได้ส่องกระจกมองความสวยของตนเองเพื่อมาเดินท่ามกลางแดดร้อนจ้า!
รูปร่างผอมบางทว่ามีสัดส่วนโค้งเว้าน่าหลงใหล โดยเฉพาะส่วนอวบอัดที่ขนัดแน่นเกินตัว นางสวมชุดฮั่นฝูหรูหราสีแดงชาดปักลวดลายดอกบัวตั๋นสีขาว ชุดสีแดงยิ่งขลับให้ผิวขาวราวกับหิมะของนางให้ขาวขึ้น สวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าไหมขาวบางปักลวดลายสวยงามที่ปลายเสื้อ ผมยาวสีดำขลับถูกปล่อยสยายไว้กลางหลัง มวยผมขึ้นเล็กน้อยก่อนจะครอบใส่ด้วยเครื่องประดับหยกห้อยพู่สีชมพูอ่อน
ใบหน้าเรียวรูปไข่ถูกแต่งแต้มด้วยสีกุหลาบ หน้าผากประดับฮัวเตี้ยนสีแดงกลีบดอกไม้ ดวงตากลมโตเขียนทับด้วยสีเข้มขลับให้ดวงตาของนางดูเด่นชัดรับกับขนตาแพงอนที่ล้อมรอบ คิ้วบางเรียวสวยได้ทรงแต้มด้วยผงคิ้วสีดำอ่อนๆ จมูกโด่งเป็นสันสวยรับกับริมฝีปากอวบอิ่มสีแดงช่ำ นัยน์ตาสีรัตติกาลน่าหลงใหลยามต้องแสงประกายสีเงินยวง หากผู้ใดได้สบเข้าคงพร่ำเพ้อถึงความงามของนางไปหลายวัน
แต่ถึงแม้นางจะงดงามเพียงใด น่าเสียดายที่นิสัยใจคอของนางช่างไม่ตรงกับภาพลักษณ์อันน่าลุ่มหลงของนางเลย
ตลอดเส้นทางองค์หญิงพูดแต่คำแปลกประหลาด ดูเหมือนจะสบถก็ไม่ปาน
'ไอฉิบหายเอ้ย!'
'แม่งบัดซบจริงๆ'
'ถ้ามันฆ่าฉัน แม่จะสับหัวมันให้แหลกก่อนมันได้ฆ่าฉันแน่!'
ป๋ายอวี้ชิงกัดฟันแน่นในขณะที่ก่นด่าทุกสิ่งอย่างเพื่อระบาย! ส่วนมือขาวกำลังยึดจับบนมือสากของเสี่ยวตั๋นไว้มั่น เพราะชุดที่สวมใส่มากกว่าสามชั้นรวมถึงเครื่องประดับที่โคตรพ่อโคตรแม่หนักหัวทำให้นางทรงตัวได้ลำบาก
“ทำไมมันไกลเยี่ยงนี้” นางบ่นอุบอิบ ใกล้จะหมดความอดทนเต็มที ดีแค่ไหนที่ตอนนี้นางไม่ยกกระโปรงขึ้นแล้ววิ่งหนีไปเลยหน่ะ หากไม่ติดว่าไม่รู้ทางนางจะทำเช่นนั้นจริงๆ ให้ตายเถอะ!
“ใกล้ถึงแล้วเพคะ”
“เจ้าบอกข้าเช่นนี้เมื่อหนึ่งเค่อที่แล้ว!”
ใบหน้าเล็กบู้บี้ราวกับเด็ก ในตอนแรกพวกเขานำเกี้ยวแปดคนหามมาให้นางนั่ง แต่เมื่อถึงเขตของวังหลวงบูรพาจำต้องเดินเท้าเข้ามาเอง
นางไม่ชอบออกกำลังกาย ไม่ชอบขยับตัวมาก นางขี้เกียจ!
ป๋ายอวี้ชิงเลือกสำรวจรอบวังฆ่าเวลาเผื่อได้เจอทางหนี ข้างในนั้นประกอบด้วยศาลาและตำหนักสีขาวหยกมากมายสลับกันเป็นคลื่น ทั้งหอตำรา หอคัมภีร์ และอีกมากมายอยู่ภายในที่แห่งนี้ ทางเดินปูด้วยหินอ่อนห้อมล้อมด้วยภูเขาสูงชะลูด แม่น้ำไหลตกลงจุดกึ่งกลางของเขตวัง
“อดทนอีกนิดนะเพคะ” เสี่ยวตั๋นตอบอย่างเอาใจ พลางประคองฝ่ามือเล็กๆให้เดินไปตามทาง
ตอนนี้รอบด้านเต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาดูนาง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความงดงามอันจับต้องได้ยาก และอีกส่วนหนึ่งคืออยากรู้อยากเห็นถึงเรื่องร้ายแรงจนเทียนจวินต้องออกหน้า
ส่วนใหญ่จะเป็นด้านหลังเสียมากกว่า ข่าวลือหนาหูเรื่องที่นางทำร้ายเสินหนวี่เป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงอย่างสนุกปาก เสี่ยวตั๋นได้แต่ภวานาให้การเดินทางครั้งนี้ถึงจุดมุ่งหมายโดยเร็ว หาไม่เช่นนั้นหากองค์หญิงได้ยินเข้าจะต้องเกิดเรื่องอีกเป็นแน่
ทางด้านป๋ายอวี้ชิงได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ รู้สึกสับสนไปหมด นางมั่นใจว่านางเข้ามาในเกมส์จีบหนุ่มแน่ๆ แต่ตัวนางกำลังอยู่ในบทบาทของใครกัน ขอให้ไม่ใช่อยากที่นางคิดแล้วกัน หาไม่เช่นนั้นนางขอกัดลิ้นตายเสียดีกว่า!
“นางสวยแต่รูป แต่จิตใจนั่นหรือหยาบช้าเสียยิ่งกว่าปีศาจ”
เสียงกระซิบกระซาบที่ดูเหมือนจะตั้งใจให้ได้ยินทำเอาป๋ายอวี้ชิงหูผึ่ง ใบหน้างดงามเงยขึ้นก่อนจะหันซ้ายหันขวา สงสัยว่าคำพูดนั่นกำลังหมายถึงใคร ในขณะที่เสี่ยวตั๋นเริ่มรับรู้ถึงลางความฉิบหาย!
“พร่ำขอบุรุษบุตรแห่งสวรรค์อย่างหน้าไม่อาย หากเป็นข้าคงไม่มีหน้าเดินชูคอเช่นนี้หรอก”
“ช่างไร้ยางอายเสียจริง อยากรู้นักว่าหน้าของนางหนากี่กระสอบ”
“หากมิใช่เพราะเทียนจวินนางคงไม่ได้ตำแหน่งองค์หญิงมาหรอก ภาพลักษณ์อย่างนางคงเป็นได้แค่ไม้ประดับแห่งหอนางโลมเท่านั้น”
“ทำตัวใฝ่สูงไม่ดูกำพืดตัวเองเสียเลย”
“นั่นพวกนางกำลังว่าข้ารึ”
ป๋ายอวี้ชิงถามเสียงใสไร้ซึ่งแววโกรธเคืองในน้ำเสียง คิ้วเรียวขมวดมุนกำลังงุนงงว่าสรุปแล้วพวกนางกำลังด่าใคร
ในขณะที่เสี่ยวตั๋นอดทนฟังอยู่นานแต่ไม่มีท่าทีว่าองค์หญิงของนางจะหันไปกล่าวว่าเช่นทุกที อีกเพียงไม่ถึงสิบก้าวก็ใกล้จะถึงประตูตำหนักบูรพาแล้ว ถว่าวาจาร้ายกาจและดูหมิ่นเช่นนั้นเสี่ยวตั๋นไม่อาจอดทนฟังได้อีกต่อไป
“พวกเจ้ากำลังดูหมิ่นองค์หญิงป๋ายรึ!!”
***(สวรรค์) เป็นสิ่งบ่งบอกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของสำนักสรรค์ พวกนางที่ได้ยินเช่นนั้นก็ทำสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว ราวกับว่าสิ่งที่ตนพูดหาใช่ความผิดไม่
“ข้าจะทูลเรื่องนี้ต่อเทียนจวินว่าพวกเจ้าดูถูกองค์หญิงน้อยของชั้นฟ้า!” เสี่ยวตั๋นกล่าวอย่างไม่ยอม
“ขอประทานอภัยเพคะ หากข้าทำให้องค์หญิงต้องเกิดโทสะพวกข้าต้องขออภัยด้วย ข้าชั้นผู้น้อยไร้ซึ่งหัวคิดตริตรองให้ดีว่าองค์หญิงอาจเข้าพระทัยผิด หาได้กระทำการกล่าวพาดพิงถึงท่านไม่ พวกข้าเพียงพูดคุยกันตามประสาหญิงสาวเท่านั้น ท่านผู้มีเมตตาเช่นท่านคงไม่คิดถือโทษพวกข้าหรอกใช่หรือไม่”
แม่นางหน้าขาวผ่องทาริมฝีปากแดงชาด นัยน์ตาเฉี่ยวคมผู้หนึ่งนำหน้าออกมาก้มโค้งลงต่ำอย่างจำยอม แตกตากจากการพูดจาด้วยเสียงจีบปากจีบคออย่างน่าหมั่นไส้
“พะ พอเถอะเจ้าค่ะศิษย์พี่”
ข้างๆ กันนั้นปรากฏหญิงงามนางหนึ่ง นางดูโดดเด่นกว่าสตรีใดๆทั้งหมด ด้วยรูปหน้าเรียวสวย คิ้วเรียวโก่งเล็กน้อย ดวงตากลมโตราวกับตุ๊กตา ริมฝีปากเล็กบาง รวมๆ แล้วราวกับกำลังจ้องมองตุ๊กตากระเบื้องก็ไม่ปาน
น่ารัก! ป๋ายอวี้ชิงคิดในใจ ก่อนจะรู้ตัวว่าควรรีบห้ามเสี่ยวตั๋น
“นางขอโทษแล้วเจ้าก็พอแค่นี้เถิดเสี่ยวตั๋น”
“พะ เพคะองค์หญิง”
เสี่ยวตั๋นเกิดความรู้สึกไม่พอใจสายหนึ่ง หากเป็นยามปกติพวกนางคงไม่อาจแม้จะกล่าวว่าร้ายองค์หญิงได้สักคำ แต่ในยามนี้นอกจากองค์หญิงจะทรงเมินเฉยต่อคำดูแคลนแล้วนางกลับไม่ลงโทษพวกเขาอีก เสี่ยวตั๋นคับแค้นใจแทนยิ่งนัก!
เสี่ยวตั๋นคิดในใจพลางหันไปมองพวกนางด้วยแววตาอาฆาต หนึ่งในพวกนางที่เป็นเซียนชั้นสูงมียศถาบรรดาศักดิ์อยู่บ้างเห็นเช่นนั้นก็เกิดความไม่พอใจ ‘จื่อรั่ว’ ชี้นิ้วไปยังเสี่ยวตั๋นก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงอันดัง ทำให้การเดินขบวนต้องหยุดชะงักลงอีกครั้ง
“กิริยามารยาทของบ่าวเป็นเช่นไร ผู้เป็นนายย่อมเป็นเยี่ยงอย่างเช่นนั้น! เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงส่งสายตาและจิตสังหารแก่พวกข้า”
“ศิษย์พี่หญิงพอเถิดเจ้าคะ” หญิงสาวน่ารักราวตุ๊กตาในตอนแรกเอ่ยแทรกขึ้นมา สีหน้านางดูกังวลใจ จื่อรั่วมอง ‘หลินลี่ฟาน’ อย่างขัดใจ
“เจ้าจะมาห้ามข้าทำไมหลินลี่ฟาน นางทำร้ายเจ้าจนบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้แต่กลับไม่ได้รับโทษใดเลย!”
'หลินลี่ฟาน' นั่นชื่อนางเอกไม่ใช่เหรอ ใบหน้าสวยหันขวับไปมอง ใบหน้าหวานดวงตากลมโตกำลังฉายแววตื่นตระหนก ไม่ต่างจากป๋ายอวี้ชิงเลย นางก็อึ้งอยู่เหมือนกัน! ใบหน้างดงามเริ่มซีดเซียว นัยน์ตาแห้งเหี่ยวราวกับปลาตาย
“นะ นั่น! นายของเจ้า กำลังคิดจะสังหารฆ่ากระนั้นหรือ”
คิ้วเรียวกระตุกถี่ นางท่าจะบ้า?! สังหารบ้าสังหารบออะไรกัน คนมันกำลังเครียดวุ้ย!
“เสี่ยวตั๋น ผู้คนบนนี้มีแต่คนเสียสติแค่มองก็ถูกกล่าวหาว่าจะฆ่ากันงั้นหรือ”
ป๋ายอวี้ชิงกล่าวเสียงราบเรียบ ขณะยืนกอดอกมองไปยังสตรีหน้ามนทั้งสอง
จื่อรั่วได้ยินชัดเจน ใบหน้าหวานเบะปาก ก่อนจะกล่าวโทษ “ท่านหาว่าข้าบ้ารึ ท่านกล่าวว่าร้ายข้า ทำให้ข้าอับอาย!”
แค่นี้ถึงกับอับอาย เบิ้ดคำสิเว้า!!
“เอิ่ม เอ่อ”
ป๋ายอวี้ชิงอึกอักเค้นหาคำแก้ตัวภายในหัว อีกใจเพราะไม่อยากมีเรื่อง แต่ความใจร้อนของจื่อรั่วมีมากกว่า นางยังคงจดจำใบหน้าร้ายกาจที่ดูถูกดูแคลนนางและพ่อของนางได้เป็นอย่างดี
พ่อของนางเป็นถึงผู้ดูแลประจำตำหนักฝั่งซ้าย เป็นรองเพียงแค่ไท่ฝูเท่านั้น องค์หญิงที่ไร้ตัวตนเป็นเพียงไม้ประดับของสวรรค์จะมีค่าไปมากกว่าตัวของนางได้เยี่ยงไร แต่หากเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจากความโปรดปรานของเทียนจวินต่อองค์หญิงแล้ว นางจักหันมาลงโทษสาวใช้ผู้นั้นแทนคงไม่ผิด!
“สำหรับองค์หญิงท่านคงพูดออกมาอย่างไม่คิด ข้าจะไม่ถือโทษแล้วกัน แต่สำหรับสาวใช้เยี่ยงเจ้าบังอาจดูถูกข้า หากข้ามิได้ลงโทษเจ้าในวันนี้ ข้าคงไม่อาจรักษาหน้าไว้ได้!”
เมื่อคิดได้เช่นนั้น จื่อรั่วจึงรีดปราณในร่างกายก่อนจะฟาดใส่เสี่ยวตั๋นในทันที จื่อรั่วลอบยิ้มชั่วร้าย นางตะโกนไปเช่นนั้นจริงแต่หาใช่เป้าหมายที่แท้จริงของนางไม่ แท้จริงแล้วนางเบี่ยงการโจมตีไปยังสตรีชั่วช้าด้านหลังนังคนรับใช้นี่ต่างหาก!
“อึ้ก!!”
เสี่ยวตั๋นรู้ทัน นางรีบนำตัวเข้ามาบังการโจมตี ช่องว่างความต่างชั้นระหว่างเสินหนี่ว์และซ่างเซียนนั้นมากโข เสี่ยวตั๋นที่เป็นเพียงเสินหนี่ว์ไม่อาจต้านทานการโจมตีเอาไว้ได้มาก นางจึงได้รับแรงกระแทกเข้าอย่างจัง ร่างของนางทรุดฮวบลงกับพื้นก่อนจะกระอักเลือดคำโต
“เสี่ยวตั๋น!!!!” ป๋ายอวี้ชิงร้องเสียงดังลั่น รีบคว้าประคองเสี่ยวตั๋นเอาไว้ มือบางสั่นระริกเพิ่งเคยเห็นเลือดมากมายครั้งแรก ขอบตาร้อนผ่าวในขณะที่การหายใจเริ่มติดขัด
“นะ นางสมควรโดนแล้ว!” จื่อรั่วแสยะยิ้มพูด ถึงนางจะแอบหวั่นใจแต่นางจะต้องไม่แสดงออกมา
“สะ เสี่ยวตั๋น เจ้าอย่าหลับตานะ”
มือบางสั่นระริกขณะสัมผัสใบหน้าที่มีเลือดไหลออกจากปากของเสี่ยวตั๋น
ทุกคนที่มองดูอยู่ไม่มีใครคิดจะเข้ามาห้ามหรือช่วยนางเลยสักคน พวกเขากลับมองมาอย่างเมินเฉย ในตอนนั้นเองที่พวกเขาเห็นหยาดน้ำใสไหลอาบลงใบหน้างดงาม
“!”
“!” ทุกคนต่างตกอยู่ในภวังค์ ไม่คาดคิดว่านางมารร้ายเช่นนางจะหลั่งน้ำตาเพื่อผู้อื่น รึนี่คือการแสดงอย่างหนึ่งกัน!
“คะ ใครก็ได้ เรียกรถพยาบาลมาที ไม่สิ เรียกท่านหมอ ท่านหมอได้โปรดช่วยชีวิตเสี่ยวตั๋นด้วย!”
“พะ พ่ะย่ะค่ะ”
หนึ่งในทหารที่นำทางนางมาตอบรับเสียงตะกุกตะกัก พวกเขายังคงมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า หากเป็นในยามปกติแม่นางจื่อรั่วคงได้บาดเจ็บหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดไปแล้ว และองค์หญิงป๋ายจะไม่มีทางนั่งลงสัมผัสพื้นอย่างแน่นอน
ร่างบางสะอึกสะอื้น อย่างน้อยเสี่ยวตั๋นก็เป็นเพียงไม่กี่คนที่ดีกับนางตั้งแต่นางฟื้นขึ้นมาในโลกที่ไม่มีใครรู้จัก ใบหน้าขาวเปื้อนน้ำตาหันกลับไปมองยังคนที่กล้าทำร้ายเพื่อนของนางพลางจ้องเขม่ง
“เจ้าทำเกินไปรึไม่!!” นางอยากลุกขึ้นไปกระชากหัวนั่นจริงๆ แต่ติดที่เสี่ยวตั๋นนอนบนตักนางอยู่!
“ขะ ข้าหรือ สาวใช้ของท่านดูแคลนข้า ให้ข้าปล่อยไปงั้นหรือ”
จื่อรั่วหล่นถอยหลังเตรียมตั้งรับ นางรู้ว่าสตรีชั่วช้าเช่นป๋ายอวี้ชิงไม่มีทางปล่อยนางเอาไว้แน่ นางคงตรงเข้ามาทำร้ายนางโดยไม่พูดอะไรอีกเหมือนเคย
ดีเสียอีก..ลงมือกับนางอย่างชั่วร้ายตามนิสัยของเจ้าเสีย เพราะนางแอบเห็นไท่จื่อลู่จิ่งเหอและไท่ฝูอยู่ไม่ไกล พวกเขากำลังมุ่งหน้ามาเพื่อสังเกตเหตุการณ์วุ่นวายภายในวังหลวง พวกเขาจะต้องเห็นภาพชั่วร้ายของเจ้าและรังเกียจเจ้ามากยิ่งขึ้น
“สิ่งที่เจ้าทำมันมากเกินไป เจ้าเป็นถึงเซียนซ่างนางเป็นเพียงเสินหนี่ว์ บำเพ็ญน้อยกว่าเจ้าอยู่หลายพันปี หากนางดูแคลนเจ้าตัวข้าย่อมขอโทษแทนและรับผิดแทนนางได้ แต่เจ้ากลับตรงเข้าทำร้ายนางโดยไร้ซึ่งความปรานี อยากจะตบกับข้าก็มาเลย มิใช่ลอบทำร้ายกันแบบนี้!”
ป๋ายอวี้ชิงตอบกลับด้วยเสียงอันสั่นเครือ ดวงหน้างดงามยังคงมีน้ำตาไหลไม่คาดสาย แต่แววตาของนางกลับแข็งกร้าวราวกับลูกแมวที่กำลังขู่ฟ่อๆ
“หึ”
เสียงทุ้มหัวเราะต่ำในลำคอ อีกฟากหนึ่งบนต้นไม้สูงใหญ่ ปรากฏร่างกำยำของชายหนุ่ม ผมดำขลับถูกปล่อยสยาย ใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติปรากฏความสนใจเล็กน้อยบนใบหน้า นัยน์ตาคมเฉี่ยวสีทองอร่ามจับจ้องไปยังสตรีผู้งดงามเบื่องล่าง
“นางเปลี่ยนไปมาก”
ทางด้านจื่อรั่วเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็อ้ำอึ้งไปเล็กน้อย นางจับใจความได้ว่าหากนางต้องการให้ป๋ายอวี้ชิงขอโทษนางจะยอมขอโทษกระนั้นหรือ
ไม่มีทาง!
“ข้าจะไม่ขอโทษนางหรอกนะองค์หญิง เพราะข้าหาได้ทำสิ่งใดผิด!”
“หุบปากเน่าๆของเจ้าไปเสีย ก่อนข้าจะหมดความอดทนเอาเท้ายัดปากเน่าๆนั่น!”
“ทะ ท่าน!!!”
"พวกเจ้าทุกคนด้วย คนกำลังจะตายต่อหน้าต่อตา กลับยืนนิ่งไม่คิดเข้ามาช่วย หากพวกเจ้าบอกว่าข้าน่ารังเกียจแล้วตัวพวกเจ้าเคยชะโงกหัวดูตัวเองบ้างรึไม่!"
“!”
“!”
เสียงฮือฮาดังระงม ไม่คาดคิดว่านอกจากนางจะร้ายกาจแล้ว ฝีปากนางก็ยังไม่เป็นสองรองใครอีกด้วย!
ยามนี้ทุกคนเริ่มมีสีหน้าไม่พอใจและโกรธแค้น หากพวกเขาจะทำร้ายนางในตอนนี้นางก็ไม่สนใจ ร่างบางละสายตาจากจื่อรั่วที่ดำคล้ำเขียว นางดึงแขนเสื้อขึ้นตั้งใจจะซับเลือดให้กับเสี่ยวตั๋น แต่แล้วกลับถูกมือหนึ่งดึงรั้งเอาไว้ก่อน
“เจ้ากำลังทำอะไร”
“!”
นางเงยหน้าขึ้นสบเข้ากับดวงตาสีอำพันน่าหลงใหล ใบหน้าหล่อเหลาคมคายราวกับเทพเซียนฉุดกระชากลมหายใจของนางให้ขาดหาย จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากหยักได้รูป ความลงตัวที่หาที่สุดไม่ได้นี้ทำเอาป๋ายอวี้ชิงทิ้งลืมความโกรธเมื่อสักครู่ไปชั่วขณะ
ตึกตัก!
..นี่มันภาพเบลอรึเปล่า ได้เห็นตัวละครที่รักถวายหัวตรงหน้า..
“ชีวิตติ่งคอมพลีสแล้ว” ชิบหายล่ะหลุดปาก ดูหน้าสิ ทำหน้ารังเกียจนางเสียเหลือเกิน นางสะบัดหน้าไปมาเรียกสติ "ท่านพี่ช่วยพาคนมารักษาเสี่ยวตั๋นได้หรือไม่เจ้าคะ" นางกล่าวเสียงอ้อนวอน
“อะไรของเจ้า”
คนฟังขมวดคิ้วมุนรู้สึกไม่ชอบใจกับคำเรียกของนาง ท่านพี่งั้นหรือ ช่างน่าสะอิดสะเอียนนัก เขาคิดก่อนจะสะบัดข้อมือเล็กออกอย่างแรง จนนางตัวสะบัดไปด้านข้างนางถึงได้สติ ดีที่นางกลั้นเจ็บได้เก่งจึงไม่ร้องออกมา ตัวเองเป็นคนดึงมือนางไปเองกลับผลักออกเสียแรง นางคิดว่านางได้ยินเสียงกร๊อบอีกด้วย!
แขนหักป่าววะ!
ติ๊ง!
จู่ๆเสียงหนึ่งได้ดังขึ้นในหัว พร้อมกับปรากฏลูกศรปักลงบนหัวของคนที่อยู่ตรงหน้า ป๋ายอวี้ชิงขยี้ตาแรงๆหนึ่งทีก่อนจะเพ่งมองอีกครั้งเพื่อความชัวร์
หืม.. ทำไมบนหัวของท่านพี่ถึงขึ้นสัญลักษณ์แปลกๆ ตอนนั้นเองที่มีหน้าต่างบานสีขาวเด้งขึ้นตรงหน้าของนาง
‘เป้าหมายของท่านได้ถูกระบุแล้ว และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้’
ฮะ?
ริมฝีปากเล็กอ้าปากหวอ ก่อนที่สัญลักษร์บนหัวของท่านพี่นางจะเปลี่ยนเป็นเลข -5%
“!” ติดลบเลยเหรอ?!!
ในเวลาเดียวกันนั้นหน้าต่างก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันกลับทำให้นางถึงกับแหกปากออกมาแม้แต่จางเฉิงอี้ที่มักจะมีท่าทีนิ่งสงบอยู่เสมอยังแอบสะดุ้ง
ข้อความนั้นระบุว่า
‘หากความชอบเป้าหมายลดลงถึง -10% ท่านจะตายในทันที หากไม่ถึงร้อยท่านก็จะตายเช่นกัน โปรดทำให้หัวใจแสนเย็นชานั้นเต็มร้อยด้วยเถิด และเราขอให้ท่านจงโชคดีไม่ตายในเร็ววัน’
ลดอีกแค่ 5 เปอร์เซ็นต์นางก็ตายแล้วนะ บังคับทำให้เต็มร้อยอีก! ดูจากสภาพแล้วเหมือนหลัวจะเกลียดนางยิ่งกว่าแมลง จะทำให้เต็มร้อยยังไงไหว!
ขอชูนิ้วกลางให้หนึ่งที ไอระบบเฮงซวย!