“ฮื้อ!!!” ฉันพยายามเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากที่กำลังจะโน้มลงมาประกบริมฝีปากของฉัน
ดินพยายามจะจูบ ส่วนฉันพยายามจะหลบ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากได้ ฉันเลิกอยากได้เขาแล้ว
แต่แล้วฉันก็หลบไม่พ้น กลีบปากของเราประกบกันอีกครั้ง และครั้งนี้ใบลิ้นของดินแทรกเข้ามาในโพรงปากฉันด้วย
ยิ่งฉันขัดขืน เขายิ่งจูบจาบจ้วง
“ถ้ายังไม่ฟังคำพูดกัน ต่อไปจะมากกว่าจูบ อย่าคิดว่าไม่กล้า” ดินปล้ำจูบกระทั่งฉันเหนื่อยที่จะขัดขืน เขาจึงถอนจูบออกพร้อมออกคำสั่ง จากนั้นก็กดจูบที่แก้มของฉันแรง ๆ
“สารเลว” ฉันตะคอกใส่หน้าเขา ใจจริงอยากจะยกมือฟาดที่ใบหน้าของเขา แต่เพราะฉันถูกกดข้อมือเอาไว้ ทำให้ฉันทำอย่างที่ใจคิดไม่ได้
“ก็ไม่เคยบอกว่าเป็นคนดี แล้วก็อย่าพยายามหนี เลิกทำตัวเป็นเด็กวิ่งหนีปัญหาซะที”
“…” ฉันหันหน้ามองทางอื่น เป็นใครกันทำไมฉันจะต้องเชื่อฟัง
“นั่งคุยก็ไม่รู้เรื่อง นี่นอนคุยแล้วนะ ถ้ายังไม่รู้เรื่องอีก ต่อไปเราสองคนจะแก้ผ้าคุยกัน” ดินลุกออกจากตัวฉัน เขานั่งที่ขอบเตียง
“ให้เวลา 2 อาทิตย์ เตรียมตัวให้พร้อมแล้วเข้าไปเริ่มงานที่บริษัท”
“จะบ้าเหรอดิน”
“แหวนนั่นแหละที่บ้า เลิกทำตัวเป็นเด็กซะ จะยอมยกผลประโยชน์ให้ผู้หญิงคนนั้นหรือไง” ดินหมายถึงผู้หญิงของพ่อสินะ
“…” เอาตามตรงบางครั้งฉันก็เต็มใจยกให้ได้นะ เพราะไม่รู้ว่าจะปกป้องเพื่ออะไร จะเอามาแบกไว้ทำไม
เมื่อฉันเงียบไม่โต้ตอบ ดินจึงหันมามองหน้าฉัน ในตอนนี้ฉันลุกขึ้นมานั่งแล้ว เพราะกลัวว่าดินจะทำอะไรบ้า ๆ อีก
ดินมองหน้าฉันก่อนจะยื่นมือมาแตะที่แก้ม และจับเส้นผมทัดใบหูให้ฉันด้วย
“ควรไปจัดการความรู้สึกเด็ก ๆ ของตัวเอง แล้วก็เปิดตามองได้แล้วว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร เลิกหนีปัญหา ไอ้ความกล้าบ้าบิ่นที่เคยมีอะ เอามันมาใช้ให้เป็นประโยชน์” นัยน์ตาคู่สวยที่ฉันเคยลุ่มหลงกำลังมองฉันด้วยสายตาที่สื่อออกมาอย่างชัดเจนว่าสงสารฉัน
“ทำแบบนี้เพื่ออะไร บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาสงสาร” ฉันว่าพร้อมปัดมือของดินออก
ที่เขาเป็นแบบนี้ก็เพราะสงสารฉันนั่นแหละ
“…” เงียบและเงียบและเงียบ จะกี่ครั้ง จะเรื่องไหนก็เงียบใส่ตลอด ไม่เคยไขข้อสงสัยหรืออธิบายอะไรทั้งนั้น
“รู้ไหมว่าความเงียบของดินมันทำให้คนรอบข้างอึดอัด”
“…”
“ขอร้องเหอะ อย่าทำเหมือนเป็นห่วงทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยจะห่วงจะหวงกัน เราสองคนจบกันไปแล้ว ต้องให้แหวนย้ำอีกกี่ครั้งว่าแหวนไม่ต้องการดินอีกแล้ว” ฉันระเบิดอารมณ์
“…” ดินก็เงียบเหมือนเดิม ก็เลยไม่รู้ว่าที่พูดไปน่ะเข้าใจบ้างไหมว่าสิ่งที่ฉันพูดไปทั้งหมดมันออกมาจากใจจริง ๆ ของฉัน
“การที่ดินเงียบ แหวนจะถือว่าดินเข้าใจแล้วกัน”
“ไปกินโจ๊กกัน”
“?” คืออะไร หน้าของฉันตอนนี้คืองงมากอะ ฉันพูดอย่าง เขาพูดอย่าง คนละทางคนละเรื่อง
“ไปกินโจ๊กแล้วกลับห้องกัน ง่วงนอนแล้ว ปะ”
“ไม่ไป”
“อย่าดื้อ”
“ดิน”
“อย่าคิดว่าดินไม่กล้าทำนะแหวน”
“ทำอะไร”
“ก็เรื่องที่เมื่อก่อนแหวนชอบทำบ่อย ๆ ไง” มือของดินยื่นมาแตะที่หน้าอกของฉัน ใช่ หน้าอกของฉันนั่นแหละ ใบหน้านิ่งขรึมกับการกระทำลามก
“เป็นบ้าเหรอดิน” ฉันปัดมือของดินออก
“จะไปได้ยัง”
“ก็บอกแล้วว่าไม่ไปด้วย”
“ท้าทาย?” ดินผลักฉันให้ล้มลงนอนฟูกอีกครั้ง
“เออ ๆ ไปก็ไป” ฉันรีบพูดก่อนที่เขาจะโน้มตัวลงมาทาบทับ ถ้าเกิดปล่อยให้เป็นแบบนั้นรอบนี้ฉันอาจจะไม่รอดจากความบ้าชั่วคราวของดิน
“ตามมาทำไม” ฉันชักสีหน้าใส่ดิน เนื่องจากดินเดินตามฉันขึ้นมาบนห้องของคอนโดฉัน
เท้าความก่อนว่าเราสองคนออกจากคอนโดของเรซ แวะกินโจ๊กตามที่ดินบอก เสร็จจากร้านโจ๊กดินขับรถมาส่งฉันที่คอนโด ซึ่งตอนนี้ก็เกือบหกโมงเช้า
“ง่วง”
“แล้ว?” ง่วงแล้วไงอะ เกี่ยวอะไรกับฉัน
“ขับรถไม่ไหว” ดินตอบและเดินนำหน้าฉันไปแตะคีย์การ์ดที่ห้องของฉัน คีย์การ์ดที่เขามีนั่นแหละและดินก็พูดว่า “ขอนอน”
“ไม่ได้” ฉันเปล่งเสียงไม่พอใจ ใจจริงอยากจะเสียงดังกว่านี้ แต่ว่าเกรงใจคนอื่น ๆ กลัวว่าเขาเปิดห้องออกมาแล้วจะตกใจ
“...” ดินหันมามองหน้าฉัน สายตาของเขาสื่อมาว่า ‘รำคาญ’ แล้วจากนั้นดินก็เข้าห้องของฉัน ฉันจึงรีบเดินตามเขา
“เดี๋ยว ๆ ดินจะเข้ามาในห้องนอนทำไม” ฉันรีบวิ่งตามดินเข้ามาในห้องนอน
“...” ดินมองหน้าฉันอีกแล้ว และเขาก็เดินไปทิ้งตัวลงนอนที่เตียงนอน “อย่ากวน”
“...” หมดคำจะพูดเลยฉัน
ฉันตั้งตัวไม่ทัน ฉันไม่เคยเจอดินเวอร์ชันนี้สักครั้ง
แบบนี้ฉันคงจะต้องถอยไปตั้งหลักเพื่อเตรียมตัวตั้งรับก่อน คือไม่ใช่อะไรนะ ฉันไม่คิดไงว่าการที่ฉันกลับมาครั้งนี้จะต้องมาเกี่ยวข้องกับดิน
ที่ผ่านมาฉันคิดแค่ว่าเราหย่ากันทุกอย่างก็จบต่างคนต่างไปใช้ชีวิตของตัวเอง
“ถ้าพร้อมเมื่อไหร่กดดูข้อความในไลน์ด้วย ส่งรูปไว้ให้แล้ว” ก่อนที่ฉันจะเดินออกจากห้องดินก็ส่งเสียงมาย้ำเตือนฉัน
ฉันไม่ตอบโต้ และเลือกที่จะปิดประตูห้องนอน
รูปภาพที่ดินเอ่ยถึงคือรูปผู้หญิงของพ่อ ผู้หญิงที่ฉันไม่เคยอยากรู้ว่าเป็นใคร รับรู้แค่ว่าเธอเคยทำงานอยู่ในบริษัทของแม่ แต่ในตำแหน่งไม่รู้
เพราะว่าฉันปิดหูปิดตามาตลอด
แล้วจู่ ๆ จะให้ฉันเห็นผู้หญิงที่เป็นส่วนหนึ่งในการทำลายครอบครัวของฉัน มันก็เท่ากับว่าสิ่งที่ฉันทำตลอดเวลาที่ผ่านมามันไม่มีประโยชน์เลยน่ะสิ
แต่ถ้าฉันมัวแต่หนี ปัญหามันก็จะไม่ถูกแก้ แล้วยังทำให้คนอื่นมาเดือดร้อนด้วยอีก
ฉันปล่อยให้ดินนอนในห้องนอน ส่วนตัวฉันออกมานอนอยู่ที่โซฟาด้านนอก นอนคิดทบทวนว่าควรจะทำอย่างไรกับชีวิต ควรตัดสินใจแบบไหน คิดไปคิดมาก็เผลอหลับ
กระทั่งหกโมงเย็นงัวเงียตื่น ที่ตัวฉันมีผ้าห่มคลุมไว้ให้
“...” ตอนนอนก็ไม่มีนะ แล้วตอนนี้มีได้ไง ดินงั้นเหรอ อาจจะใช่มั้ง ก็เราอยู่ในห้องกันแค่สองคน
ฉันลุกขึ้นยืนและหอบผ้าห่มกลับเข้าห้องนอน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะทำแบบนี้เพื่ออะไร ทำเหมือนว่าห่วงฉัน ทั้งที่เขาก็มีใครอีกคน
พอเปิดประตูห้องเข้ามา บนเตียงก็ไม่มีดินแล้ว ที่ห้องน้ำก็ไม่มี แต่หน้ากระจกมีโพสต์อิทแปะไว้ว่า
‘เคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อย พร้อมแล้วก็กดดูรูป และจัดการความรู้สึกตัวเอง จะได้เริ่มทำงาน ดินให้เวลา 2 อาทิตย์เท่านั้นนะแหวน’
ฉันมองหน้าตัวเองในกระจกหลังจากที่อ่านโพสต์อิทของดิน คนอย่างฉันจะกล้าพาตัวเองเผชิญกับความจริงที่พยายามหลบหนีมาตลอดจริงเหรอ
Rrr...
ละจากหน้ากระจกเดินออกมาตามหาเสียงริงโทนมือถือที่กำลังดัง ฉันกดรับสายเมื่อคนที่โทรเข้ามาคือทอม คนที่ฉันกำลังเปิดใจคุย
“อืม”
(ทำไมทำเสียงแบบนั้น มีอะไรไม่สบายใจ ยูบอกไอได้นะ)
“ทำไมยูถึงคิดแบบนั้น”
(ไอสัมผัสได้ ไหนเปิดกล้องหน่อย) ฉันกดเปิดกล้องตามที่ทอมขอ (นั่นไง หน้าเครียดเชียว ไหนเป็นอะไรเล่าให้ไอฟังหน่อยได้ไหมครับที่รัก)
“ไอกำลังอยู่ในระหว่างตัดสินใจว่าจะเข้าไปทำงานที่บริษัทดีไหม”
(ยูพร้อม?)
“ไม่น่าจะพร้อม แต่เหมือนว่าต้องพร้อม ไอสับสน”
(ยูต้องตั้งสตินะ แล้วก็คิดให้ดี ๆ ไอรู้ว่ายูรักครอบครัว ไม่งั้นยูคงไม่มาเรียนที่นี่เพื่อกลับไปบริหารบริษัท ฮันนี่ยูเป็นคนเก่งมากรู้ไหม ยูไม่ได้อ่อนแอ ที่ผ่านมายูแค่พักสมองไง แล้วไอก็เชื่อว่าตอนนี้ยูพร้อมที่จะเผชิญกับโลกของความเป็นจริงแล้ว ไออยู่ข้างยูนะ)
“ขอบคุณนะทอม ขอบคุณที่อยู่ข้างไอมาตลอด” ฉันส่งยิ้มให้ทอม กำลังใจของทอมทำให้ฉันรู้สึกดี ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ฉันไม่สบายใจ ทอมจะเป็นคนที่คอยหาคำพูดมาปลอบและทำให้ฉันรู้สึกดีเสมอ
(ไอเลิฟยูนะ ไอรู้ว่าบางเรื่องไอเป็นแฟนที่ไม่ดี แต่หลาย ๆ เรื่องไอจะพยายามทำให้รักของเราดีขึ้น ส่วนเรื่องที่ไม่ดี เมื่อถึงเวลาไอสัญญาว่าจะเลิกขาด ไอจะไม่ทำให้ยูเสียใจ)
“เรื่องนั้นไอเข้าใจ ขอแค่ยูทำตามข้อตกลงที่ให้ไอไว้ก็พอ ไอเชื่อใจยูนะ”
(แน่นอน ไอจะไม่ทำผิดข้อตกลง)
“แค่นี้ไอก็พอใจแล้ว”
(ยูยิ้มแล้วสวยจัง)
“ไอสวยทุกเวลา”
(แต่เวลายูยิ้มยูดูมีชีวิตชีวา ทอมรักแหวนนะครับ)
“ยูอย่ายิ้มแบบนั้นนะทอม”
(ไอหล่อใช่ไหม)
“หลงตัวเองมากค่ะ”
ฉันคุยกับทอมต่ออีกหลายต่อหลายชั่วโมง ในยามที่เราว่างตรงกัน เรามักจะคุยกันนาน ๆ เสมอ
เรื่องของฉันกับทอมเราสองคนมีข้อตกลงกันบางอย่าง ข้อตกลงที่น้อยคนจะรับได้ แต่ว่าฉันรับได้เพราะว่าฉันเป็นคนเสนอเขาเอง
เสนอเพราะว่าฉันให้ในสิ่งที่เขาต้องการไม่ได้
ทอมเป็นลูกครึ่งไทย-อเมริกา ใบหน้าของเขาออกฝรั่งมากกว่าคนไทย ทอมเป็นคนหนึ่งที่มีความต้องการในเรื่องเซ็กซ์มากและตัวฉันให้ทอมไม่ได้ ทั้งที่เรื่องเซ็กซ์แทบเป็นเรื่องปกติสำหรับทอมและเพื่อน ๆ ของเขาที่นั่น เมื่อให้ไม่ได้ฉันจึงเสนอให้เขาสามารถวันไนต์สแตนด์กับผู้หญิงคนอื่นได้
แต่ว่าห้ามนอนกับผู้หญิงคนเดียวซ้ำ ๆ เพราะมันจะก่อเกิดความผูกพัน ซึ่งที่ผ่านมาทอมทำแบบนั้นมาตลอด พร้อมกับคำสัญญาที่ว่าเมื่อไหร่ที่เขาเรียนจบ กลับมาทำงานที่เมืองไทย เขาจะแต่งงานกับฉัน และจะไม่วันไนต์สแตนด์กับใครอีก เมื่อได้เป็นสามีจะไม่มีทางทำให้ฉันเสียใจ
ซึ่งฉันก็รับฟัง แต่ไม่ได้คาดหวัง
เพราะคิดว่าการแต่งงานมันเป็นเรื่องไกลตัวไปแล้ว ฉันไม่อยากแต่งงานบ่อย ๆ อยากค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า ไม่อยากผิดพลาดอีกแล้ว