บทที่ 1
หลุดเข้ามาในนิยายอิโรติก
“แอร๊กกกกกก!!”
เสียงหวานตะโกนดังแสบหู พาคนที่นอนฟุบอยู่ข้างๆ สะดุ้งสุดตัวจนล้มหงายหลังไปกับพื้น หญิงสาวสวมชุดสีแดงชาด ใบหน้างามล่มเมืองตาเหลือกโปนในขณะที่ร่างบางชักกระตุกชูแขนขาทั้งสองข้างชี้บนฟ้า เหล่านางกำนัลภายในห้อง คราแรกดีใจอย่างถึงที่สุดที่องค์หญิงของพวกนางฟื้น แต่เมื่อหันไปเห็นภาพบาดตาเช่นนั้นพวกนางต้องรีบก้มหน้างุดโดยพลัน กลั้นเสียงที่เกือบจะเล็ดลอดออกไปของตนเองอย่างยิ่งยวด
พวกนางไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น!
หญิงสาวที่ขาและแขนชี้โด่อยู่กลางอากาศพลันชักกระตุก กระชากตัวเองลุกขึ้นมานั่งเต็มตัว ป๋ายอวี้ชิงยังคงอยู่ในอาการช๊อค พร้อมกับผมที่ชี้ฟูขึ้นมาแทน ในขณะที่นางกำนัลทั้งหลายก็อยู่ในสภาพไม่ต่างกัน พวกนางกระเถิบเข้าไปทีละก้าวอย่างกล้าๆกลัว
“พวกเจ้าออกไปให้หมด!”
เด็กสาวคนหนึ่งพูดขึ้นมา นางสวมชุดสีขาวเรียบง่าย ผมดำถูกรวบขึ้นมวยไว้ด้านหลัง เหล่านางกำนัลคนอื่นๆที่ได้ยินเช่นนั้นก็ถยอยพากันออกไปพลางส่งเสียงซุบซิบ
“อะ องค์หญิงเพคะ” นางขัดใจเล็กน้อยก่อนจะหันไปเรียกนายของตนด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง
ขวับ
‘เสี่ยวตั๋น’ แอบสะดุ้งจนไหล่กระตุก เมื่อหญิงสาวใบหน้างดงามผู้ที่ผมเผ้ากำลังชี้ทะแยงไปคนละทางหันหน้ากลับมามองอย่างรวดเร็ว เขม่าสีดำจากปอยผมกระจายเล็กน้อยตามแรงหันของเจ้าตัว ป๋ายอวี้ชิงยังคงอยู่ในอาการมึนเมาราวกับดื่มเหล้าร้อยดีกรี เธอจำได้แม่นว่าเธอเห็นประกายไฟและก็เสียง ‘แอร๊ก’ อันน่าเกลียดของตัวเธอเอง จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบลง
ให้ตายเถอะ.. แล้วที่นี่มันที่ประหลาดอันใด เพดานยกสูงตกแต่งงดงามแห่งนี้ไม่ใช่ห้องของเธอแน่นอน.. หรือเธอได้ขึ้นสวรรค์
ไม่ ไม่น่าเป็นไปได้
ป๋ายอวี้ชิงส่ายหัวไปมารุนแรง เธอไม่เคยเข้าวัดทำบุญ วันๆทำแต่งานฟรีแลนซ์ รับจ๊อบทำงานทุกอย่าง โดยเฉพาะการวาดรูป ทั้งความทรงจำสุดท้ายคือการนั่งดูวิดีโอฉากจบสุดเร่าร้อนของคู่พระนางในเกมส์ 'ตามหารักผู้พิทักษ์ทั้งห้าของหญิงสาว' มันถูกอิงมากจากนิยายรักอิโรติกเรื่อง 'ทาสรักบุปผางาม'
ไอพวกนั้นเขาว่ามันเป็นบาปไม่ใช่เหรอ เธอไม่น่าจะได้ขึ้นสวรรค์หรอก ว่าแต่..มันจะบาปได้อย่างไรในเมื่อมันก็ทำให้เธอมีความสุขอยู่ไม่น้อย
“องค์หญิงป๋าย พะ พระวรกายเป็นเช่นไรบ้างเพคะ”
เสียงของเด็กสาวในตอนแรกถามเธอขึ้นมาอีกครั้งอย่างกล้าๆกลัว เรียกสติของป๋ายอวี้ชิงให้กลับมามอง เธอเอียงคอมองเล็กน้อยอย่างสำรวจ ค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ในหัวเริ่มประมวลผลตรงหน้าอย่างรวดเร็ว
‘อืม.. ชุดจีน เครื่องประดับโบราณ ทั้งพูดภาษาจีน แล้วดันเข้าใจด้วยนะ..’
ในขณะที่เสี่ยวตั๋นก็เอียงคอตาม กลั้นหายใจเมื่อองค์หญิงยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนจมูกเกือบสัมผัสกัน แต่แล้วจู่ๆองค์หญิงของนางก็สบถเสียงดังลั่น ภาพสะท้อนหญิงสาวสวมชุดจีนผมชี้ฟูทำให้ป๋ายอวี้ชิงตกใจ
“เห้ย!”
“!”
เสียงดังจนสะเทือนไปทั่วทั้งตำหนัก ป๋ายอวี้ชิงประมวลผลเสร็จสิ้น นี่เธอกำลังอยู่ที่ไหนบนโลกกัน มือบางยกขึ้นสำรวจตัวเองพบว่าไม่มี! ไม่มีรอยไหม้บนมือที่ถูกไฟช๊อต ตรงหน้าเธอมันกลับเป็นมือบางผิวขาวราวกับหิมะฝ่ามือเล็กจิ้มลิ้มน่ารัก แอร๊ยย มือใครเนี่ย
…นี่มันมือเธอนี่หว่า!!!
ป๋ายอวี้ชิงชักมือกลับเข้ามาอย่างตื่นตระหนก ก่อนจะแตะเข้ากับสัดส่วนบางอย่าง ส่วนที่เป็นราวกับส่วนเกินบนร่างกายตนเอง ใบหน้าเล็กเอียงคอ คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน ขณะที่มือกำลังกอบกำความนุ่มหยุ่นที่ล้นทะลัก
ใหญ่มากทะลักมือเลยทีเดียว ของใครกัน..
…เอ้า นมเธอนี่หว่า!!!!
“โอ้วว”
เสี่ยวตั๋นยกมือขึ้นปิดปาก ดวงตากลมคลอด้วยหยาดน้ำใส เมื่อเห็นสภาพองค์หญิงของตนลูบคลำหน้าอกของตนเองไปมา ก่อนที่นางจะกระทำกิริยาน่าอายอย่างแหวกเสื้ออกก้มดูส่วนหน้าของตนเองอย่างโจ่งแจ้ง
องค์หญิงของนางโดนไท่จื่อทำร้ายจนเสียสติไปเสียแล้ว!
ชึบ
เสี่ยวตั๋นพร้อมกับชายร่างท้วมอีกคนที่ล้มฟุบไปในคราแรกเด้งตัวขึ้นมา ทั้งสองคนคลานเข้ามาเกาะขอบเตียงพลางน้ำหูน้ำตาไหลราวกับมีใครตาย
“ฮึก ฮืออ องค์หญิงของเสี่ยวตั๋นช่างน่าเจ็บใจนัก ไท่จื่อลู่จิ่งเหอกล้าลงโทษพระองค์หนักถึงขั้นเสียสติเลยรึเพคะ ช่างมีจิตใจอำมหิตเหลือทน!”
“จะ จริงพ่ะย่ะค่ะ ข้าทั้งสองต้องเป็นคนแบกร่างท่านกลับมาด้วยตนเอง เนื่องจากไท่จื่อทรงมีรับสั่งห้ามผู้ใดยื่นมือเข้ามาช่วย ช่างเป็นการดูหมิ่นองค์หญิงของพวกเรายิ่งนัก!”
ทั้งคู่เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย เนื่องจากทั้งสองติดตามองค์หญิงป๋ายอวี้ชิงมาตั้งแต่เด็ก ถึงจะเป็นเผ่าเล็กๆในหมู่เผ่าใหญ่ทั้งสาม แต่พวกเขาก็นับว่าเป็นเผ่าแรกเริ่ม แม้แต่ตงเฟิงตี้จวินและเทียนจวินยังให้ความสำคัญ
อีกทั้งองค์หญิงของนางเป็นถึงบุตรสาวเพียงคนเดียวของสหายคนสนิทของเทียนจวิน นางถูกฝากฝังไว้กับเทียนจวินก่อนทั้งคู่จะสิ้นใจ นางจึงเป็นที่รักและโปรดปรานของเทียนจวินอย่างมาก ซึ่งการกระทำอุกอาจของไท่จื่อครั้งนี้นับว่าร้ายแรงนัก!
แต่ด้วยความที่องค์หญิงถูกตามใจมาโดยตลอด จึงทำให้นางมีนิสัยข่อนค้างเอาแต่ใจ หากไม่พอใจสิ่งใดนางจะลงโทษคนผู้นั้นโดยไม่สนความถูกผิดโดยทันที หากมีผู้ใดกล้าแข็งข้อหรือขัดคำสั่งนางนางจะเริ่มลงไม้ลงมือพวกเขา
และนี่คงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ไม่มีผู้ใดเข้ามาเยี่ยมเยียนเลยในระยะเวลากว่าสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ยกเว้นแต่เทียนจวินที่เข้ามาดูอาการองค์หญิงเป็นระยะๆ พร้อมให้คำมั่นว่าจะสั่งลงโทษบุตรชายของตนเอง ส่วนตัวตงเฟิงตี้จวินเองเพียงส่งผลไม้พันปีมาให้เท่านั้น จะว่าไปก็มีอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้มาดีอย่างท่าน 'หรางหยาน' ศิษย์เอกของสำนักสวรรค์ที่เข้ามาก่อกวนและสาปส่งองค์หญิงว่าเป็นนางมารร้ายอย่างไม่นึกเกรงกลัวเบื้องสูง คงมีเพียงเทียนจวินเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ยังคงใส่ใจองค์หญิงของนาง
“องค์หญิงเพคะ..”
เสี่ยวตั๋นลอบมองคนที่นั่งอ้าปากหวอ หลุดมาดสตรีผู้ที่มักจะคงกริยางดงามไว้อยู่เสมอด้วยความแปลกใจ นางมั่นใจว่าองค์หญิงจะต้องไปเอาเรื่องไท่จื่อและ ‘สตรีนางนั้น’ ทันทีที่ฟื้น แต่นางกลับเพียงนั่งนิ่งๆพลางขยี้หัวตัวเองไปมาเป็นบางครั้งบางคราว
“เธอ.. เอ้ยไม่สิ เจ้า.. เจ้าพูดว่าไท่จื่อลู่จิ่งเหองั้นหรือ บุรุษที่ผมยาวดำขลับราวกับรัตติกาล ดวงตาขมเข้มแค่เพียงมองก็บาดใจผู้นั้นใช่หรือไม่”
ดวงตากลมเหลือกโตถามกลับไปทันทีเมื่อได้ยินชื่อที่คุ้นหูชอบกล
“อะ เอ่อ ใช่เพคะ ไท่จื่อลู่จิ่งเหอพระคู่หมั้นของพระองค์”
“!” คนได้ฟังคำตอบยิ่งตาเหลือกจนถลน นางกำลังอยู่ในนิยายอิโรติกเรื่องนั้นหรือ! นางมั่นใจว่านั่นเป็นชื่อพระเอกแน่ๆ
การเข้ามาในนิยายนั้นหรือไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว สตรีตรงหน้านางเป็นคำตอบได้อย่างดี ปากที่พูดออกมาเป็นภาษาจีนแต่นางกลับฟังรู้เรื่องทุกประโยค ทั้งยังชุดแปลกๆราวกับอยู่ในฉากหนังจีนที่นางเคยดู
"จะ เจ้า ชื่ออะไรหรือ"
"..เสี่ยวตั๋นเพคะ" คนถูกถามเว้นช่วงตอบ สีหน้าเริ่มจะกลายเป็นร้องไห้ก่อนจะตอบกลับนาง องค์หญิงของนางสติเลอะเลือนไปแล้วจริงหรือ
"เจ้าบอกว่า.. ข้าหมั้นหมายกับไท่จื่องั้นหรือ"
"เป็นเช่นนั้นเพคะ"
"หากอย่างนั้น แปลว่าข้าชื่อฟางเหนียงรึเปล่า" คิ้วเรียวขมวดแน่นดูน่ากลัว หากเป็นไปตามนิยายหรือเกมส์นางร้ายที่หมั้นหมายกับไท่จื่อต้องชื่อฟางเหนียงเป็นแน่ แต่เหมือนนางจะได้ยินเขาทั้งสองคนเรียกนางว่า องค์หญิงป๋าย..
เสี่ยวตั๋นและอู่ชุนหันกลับมามองหน้ากัน สีหน้าของทั้งสองกำลังเคร่งเครียดและเศร้าหมองอยู่ในที ก่อนจะพินหน้ากลับมาพร้อมน้ำตาคลอ
"องค์หญิงทรงลืมทุกอย่างจนสิ้นแล้วหรือเพคะ.. แม่นางที่ท่านถามถึง ตัวเสี่ยวตั๋นนั้นไม่รู้จักหรือคุ้นชื่อเลยเพคะ"
"กระหม่อมก็เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ เป็นหนึ่งในสตรีที่เข้ามารุ่มร่ามไท่จื่อของท่านงั้นหรือ หะ ให้กระหม่อมนำตัวพวกนางมาอีกดีหรือไม่!"
ชายร่างท้วมกล่าวขึ้น ใบหน้ากลมกับปากจิ้มลิ้มของเจ้าตัวทำให้นางนึกถึงไอต้าวหมาสีขาวอ้วนปุยข้างใต้คอนโด
"ไม่ต้องๆ! ไม่รู้จักก็ช่างเถิด ไม่ต้องพาใครมาให้ข้าทั้งนั้น!"
มือบางโบกไปมา ป๋ายอวี้ชิงมีสีหน้าอ่อนลงจนพวกเขาทั้งคู่สังเกตได้ ผิดจากองค์หญิงคนเดิมที่มักจะมองพวกเขาด้วยสีหน้ารำคาญอยู่เสมอ
"สรุปแล้วข้าชื่ออะไรหรือ.." นางกลั้นใจหันไปถามอีกครั้ง ดูเหมือนว่าทั้งสองคนนี้จะเป็นห่วงตัวของนางอย่างมาก หากนางยังปะติดปะต่อเรื่องไม่ได้คงร้องห่มร้องไห้กันสักยกเป็นแน่
"องค์หญิงป๋าย ป๋ายอวี้ชิงเพคะ" เสี่ยวตั๋นเป็นคนตอบ น้ำตาเริ่มคลอที่ดวงตาของตาอีกรอบ ป๋ายอวี้ชิงรีบยกเสื้อขึ้นมาซับให้ โอ้ย! นางไม่ชอบเห็นใครร้องไห้ต่อหน้านางนะ
"เจ้าไม่ต้องร้องแล้ว! ฮึบ! ข้าขอสั่งเจ้าห้ามร้อง เอาเป็นว่าข้าชื่อป๋ายอวี้ชิง.."
เสี่ยวตั๋นและอู่ชุนพยักหน้ารับ หากนางเข้ามาอยู่ในเกมส์จริงๆล่ะก็นั่นแปลว่า..
"ในนี้มีคนชื่อจางเฉิงอี้หรือไม่.. ท่านพี่เฉิงอี้หน่ะ"
เสี่ยวตั๋นแอบแปลกใจเล็กน้อย ที่นางกำลังถามถึงคนที่นางเกลียดขี้หน้าที่สุดและบอกกับพวกเขาอยู่เสมอว่าชายผู้นี้นั้นน่ารังเกียจ แต่ในตอนนี้องค์หญิงของนางกับมีท่าทีไม่ต่างจากตอนถามถึงไท่จื่อลู่จิ่งเหอ อีกทั้งยังเรียกเขาคนนั้นว่า ท่านพี่..?
"หากท่านหมายถึงท่านจางเฉิงอี้ ท่านประมุขกำลังกลับมาในเร็ววันนี้เพคะ"
"จริงหรือ!" เสี่ยวตั๋นสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงหวานร้องตกใจ "นี่ข้ากำลังฝันอยู่หรือไม่.."
เพี๊ยะ นางยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองอย่างแรง
"โอ๊ย เจ็บจริงนี่นา"
นางกุมใบหน้าของตัวเองเอาไว้แน่น ใบหน้างดงามเหยเกริมฝีปากเบ้ลงด้วยความเจ็บ นางไม่ได้ฝันจริงๆนางทะลุมิติเข้ามาในเกมส์จีบหนุ่มหรือที่สร้างมาจากนิยายรักอิโรติกเรื่องนั้นจริงๆ! ดวงตาเบิกกว้างหัวใจสั่นระริก นางสามารถเห็นสุดที่รักนางแบบสามดี! แบบที่จับต้องได้! พูดคุยด้วยได้!
"องค์หญิงเพคะ!! ตบหน้าตัวเองเช่นนั้นได้อย่างไร!!"
เสี่ยวตั๋นร้องเสียงหลงตรงเข้ามาดูบริเวณแก้มขาวของนาง ป๋ายอวี้ชิงพยายามตั้งสติเรื่องตัวละครหลักนั้นก็ส่วนหนึ่ง แต่ปัญหาคือนางเข้ามาในร่างของผู้ใด
พวกนางเรียกชื่อของนางในโลกเดิม.. แต่ในความทรงจำของนางไม่มีตัวละครใดที่ชื่อเดียวกันกับนางนี่
“ข้าควรไปแจ้งเทียนจวิน และท่านหมอว่าองค์หญิงป๋ายได้สติแล้ว” อู่ชุนมองเจ้านายของตนด้วยความเป็นห่วงก่อนจะหันมาเอ่ยอย่างร้อนรนกับเสี่ยวตั๋น
“ถูกของเจ้าเช่นนั้นก็รีบไปเถิด ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนองค์หญิงที่นี่"
เสี่ยวตั๋นพยักหน้าเห็นด้วย อู่ชุนผงกหัวลงเล็กน้อย ร่างอวบอ้วนลุกขึ้นยืนก่อนหันไปทำความเคารพองค์หญิงแล้วรีบวิ่งออกไปจากประตูเรือน เหลือเพียงเสี่ยวตั๋นที่นั่งเฝ้าองค์หญิงบ่นพึมพำกับตัวเองในลำคอไปมาด้วยความเป็นห่วง
ผ่านไปถึงหนึ่งชั่วยาม กว่าหมอหลวงประจำวังบรูพาได้มาถึง ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสวมแว่นตากรอบสีเหลืองทอง ภายใต้กรอบแว่นปรากฏแววตาเรียบเฉยมองไปยังบานประตูเรือนที่แกะสลักฝังหยกไว้อย่างงามวิจริต ‘หย่งเล่อ’ มีสีหน้าเบื่อหน่าย เขารู้สึกสะอิดสะเอียนต่อสตรีผู้นี้เสียยิ่งกว่าอะไร คนอะไรช่างหน้าไม่อายเสียจริง เรื่องร้ายๆบนสวรรค์ที่เกิดขึ้นต้องยกรางวัลให้นางงูพิษผู้นี้
ล่าสุดนั้นได้ข่าวว่านางไปทำเรื่องงามหน้าต่อศิษย์ระดับล่างของสำหนักสวรรค์อีกแล้ว ทั้งที่ตัวนางเป็นถึงซ่างเซียนวรยุทธ์สูงส่งแต่อีกสตรีผู้หนึ่งเป็นเพียงเสินหนวี่เท่านั้น เทียบการบำเพ็ญก็ห่างกันราวกับฟ้ากับเหว นางยังไร้ยางอายทำร้ายสตรีผู้นั้นจนบาดเจ็บ
‘ดียิ่ง ที่ไท่จื่อทรงลงโทษด้วยตนเอง’
น่าเสียดายที่ไท่จื่อลู่จิ่งเหอทำเพียงชักกระบี่เรียกสายฟ้าสวรรค์เข้าฟาดซัดใส่ตัวนาง เหอะยังเบาไป!
“ท่านหมอรีบเข้าไปเถิด องค์หญิงของข้ากำลังแย่”
อู่ชุ่นกล่าวเสียงร้อนรน ไขมันใต้คางกระเพื่อมทุกครั้งที่ขยับตัว หยงเล่อดันแว่นขึ้นเล็กน้อยละสายตาจากสิ่งที่กำลังกระเพื่อมอย่างน่าเกลียดก่อนจะกล่าวเสียงเข้ม
“หญิงชั่วช้าเช่นนางไม่ตายง่ายหรอก”
ถึงอู่ชุนจะเจ็บใจแต่ทำได้เพียงเก็บงำเอาไว้เท่านั้น หากเขาแสดงความไม่พอใจออกไปตอนนี้ท่านหมอคงไม่ยอมรักษาองค์หญิงของเขาเป็นแน่
“เหอะ”
หยงเล่อเค้นเสียงต่ำในลำคอ มือขาวผ่องพลักบานประตูเข้าไป แต่สิ่งที่เขาเห็นตรงหน้ามันกลับทำให้เขาต้องอึ้งค้างอยู่แบบนั้นพร้อมกับอุณภูมิในร่างกายที่สูงขึ้น