7-1 *******ปมด้อยของชีวิต

1156 Words
7 *******ปมด้อยของชีวิต เป็นโชคช่วยของเทพอู่เฉินเมื่อบนเทวโลกได้ให้สัญญาณว่าสามารถที่จะกลับไปได้ ขัดจังหวะท่านและภริยาพอดี เป็นท่านเสียเองไม่ยอมที่จะขึ้นไป ด้วยความเป็นกังวลใจ เมื่อภริยายังอยู่ในสภาพเมามาย ควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดีนัก พลังของนางยังกล้าแกร่ง อาจเป็นภัยต่อผู้อื่นในภายหลัง “เกิดใครมาพบเจ้าในสภาพนี้เข้า จะต้องไม่ชอบใจข้าแน่นอน” “ทำไมเล่า?” “ข้อแรก ข้าฟื้นคืนชีพเจ้าโดยไม่ปรึกษาผู้ใด ผิดธรรมเนียมของเทพในเทวโลก จะต้องหารือกับเหล่าผู้อาวุโสบนเทวโลกชั้นฟ้าเสียก่อนว่าได้หรือไม่ได้ อีกข้อหนึ่งนั้นเจ้ายังอยู่ในสภาวะไม่มั่นคงทางอารมณ์...” เทพอู่เฉินอธิบาย พอนางทำตาขวางใส่ท่าน น้ำเสียงเข้มเครียดจริงจังกลับอ่อนลง “ข้อสุดท้ายของข้า เป็นสามีผู้ปรารถนาจะอยู่กับภริยาตามลำพัง ในสถานที่สวยงามแห่งนี้ เจ้าลองตรึกตรองดู หากขึ้นไปจะต้องมีผู้คนมากมายเข้ามาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ เข้ามาวุ่นวายกับข้าและเจ้าอย่างแน่นอน” เทพปีศาจผู้แข็งกระด้างและเย็นชา เรียนรู้หลายสิ่งมาจากนาง แม้กระทั่งการลอกเลียนคำพูดทั้งประโยคเลยทีเดียว อาเป้ยรู้อยู่เต็มอก แต่นางก็อดใจอ่อนยอมตามไม่ได้ “สามีข้า... ข้าเองก็ปรารถนาที่จะอยู่เคียงข้างท่านทุกชั่วยาม ให้เราทั้งสองได้เป็นส่วนตัว ในสถานที่อันสวยงาม” “งานตบแต่งของเราสอง เมื่อใดก็ได้ เราควรได้ท่องเที่ยวกันเสียก่อน” “ข้าเห็นด้วยกับท่าน” นอกเสียจากนางยังไม่พร้อม ก็คงจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ ๆ ไหนจะความผิดของเทพอู่เฉินครานี้ ผิดไม่ผิดยังตัดสินไม่ได้ เพราะหากเป็นจริงตามคำทำนายของแม่เฒ่าว่านางมาเพื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อาเป้ยคงสำคัญนักต่อเทวโลก ซึ่งกำลังบาดหมางวุ่นวาย “ข้าจะใช้แหล่งน้ำนี้ส่งสารไปบอกใต้เท้าจีกง... อ้างเรื่องท่านแม่ก็แล้วกัน...” ภริยายิ้มกว้างหวานว่าอย่างไม่ขัดใจสามี “ข้าเห็นด้วยกับท่าน” “อาเป้ย!ข้าเจอเจ้าเมื่อไร จะฆ่าเจ้าเสีย...” รังสีอำมหิตแผ่กระจายอยู่รอบกายสตรีใบหน้างดงามอ่อนหวาน นางเฟยอี๋ถูกลูกสะใภ้ตบกระเด็นมาสุดนทีอันธการ นางก็คงต้องครุ่นคิดเรื่องการแก้แค้นว่าเป็นไปได้ยาก “หยกพันปีร้ายกาจนัก แล้วนางว่าข้างาม... ฮ่า ๆ” จากนั้นนางก็หัวเราะร่า กลายร่างเป็นครึ่งอสรพิษครึ่งสตรี มีหางคล้ายกับมัจฉาขยับไปตามพื้นพสุธาสีดำ ทุกหย่อมหญ้ามอดไหม้ด้วยเพลิงกัลป์ “เกล็ดสีนิลของข้า... งดงามยิ่งนัก” เมื่อนางเริ่มพร่ำเพ้อพรรณนาในร่างอัปลักษณ์ของนาง เกล็ดสีนิลปรากฏขึ้นบนผิวกายไม่เว้นแม้กระทั่งใบหน้า นัยน์ตาเป็นสีแดงฉาน นางเสกกระจกขึ้นมา ฉีกยิ้มกว้างจนเห็นไรฟันขาวครบทุกซี่ เขี้ยวปีศาจตรงมุมปากแหลมคมราวเขี้ยวของปลาฉลาม “ข้างามหรือไม่? สามีข้า...” จ้าวปีศาจอสรพิษอย่างไรก็ดูเหมือนปีศาจเสียสติ บางวันก็ดี บางวันก็บ้าคลั่ง นางส่องกระจกหยินหยางพลางหัวเราะร่าเริง ข้ามภพภูมิไปตามหาบุตรชายกับลูกสะใภ้ในกายาอสรพิษยิ่งใหญ่ โฉบบินผ่านท้องนภาด้วยความว่องไวเกินตาเห็น ไม่วายลงมือสังหารปีศาจอสูรด้วยเพลิงกัลป์จากตรีเนตรไประหว่างทางเมื่อนางพบหน้าพวกมัน ด้วยความรู้สึกขวางหูขวางตา ปีศาจอสูรรับรู้ได้ถึงการมาเยือนของจ้าวปีศาจ ไอหยินแผ่กระจายไปทั่วทั้งภพภูมิไม่เว้นแม้กระทั่งท้องนภาที่กลายเป็นสีดำ เป็นสีแดงฉานใต้จันทร์รุธิระเมื่อนางเบิกตรีเนตรครั้งหนึ่ง ต่างพากันหนีฉุกละหุก เสียงตะโกนดังก้อง ‘นางเฟยอี๋!’ สถานที่ทุกแห่งหนพลันเงียบเชียบไร้สิ่งมีชีวิต ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่านางอยู่ในอารมณ์ไหน อยู่ในอารมณ์สุนทรีย์ พูดจารู้เรื่องเป็นอย่างดี หรืออยู่ในร่างของสตรี สามารถพูดคุยกับนางได้พอประมาณเข้าใจกัน นางยังเป็นปีศาจช่างอยากรู้อยากเห็น โปรดปรานการสังหารยิ่งนัก หากไม่เข่นฆ่าปีศาจอสูรที่มาอยู่ในสายตาของนาง ก็จับพวกมันมาทรมาน ถอดแขนถอดขา เผาผลาญด้วยเพลิงกัลป์และพิษร้ายของนาง ควักอวัยวะภายในออกมาพิจารณาดูเสียก่อนว่ามีส่วนประกอบอย่างไร ค่อยกลืนกินพวกมัน ท่ามกลางกามาภูมิ เหนือท้องนทีกว้างขวางสุดตา นางเฟยอี๋ตามหาทั้งสองไม่พบ สัมผัสรับรู้ว่าโซ่แห่งหยางนั้นมีพลังเบาบางลง จึงอาศัยช่องเล็ก ๆ จำแลงกายเป็นอสรพิษเลื้อยผ่านขึ้นไป นางถือโอกาสไปถึงเทวโลกชั้นฟ้า ก่อกวนเทพชั้นผู้น้อยซึ่งถือกำเนิดขึ้นใหม่ในเรือนเทพมังกร ค่อยลงไปยังชั้นน้ำเพื่อทักทายสามีเก่าของนาง เทพฮ่าวหรานนั่งจิบชิมชาจากเทวโลกชั้นน้ำ ของฝากจากเทพเจ้าแห่งสายน้ำไม่ทันไร ได้รับการทักทายจากนางเฟยอี๋ ในร่างครึ่งสตรีครึ่งอสรพิษ สวมอาภรณ์เพียงท่อนบน ปกปิดเพียงหน้าอกของนาง “ข้างามหรือไม่? สามีข้า...” “เจ้าแสนจะอัปลักษณ์ เฟยอี๋... ข้าไม่ต้องการพบหน้าเจ้าอีก ไม่มีเรื่องอะไรระหว่างเราสอง เป็นเพียงการล่อลวงของปีศาจ เจ้ากลับไปเสีย...” เรื่องของสามีภริยาจบสิ้นลงไปเนิ่นนานนับหลายพันปี จะมีก็แค่นางเฟยอี๋คอยตามระรานเทพมังกรไม่เลิกรา นางขยับหางอสรพิษเลื้อยมาตามพื้นหญ้าสีเขียวขจี มันก็กลับกลายเป็นสีดำสนิท นางหัวเราะร่าเมื่อถูกเทพมังกรขับไล่ นางไม่ยอมไป เค้นน้ำเสียงเคียดแค้นสาหัสสากรรจ์ออกมาจากลำคอ “แปลว่านาง... โกหกข้ารึ?” “เจ้าพูดเรื่องอะไร?” “อาเป้ย... นางบอกกับข้าว่า เกล็ดสีนิลเหล่านี้แสนงดงามนัก นางโกหกข้างั้นรึ?” “นั่นเป็นความคิดของนาง ไม่ใช่ความคิดของข้า นางจะว่างดงาม มันก็เรื่องของนาง เจ้ารีบไปเสีย ไปให้พ้นหน้าข้า ไม่ว่าเจ้าจะงามหรืออัปลักษณ์เยี่ยงไร เจ้ายังคงน่าขยะแขยงสำหรับข้า มันจะเป็นเช่นนี้ไปตลอดกาล” เทพฮ่าวหรานยืนกรานเฉกเช่นทุกคราที่พบนางเฟยอี๋ ท่านจะพูดประโยคเดิม สบแววตาเอ่อคลอของนางที่ปรากฏอารมณ์มากมายขึ้นมา อย่างไม่สมเป็นนางผู้โหดเหี้ยมเลย ก่อนทุกแห่งหนจะปะทุด้วยเปลวเพลิงอันไร้ที่สิ้นสุด ดังเช่นความสัมพันธ์ของเทพฮ่าวหรานและปีศาจอสรพิษ “นางเฟยอี๋มาก่อกวนเทวโลก! รีบจับตัวนางเสีย นี่เป็นบัญชาสวรรค์!” “เจ้าปีศาจชั่วช้าสามานย์!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD