อุบัติเหตุ
ปรี้น... เสียงแตรกดดังลั่น
“ระวัง” คนขับรถคันใหญ่ตะโกนขึ้นมาเองอย่างตกใจ
เอี๊ยด... เสียงเบรกที่ลากเป็นทางยาว ก่อนจะได้ยินอีกเสียงตามมา
โครม... จักรยานสีชมพูคันงามของมณีรินล้มคะมำไม่เป็นท่าอยู่บนพื้น พร้อมกับเจ้าตัวที่ล้มลงไปนอนคลุกฝุ่นข้างถนนเด็กสาวใช้สองมือปัดตามเนื้อตัว
พสุรีบลงมาจากรถยนต์คันโตที่เขาขับ ตอนนี้หักหัวรถให้พ้นเกือบหล่นลงไปในคูข้าง ๆ
“เป็นยังไงบ้าง” เขารีบใช้ฝ่ามือจับข้อแขนเธอขึ้น แล้วฉุดตัวเธอให้ลุกขึ้นนั่ง
“เจ็บตรงไหนไหม” เขาถามออกมาด้วยความเป็นห่วง เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา สบสายตาที่มองมาด้วยความเป็นห่วง
พสุใช้สายตาของตัวเองเพ่งพิศมองไปทั้งตัวของเด็กสาวมองหาบาดแผล แต่สิ่งที่เขาเห็นตอนนี้ทำให้เขาแทบตะลึง เด็กสาวที่ผิวขาวเนียนนุ่มสะอาดตา กับเสื้อผ้าที่เธอใส่แทบปิดอะไรไม่มิด หน้าอกหน้าใจที่โตกว่าเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน ใต้เสื้อสายเดี่ยว และกางเกงยีนสั้นจุ๊ดจู๋แทบปิดอะไรไม่มิดนั้นดวงหน้าไม่แต่งสีสัน แต่ใส่ขนตาปลอมงอนยาว และทาปากแดง
“ลูกเต้าเหล่าใครทำไมแต่งตัวแบบนี้” เขาว่าเธอขึ้นมาทันที เมื่อเห็นรอยถลอกที่หัวเข่าและหน้าแข้งของเธอแค่เพียงนิดเดียว และถ้าจะให้คาดเดาเด็กสาวคนนี้คงไม่เกินสิบหกสิบเจ็ดปี ด้วยความที่ขาวมาก ๆ จนทำให้เขาคิดว่าเธอดูเด็ก ๆ
“แล้วขี่รถจักรยานยังไง ถึงได้ขี่ส่ายไปส่ายมาแบบนี้ ดีนะ ที่ไม่เป็นอะไรมาก” เขาว่าให้เธออีกแววตาของเขามีแววตำหนิ
“เอ๊ะ น้าคนนี้จะขับรถชนคนเขาอยู่แล้ว แทนที่จะขอโทษ ยังจะมาว่าเขาอีก เป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ย” เธอโต้ตอบเขาไปทันควัน ตอนนี้ชักอารมณ์ไม่ดี และตัวเธอก็ยังตกใจไม่หาย ก้มมองเนื้อตัวที่เปื้อนฝุ่นและเศษดินเศษหญ้า
“ถนนมันเป็นหลุมไม่เห็นหรือไง จะให้ขับลงไปในหลุมเหรอ เห็นหลุมใครก็ต้องขี่หลบ ๆ อยู่แล้ว เหอะ...” เธอรีบลุกขึ้น ปัดเอาเศษดินและเศษหินที่อยู่บนเนื้อตัว
“จะช่วยยกรถไหมละน้า มายืนอึ้งอยู่ได้ ยิ่งรีบ ๆ อยู่ หนูจะไม่เอาเรื่องนะ แต่วันหลังไม่ได้เกี่ยวข้องกันอย่ามาเที่ยววิจารณ์คนอื่นเขา” เธอมองหน้าเขาทำถลึงตาเข้าใส่
พสุถึงกับอึ้งไปกับกิริยาที่ไม่น่ารักและคำพูดที่เหมือนไม่ได้รับการอบรมมาดีนัก แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโกรธหรือว่าอย่างไร
“ฮึ...” เธอกระชากรถออกมาจากมือเขา ก่อนจะเข็นมันไปจากตรงนั้น แล้วพยายามพาตัวเองขึ้นไปคร่อมจักรยานแล้วขี่ออกไป
พสุมองตามหลังเธอไป ก่อนจะขับรถตามไปห่าง ๆ เห็นเด็กสาวจอดรถจักรยานอยู่ที่หน้าร้านคาราโอเกะชื่อว่า “ไผ่เงิน”
“อ้อ... อยู่ที่นี่หรือเด็กคนนี้ ทำงานที่นี่ หรือว่าเธอจะเป็นเด็กนั่งดริงก์” เขาคิดก่อนจะจอดรถอยู่ที่หน้าร้านอาหารกึ่งคาราโอเกะ
ตอนนี้เป็นเวลาประมาณหกโมงเย็นกว่า เขาขยับขาก้าวเดินไปข้างใน
“อุ้ยตาย มาแต่หัววันเลยพ่อหนุ่ม ร้านยังไม่เปิดเลยค่ะ จะมาร้องเพลงหรือจะมากินข้าว” เสียงตันหยงเอ่ยทัก ก่อนจะเดินเข้ามาหาเขาทำสายตากรุ้มกริ่มมองชายหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้า
ตอนที่พสุมารับตำแหน่งใหม่ ๆ ที่นี่
“คุณพสุครับ ส่วนใหญ่เราก็จะมีปัญหากับพวกที่ทำงานคาราโอเกะนะครับ ทางสารวัตรอินทรีย์ก็ประสานมาเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกันว่า อยากให้ทางเราเข้าไปพบปะพูดคุยเรื่องการเสนออาชีพส่งเสริมให้พวกสาว ๆ นั่งดริงก์เปลี่ยนอาชีพ ตอนนี้ในอำเภอเราก็เหลืออยู่สองสามร้านนะครับ ที่ดัง ๆ คนเยอะ ๆ ก็ร้านไผ่เงิน ร้านกิ่งแก้ว และก็ร้านลำภู แต่ก็อย่างว่าแหละครับ พูดยากผู้หญิงเหล่านี้รักความสบาย คงกลับใจยาก” เสียงคุณสัญญารายงานในฐานะที่เขาเป็นผู้บังคับบัญชาคนใหม่ แล้วพสุก็ถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
“ร้านพวกนี้ส่วนใหญ่อยู่แถวไหนครับ”
“แถวหลัง บขส. ค่ะ เรียงกันเป็นตับเชียวครับ”
“อือ ไว้ผมจะไปดู ว่าแต่เรื่องโครงการจ้างครูไปสอนให้กับเด็กในชุมชนโคกคูณ ไปถึงไหนแล้วครับ”
“อุ้ย ผมลืมไปเลยครับ พรุ่งนี้ได้ไหมครับ วันนี้ก็ใกล้เลิกงานแล้ว ผมปิดคอมฯ ไปแล้วนะครับ”
“ได้ครับ”
พสุก้มไปมองหน้าตันหยงที่ทาปากแดงแจ๋ นางแต่งกายก็ไม่เข้ากับวัยที่ล่วงเลยเอาเสียเลย ตันหยงจับแขนเขาเอาไว้แน่น และพาเขาไปนั่งตรงโต๊ะที่อยู่มุมหนึ่งของร้าน
“เมื่อกี้ผมเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในร้าน ผมยาว ๆ เห็นทำสีผมออกทอง ๆ ใส่เสื้อสีเขียวขี้ม้ากางเกงยีนนะครับ”
“อ๋อ... ยายวาวหรือคะ ถามหาแกทำไม คุณมีอะไรกับเด็กวาวหรือคะ” ตันหยงถามออกมาอย่างสงสัย มองหน้าพสุแบบจับผิด
“เออ...ไม่มีครับ ไม่มีจริง ๆ ว่าแต่ตอนนี้ผมจะสั่งอาหารได้ไหมครับ”
“เอาสิคะ น้องแมมาเอาใจคุณเขาหน่อยสิ บริการพิเศษหน่อยนะ เอาฤกษ์เอาชัย มาประเดิมร้านให้แต่หัววันเชียว” ตันหยงหันไปสั่งหญิงสาวที่เดินเข้ามาใหม่ ท่าทางนวยนาด แมเดินส่งยิ้มหวานมาให้เขา
พสุหายใจเข้าลึก ๆ เขาต้องลงมาลุยเรื่องนี้เอง เพราะคำสั่งจากหน่วยเหนือว่าอยากให้ผู้หญิงกับร้านคาราโอเกะหมดไปในพื้นที่แห่งนี้