ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร
“น้ำตาล พิยดา” ก็นั่งอยู่ในห้องฝากไข่ด้วยสีหน้าเบื่อหน่ายและเซ็งๆสุดๆ เพราะตอนมาฝากไข่เธอก็มาฝากพร้อมกับเพื่อนๆในกลุ่มอีกสองคนแต่พอจะใช้ไข่ดันเป็นเพื่อนของเธอได้ใช้ก่อนซะนี่ ส่วนเธอน่ะเหรอก็ยังคงอยู่บนคานทองไม่มีใครมาสอยลงไปสักที จนตอนนี้ไข่ที่เธอเอาออกมาเก็บไว้ตั้งแต่อายุยี่สิบหกปีก็ยังคงถูกดองเอาไว้ไม่ได้ใช้สักที
“แกทำหน้าเศร้าทำไมเนี่ยยัยน้ำตาล แกต้องดีใจสิที่ฉันน่ะกำลังจะวางแผนมีลูกแล้วน่ะ ช่วยตื่นเต้นไปกับฉันหน่อยได้ไหมยะ” บิวตี้สาวบล็อคเกอร์สายท่องเที่ยวเอ่ยถามเพื่อนสาวออกไปด้วยสีหน้าสงสัยที่มันมานั่งทำหน้าเศร้าทั้งๆที่เธอนั้นกำลังทำท่าทางตื่นเต้นอยู่
“ก็ดีใจกับเจ้นั่นแหละ แต่ก็เศร้าใจที่ตัวเองยังไม่มีโอกาสได้ใช้ไข่เลยอ่ะ อุตส่าห์ฝากเอาไว้ตั้งนานอายุยี่สิบหกจนต้อนนี้สามสิบสองแล้วยังไม่ได้ใช้เลย มันอาถรรพ์อะไรหรือเปล่าเนี่ยเจ้ ถ้าตอนนั้นตาลไม่ฝากไข่ไว้ตาลอาจจะมีผัวตอนนี้แล้วก็ได้นะ” พิยดาพูดออกไปด้วยสีหน้ามีจริตอย่างน่าหมั่นไส้จนบิวตี้มองแล้วถึงกับส่ายหน้าทันที และที่เธอเรียกบิวตี้ว่าเจ้ก็เพราะบิวตี้นั้นเป็นเจ้ใหญ่สายเปย์ของกลุ่มนั่นเอง
“ก็ถ้าแกไม่เลือกมากนะแกก็มีผัวไปตั้งนานแล้วไหมล่ะ จะเดินสายฝงสายฝออะไรของแก มาเดินสายหนุ่มไทยกับฉันดีกว่ามา เดี๋ยวฉันแนะนำเพื่อนๆของพี่พีทเขาให้ ที่โสดๆหล่อๆมีเพียบเลยนะยะ” บิวตี้พูดไปก็จะแนะนำเพื่อนๆของสามีของตัวเองให้กับเพื่อนสาวไป
“ไม่เอาอ่ะเจ้ ไม่ชอบของเล็กๆชอบของใหญ่ๆอ่ะ อยากเอาแบบที่มีลูกด้วยแล้วออกมาสวยออกมาหล่อแบบไม่ต้องพึ่งหน้าตาของเราเลยอ่ะ” พิยดาพูดออกไปแบบขำๆเพราะมันก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เธอชอบสายฝอเลย
“เออๆ งั้นแกก็หาพ่อพันธ์ให้ได้ก่อนก็แล้วกัน อยากมีผัวฝรั่งแต่เวลามีคนเขาเข้ามาจีบแกก็เผ่นหนีตูดแลบแล้ว เก่งแต่ปากอย่างแกน่ะชาตินี้ไม่มีผัวง่ายๆหรอกยัยน้ำตาล”บิวตี้พูดออกไปแบบอดไม่ได้ เพราะเวลาฝรั่งจะเอาจริงๆเธอก็เห็นมันหนีมาหลายคนแล้ว
“เจ้อย่ามาดูถูกกันนะ เดี๋ยววันไหนหนูมีผัวขึ้นมาล่ะก็ เจ้ไม่ได้เห็นหน้าสวยๆของหนูตามไปถ่ายรูปสวยๆให้เจ้หรอกชิ” พิยดาพูดออกไปแล้วยิ้มกวนๆใส่ เพราะแก้งค์เธอมีแฟนกันทีไรหายหัวไปกันทุกที มีแต่เธอนี่แหละที่ไม่มีโอกาศได้หายหัวไปกับเขาเลย
“มีก่อนเถอะย่ะแล้วค่อยมาคุยน่ะ ฉันนี่ตั้งตารอดูหน้าผัวแกในอนาคตเลยยัยน้ำตาล เออจริงสิ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าฉันต้องออกไปปาร์ตี้กับพี่พีทแล้วก็พวกเพื่อนๆนักธุรกิจของเขา แกตามไปถ่ายรูปให้ฉันด้วยล่ะยัยน้ำตาล เผื่อแกจะได้เจอใครถูกใจบ้าง” บิวตี้พูดออกไปเพราะปกติเวลาเธอออกงาน เธอก็จะจ้างพิยดานั้นไปถ่ายรูปให้ตลอด และงานนี้ก็มีทั้งนักธุรกิจไทยและต่างชาติ เธอจึงอยากให้พิยดาไปด้วย
“เจ้นี่ก็ส่งเสริมให้น้องนุ่งหาสามีในอนาคตดีจริงๆเลยนะคะ” พิยดาพูดอกไปแบบแซวๆบิวตี้เพราะไปกี่งานบิวตี้ก็เป็นแม่สื่อให้เธอตลอด
“นี่ขนาดฉันช่วยแกหานะยัยน้ำตาลแกยังไม่ได้เลยสักคน อายุแกน่ะมันไม่ใช่สาวๆแบบเมื่อก่อนแล้วนะยะ ตอนนี้สามสิบสองแล้วถ้าไม่รีบหาตอนนี้แล้วแกจะไปหาตอนไหนหึ ยัยก้อยน่ะมันแรดอยู่แล้วผู้ชายมันก็ไม่เคยขาด นังเจามันก็เหมือนกันซื้อผู้ชายกินไม่มีหยุด ทั้งกลุ่มมีแกนี่แหละที่น่าห่วงน่ะ” บิวตี้พูดบ่นออกไปอย่างอดไม่ได้ เพราะเธอก็รักก็ห่วงพิยดาเหมือนน้องสาวของเธอคนหนึ่ง
“ค่ะเจ้…ตาลก็พยายามหาแล้วนี่ไงแต่มันยังไม่เจอคนที่ใช่อ่ะ เจ้ก็ใจเย็นๆสิคะเดี๋ยวยังไงตาลจะหาน้องเขยหล่อๆแซ่บๆมาให้เจ้ได้ยลโฉมแน่นอนนค่ะ” พิยดาพูดบอกไปก็จับแขนของบิวตี้แล้วเอ่ยพูดออกไปแบบน่ารัก
“ย่ะให้มันจริงเถอะ ถ้าแกหาไม่ได้แม่แกจับแกแต่งกับงานกับใครก็ไม่รู้แน่ๆยัยน้ำตาล แกระวังไว้เถอะย่ะ” บิวตี้พูดบอกไป เพราะเธอน่ะเบาๆแต่แม่ของน้ำตาลนี่สิกลัวลูกสาวจะขึ้นคานจึงคอยหาหนุ่มๆมาดูตัวกับน้ำตาลเป็นประจำ จนตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว
“ผลออกมาแล้วนะคะคุณบิวตี้ เดี๋ยวหมอขออธิบายก่อนนะคะ” หมอสาวเดินเข้ามาในห้องหลังจากที่ไปเอาผลตรวจมาก็เอ่ยพูดบอกไป ทำให้บทสนทนาของบิวตี้และพิยดานั้นเป็นต้องจบไป
จากนั้นพิยดาก็รอบิวตี้ปรึกษาหมอเรื่องจะแพลนจะทำลูกต่อไป เพราะตอนนี้บิวตี้สามสิบสามแล้วจึงจำเป็นต้องใช้ไข่ที่เก็บเอาไว้ตอนที่ยังสาวๆ คิดไปแล้วก็ถือว่าเป็นโชคดีของพวกเธอที่ตอนนั้นตัดสินใจทำอะไรบ้าบิ่นๆแบบนั้นลงไป เพราะตอนนี้มันกลับเป็นเรื่องดีสำหรับสาววัยสามสิบกว่าๆอย่างพวกเธอ
“น้ำตาลเดี๋ยวแกรอรับยาให้ฉันหน่อยนะ เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำแปปนึง ปวดฉี่อ่ะ” บิวตี้พูดบอกไปก็ลุกเดินออกไปทางห้องน้ำทันที
พิยดาก็พยักหน้าตอบไปและก็รอบรับยาบำรุงแทนบิวตี้ไป จนกระทั่งพนักงานที่ห้องจ่ายยาเรียกชื่อของบิวตี้เธอก็ลุกไปรับยาแทนทันที พอเสร็จก็หันตัวมาแล้วก็เจอกับยุรฉัตรเพื่อนคู่กัดของเธอมาตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงตอนนี้ เธอก็มองแล้วถอนหายใจออกมาทันทีเพราะขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับยุรฉัตร
“น้ำตาล…แปลกใจจังที่เจอเธอที่นี่ นี่อย่าบอกนะว่าเธอกำลังจะมีข่าวดีน่ะ เธอมีน้องหรือว่ากำลังจะเตรียมตัวมีลูกล่ะ” ยุรฉัตรเอ่ยพูดออกไปด้วยสีหน้าตกใจเมื่อเห็นที่นี่ เพราะคนส่วนใหญ่ที่มาถ้าไม่มาปรึกษาหมอเรื่องมีลูกก็คงจะมาฝากครรภ์ แต่อย่างพิยดาจะแบบไหนกันนะ
“เปล่า…ฉันมารับยาแทนเจ้บิวตี้เขาน่ะ พอดีเจ้บิวตี้เขากำลังจะทำกิ๊ฟต์น่ะ” พิยดาตอบไปตรงๆแล้วก็เอ่ยถามกลับ
“อ่อ ฉันก็นึกว่าเธอจะมีน้องแล้วซะอีก แต่ฉันก็ลืมไปว่าเพื่อนๆเขาพูดกันว่าเธอเองก็ยังไม่ได้มีแฟนเลยนิเนอะจะมีน้องได้ยังไงกัน อายุเธอก็ขนาดนี้แล้วจะหาทันมีน้องไหมเนี่ย” ยุรฉัตรเอ่ยพูดออกไปก็มิวายจิกกัดพิยดาไป เพราะตอนสาวๆพิยดาน่ะตัวแย่งหนุ่มๆของเธอเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะยังอยู่เป็นโสดมาจนอายุสามสิบกว่าแล้ว
“ทันไม่ทันมันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอที่จะมาห่วงฉันหรอก ฉันไม่ได้เดือดร้อน เธอก็ไม่ต้องมาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนหรอก ” พิยดาพูดตอกกลับไปแล้วมองมยุฉัตรแบบเอือมๆ
“หึ ฉันก็แค่สงสารเธอก็เท่านั้นเองน้ำตาล เธอเป็นแค่ช่างภาพธรรมดาๆไม่มีชื่อเสียงอะไรเงินเดือนก็ไม่ได้เยอะ ฉันก็อยากจะให้เธอน่ะมีชีวิตที่ดีๆแบบฉันบ้าง แต่อย่างเธอน่ะตอนนี้คงจะหาแฟนรวยๆได้ยากแล้วล่ะ” ยุรฉัตรพูดไปก็มองเพื่อนสาวตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยิ้มเยาะอย่างสะใจเพราะชีวิตของเธอตอนนี้พิยดาคือเทียบไม่ติดเลย
“ถึงฉันจะไม่ได้รวยแบบเธอในตอนนี้ แต่ฉันก็มีความสุขกับชีวิตของฉัน ไม่ได้แกล้งมีความสุขๆทั้งๆที่ทุกข์จนแทบกระอักเลือดแบบใครบางคน อีกอย่างฉันจะบอกให้เธอรู้เอาไว้นะหมิว ถ้าฉันจะหาแฟนรวยๆสักคนแค่กระดิกนิ้วฉันก็ได้แล้ว แต่ที่ฉันยังโสดอยู่ทุกวันนี้ก็เพราะฉันเลือกที่จะรักตัวเองมากกว่าเศษเงินของพวกเขาที่เอามาล่อให้คนหน้าเงินกระโดดเข้าใส่เท่านั้นเอง อย่าเอาความคิดของเธอมาตัดสินคนอื่นเลยหมิว” พิยดาพูดตอกกลับไปแบบอดไม่ได้ เพราะเธอไม่ใช่คนนิสัยเดียวกับยุรฉัตร ดังนั้นเธอไม่จำเป็นต้องทนคบกับใครเพราะเงิน
“ผู้หญิงฉลาดและรักตัวเองจริงๆคือผู้หญิงที่หาสิ่งที่เหมาะสมที่สุดให้กับตัวเองต่างหาก ในเมื่อเธอคิดแค่นี้ก็อยู่กับชีวิตแบบนี้ของเธอต่อไปเถอะจ้ะ ฉันคงต้องขอตัวก่อน พอดีจะไปซื้อที่กับสามีเอาไว้ให้ลูกตอนคลอดน่ะ ไว้เจอกันนะเพื่อนรัก…” ยุรฉัตรพูดออกไปด้วยรอยยิ้มมุมปากแบบเยาะเย้ย ก่อนจะเดินหนีออกไปเพราะคนอย่างพิยดาก็คงได้เท่านี้แหละ
“ใครเพื่อนรักเธอยะยัยขี้อวดเอ้ย ก็แค่ได้สามีรวยทำเป็นพูดดี กว่าเธอจะได้มาก็ผ่านมาไม่รู้กี่ย่านน้ำแล้ว คอยดูนะ ฉันจะหาให้ดีกว่าเธอให้ได้เลย” พิยดาพูดออกไปอย่างอดไม่ได้ เพราะเธอถูกหยามจนอยากจะหาผัวรวยมาตบหน้ายัยยุรฉัตรจริงๆ
“อ่าวน้ำตาล นั่นมันคู่ปรับแกไม่ใช่เหรอ เขามาหาเรื่องอะไรแกอีกน่ะ” บิวตี้เดินมาแล้วเห็นยุรฉัตรเดินออกไปพอดี
“ก็มาอวดๆแล้วก็เบ่งเรื่องความจนความรวยนั่นแหละค่ะเจ้ ก็ตามประสานางนั่นแหละ แต่คราวนี้หยามแรงจนทำให้ตาลอยากจะหาแฟนมาตอกหน้ายัยหมิวให้มันหน้าหงายไปเลย ไม่รู้วันนี้วันซวยอะไรถึงมาเจอยัยนี่น่ะ” พิยดาพูดบอกไปก็บ่นให้บิวตี้ฟังทันที
“ยัยหมิวนี่มันก็เกินไปจริงๆ เจอแกทีไรก็กัดแกทุกทีเลย แกก็อย่าปล่อยให้มันกัดแกคนเดียวล่ะ ตอบโต้มันบ้างนะน้ำตาล เสียดายที่ฉันไม่อยู่งั้นมันเจอฉันแล้ว” บิวตี้พูดออกไปอย่างเสียดายที่มาไม่ทันเจอยุรฉัตร เธอจะได้ฟาดมันกลับบ้าง
“ค่ะเจ้ ตาลไม่ปล่อยให้ใครรังแกตาลหรอกน่า เรากลับกันดีกว่าค่ะเจ้เดี๋ยวตาลต้องกลับไปทำงานต่ออีก เดี๋ยวคุณปิ่นเขาจะบ่นตาลอีก” พิยดาพูดออกไปแบบไม่อยากจะเอาเรื่องของยุรฉัตรมาให้รกสมอง จึงเปลี่ยนเรื่องไป
“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งแกที่บริษัทก็แล้วกัน ขอบใจนะที่มาส่งฉันวันนี้ แกนี่เป็นน้องรักของฉันจริงๆเลย ป่ะ” บิวตี้พูดบอกไปก็กอดแขนของพิยดาเดินออกไปแบบสนิทสนม เพราะคบกันมาตั้งแต่เรียนมหาลัยจนมันกลายเป็นเหมือนคนในครอบครัวกันไปแล้ว
ณ ประเทศฝรั่งเศส
ในงานแฟชั่นโชว์ของเสื้อผ้าสุภาพบุรุษแบนรด์เชลอง ซึ่งเป็นแบนรด์ใหม่ที่กำลังมาแรงในวงการแฟชั่นชายในขณะนี้ เพราะได้รับการออกแบบเฉพาะตัวทำให้ผู้ที่สวมใส่นั้นดูสง่างามและดูเรียบหรูอย่างมีสไตล์ เพราะแมทธิว ไพรส์ นายแบบชื่อดังได้เป็นผู้ก่อตั้งแบนรด์นี้ขึ้นมาด้วยตัวเองจนประสบความมสำเร็จและเป็นที่รู้จักไปทั่ววงการแฟชั่นที่มียอดขายสูงสุดในฝรั่งเศสและอีกหลายประเทศในแถบยุโรป
“ยินดีด้วยนะไอ้ลูกชาย ไม่คิดเลยว่าแกจะมาเอาดีทางด้านนี้จนประสบความสำเร็จแบบนี้ เก่งมากลูกพ่อ…” โจนาธานเอ่ยชมลูกชายคนรองของเขาอย่างชื่นชมเพราะแมทธิวนั้นไม่ได้สนใจจะสานต่อธุรกิจของเขา แต่กลับเลือกทำงานเป็นนายแบบแล้วเริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเองจนประสบความสำเร็จอย่างน่าภาคภูมิใจ
“ขอบคุณครับแด๊ด ผมก็ดีใจครับที่แด๊ดมางานของผมในวันนี้ ผมนึกว่าแด๊ดจะไปเที่ยวกับพวกสาวๆของแด๊ดซะอีก” แมทธิวเอ่ยพูดออกไปก็แซวผู้เป็นพ่อไปอย่างอดไม่ได้ เพราะปกติเขาไม่ได้เห็นหน้าพ่อเขาหรอก เนื่องจากท่านนั้นเกษียณตัวเองไปใช้ชีวิตตอนแก่แล้วทิ้งงานทุกอย่างให้พี่ชายของเขาเป็นคนจัดการ
“อะไรมันจะสำคัญไปกว่าวันสำคัญของแกอีกล่ะ แด๊ดจะไม่มาได้ยังไงล่ะหึ ดูสิ ตอนนี้แกกลายเป็นนักธุรกิจเต็มตัวแล้วสินะ มีอะไรก็ปรึกษาพี่เขาล่ะ” โจนาธานพูดไปแล้วก็ตบไหล่ของลูกชายไปแบบอดไม่ได้ เพราะเห็นเขาเสเพลแบบนี้แต่เขาก็รักลูกชายของเขาทั้งสองคนยิ่งกว่าอะไรเลย
“อย่าเลยแด๊ด แค่พูดกันปกติผมก็ปวดหัวกับแมทธิวมันจะแย่แล้ว ถ้ามาพูดเรื่องงานคงได้ฆ่ากันพอดีอ่ะ ดีนะครับที่แมทธิวมันจะไปเมืองไทยแล้ว ผมคงหายปวดหัวไปได้สักพักเลย…” โจชัวพูดออกไปแล้วส่ายหน้าอย่างไม่เอาด้วย เพราะน้องเขาชอบทำตัวเป็นเด็กๆใส่เขาทั้งที่มันก็โตเป็นควายอยู่แล้ว
“แกจะไปเมืองไทยทำไมแมทธิว หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับแม่แกสองคน” โจนาธานเอ่ยถามออกไปอย่างเป็นห่วงอดีตภรรยาของเขา เพราะหลังจากที่หย่าร้างกันไปเขาก็ไม่ได้เจอเธออีก มีแต่ลูกๆของเขาที่จะบินไปเมืองไทยเพื่อเยี่ยมเยือนภรรยาของเขา
“เปล่าครับแด๊ด มัมยังสบายดี แต่ที่ผมไปเมืองไทยคราวนี้ก็จะไปเยี่ยมมัมแล้วก็จะไปงานแต่งงานของบุรินมันด้วยนะครับ” แมทธิวพูดอธิบายไปให้พ่อของเขาสบายใจ เพราะเขารู้ว่าลึกๆแล้วพ่อของเขาก็ยังรักแม่ของเขาอยู่ถึงจะหย่าร้างกันไปนานแล้วก็เถอะ และเขาก็จำเป็นต้องไปงานแต่งลูกพี่ลูกน้องของเขาด้วย
“อ่อ...แล้วไป แด๊ดก็นึกว่ายัยแก่ขี้บ่นจะเป็นอะไรไปซะอีก งั้นแด๊ดก็ฝากความคิดถึงไปให้เมียเก่าแด๊ดหน่อยก็แล้วกันนะ บอกว่าแด๊ดยังแข็งแรงปึ๋งปั๋งอยู่ไม่ตายง่ายๆหรอก ฮ่าๆ” โจนาธานพูดออกไปแล้วก็หัวเราะออกมา
“เฮ้อ…มันคงตอกกลับแด๊ดแบบเจ็บแสบแน่ๆ รอฟังคำตอบตอนผมกลับมาได้เลย” แมทธิวพูดบอกไปก็หัวเราะออกมา เพราะพ่อเขาฝากคำพูดกวนๆไปทีไร แม่เขาก็ตอกกลับมาแบบเจ็บแสบตลอด
“แล้วเราล่ะโจชัวจะไปกับน้องด้วยหรือเปล่า ใกล้วันเกิดแม่เราแล้วนิ พ่อว่าแกเองก็ควรจะไปเยี่ยมแม่บ้างนะ อย่าเอาแต่ทำงาน” โจนาธานพูดออกไป เพราะโจชัวนั้นเอาแต่ทำงานไม่ค่อยไปเที่ยวหรือได้ใช้ชีวิตของตัวเองเท่าไหร่ ทำให้เขาค่อนข้างห่วงมากกว่าแมทธิวที่ใช้ชีวิตวัยรุ่นได้อย่างเต็มที่จนเกินคุ้มไปแล้ว
“ผมคงจะตามไปทีหลังตอนวันเกิดมัมนู้นเลยครับแด๊ด ตอนนี้ขอเคลียร์งานก่อนก็แล้วกัน” โจชัวพูดบอกไปเพราะเขาก็ไปวันเกิดแม่ของเขาทุกปีอยู่แล้ว
“ดีแล้วล่ะ ไปให้เขาได้เห็นหน้าบ้าง เขาจะได้มีความสุข” โจนาธานพูดบอกไป เพราะอยากให้อดีตภรรยาของเขาได้มีความสุขกับลูกๆบ้างๆ
“ถ้ายังรักยังห่วงแบบนี้ ผมว่าแด๊ดไปง้อมัมดูอีกสักครั้งก็ดีนะครับ มัมอาจใจอ่อนยอมกลับมาคืนดีกับแด๊ดก็ได้นะครับ” โจชัวเอ่ยพูดออกไปแล้วยิ้มมุมปาก เพราะดูเหมือนว่าพ่อของเขาจะยังแคร์แม่ของพวกเขาไม่น้อยเลย
“ไม่เอาแล้ว… พ่อง้อแม่ของแกสองคนมาสิบกว่าปีแล้วไม่เห็นเขาจะใจอ่อนเลย ขี้เกียจง้อแล้ว ไปเที่ยวให้ชีวิตมีความสุขจะดีกว่า” โจนาธานพูดบอกไปแล้วส่ายหน้าทันที เพราะเขาง้ออดีตภรรยาของเขามาตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา แต่เธอก็ไม่ยอมใจอ่อนเลย ทำให้เขานั้นยอมแพ้เธอแล้ว
“พ่อขอให้แกเที่ยวเมืองไทยให้สนุกก็แล้วกัน อ่อ แล้วก็อย่าไปติดใจสาวไทยเข้าล่ะ ดูพ่อเป็นตัวอย่างซะ ขนาดเลิกกันแล้วพ่อยังรักหัวปักหัวปำเลยเนี่ย แกอย่าประมาทสาวไทยเชียวนะแมทธิว” โจนาธานพูดบอกไปแบบเตือนๆ เพราะตอนแรกเขาก็แค่ไปเที่ยว แต่ดันได้เมียกลับมาซะงั้นแถมยังทำให้เขารักจนป่านนี้เขาก็ยังรักเธออยู่ไม่มีลืมเลย
“ผมระดับไหนแล้วแด๊ด… ผมไม่อ่อนแบบแด๊ดหรอกน่า อีกอย่างผมชอบสาวลาตินไม่ได้ชอบสาวเอเชียสักหน่อย อย่างมากก็สนุกๆน่าแด๊ด อีกอย่างผมก็ไม่เมืองไทยไม่รู้กี่รอบแล้ว ผมก็ไม่เห็นจะหลงใครเลยสักคน อีกอย่างผมพึ่งอายุแค่สามสิบเองนะแด๊ด ผมไม่จบชีวิตโสดของตัวเองรวดเร็วแบบนี้หรอกน่า ผมจะอยู่เป็นโสดเป็นเพื่อนพี่โจชัวนี่แหละ” แมทธิวเอ่ยพูดบอกไปแล้วก็ยักไหล่ใส่ผู้เป็นพ่อไป เพราะสาวลาตินน่ะหุ่นอวบอิ่มแน่นๆเวลาอยู่บนเตียงก็ร้อนแรงจนเขายกเป็นสเปคของเขาที่มาแรงอันดับหนึ่งเลย
“อ่าวไอ้นี่ โยงมาหาฉันจนได้นะแกเนี่ย เฮ้อ…. จะสนุกก็สนุกไปแต่อย่าทำอะไรที่มันเลยเถิดล่ะ” โจชัวพูดไปก็ส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอากับน้องชายของตัวเอง เพราะมันใช้ผู้หญิงเปลืองยิ่งกว่าอะไรเป็นข่าวกับสาวก็ไม่เว้น ในขณะที่เขานั้นแทบจะไม่มีข่าวหรือยุ่งเกี่ยวกับใครเลย เพราะต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองให้ดูดีสมกับความน่าเชื่อถือ
“ครับคุณพี่ชาย” แมทธิวพูดบอกไปก็ยิ้มใส่พี่ชายแบบกวนๆ แล้วเขาก็คุยกันสามคนพ่อลูกกันต่อไป จนสื่อหลายๆสำนักนั้นได้เก็บภาพของพวกเขาไปพอสมควรเลย เพราะตระกูลของเขานั้นค่อนข้างมีชื่อเสียงในฝรั่งเศสจึงทำอะไรแล้วก็จะถูกจับตามองอยู่ตลอด