ตลอดการเดินทางภายในรถแท็กซี่คือความเงียบ เราสองคนต่างหันหน้าไปคนละทาง ถ้าให้เปรียบก็คงเหมือนถนนเส้นคู่ขนานนั่นแหละ
เดินไปคู่กัน แต่ไม่มีทางมาบรรจบเป็นเส้นเดียวกัน
ตริ๊ง ตริ๊ง ตริ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนของฉันดังขึ้นรัว ๆ ด้วยความเกรงใจคนขับแท็กซี่ ฉันจึงล้วงจากกระเป๋าขึ้นมากดอ่าน
(ทอม : กลับห้องยัง)
(ทอม : ไอถึงห้องแล้ว)
(ทอม : คิดถึงยูนะ)
(ทอม : ถ้ายังไงถึงห้องแล้วคอลมาหาไอหน่อย ไอคิดถึงยูใจจะขาดแล้ว)
ข้อความที่ฉันเปิดอ่านทำให้ฉันเผลอยิ้มออกมาด้วยความเคยชิน
(แหวน : ไอก็คิดถึงยู)
(แหวน : ตอนนี้ไออยู่ในรถแท็กซี่ ใกล้ถึงคอนโดแล้ว)
(แหวน : ถึงห้องแล้วไอจะโทรหานะ)
ฉันส่งข้อความตอบกลับไป
‘ทอม’ คือคนที่ฉันลองเปิดใจคุยมาได้สักพักแล้ว โดยที่ฉันไม่ได้เล่าให้เพื่อนคนไหนฟังเลย แม้จะเป็นเพื่อนสนิทของฉันก็เถอะ
ที่ไม่เล่าเพราะอะไรก็ไม่รู้นะ อาจจะเพราะยังไม่ได้มั่นใจว่าทอมจะเป็นคนที่ฉันรักมั้ง ฉันจึงทำตัวเหมือนคนโสดงี้
ทอมยังเรียนไม่จบ เขาไม่ได้กลับมาพร้อมฉัน แต่ไม่เกินปีนี้ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดทอมน่าจะกลับมาเมืองไทย
Rrrr….
เสียงริงโทนของคนข้างกายดังขึ้น ฉันจึงรีบเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋า ด้วยความที่สายตาสอดส่องอยากรู้อยากเห็นเกินความจำเป็น
จึงได้เห็นว่าใครคือคนที่โทรเข้ามา
ฉันหันหน้ามองอีกทางเมื่อเห็นชัดแล้วว่าใครคือคนที่โทร ก็รู้สึกเจ็บดี เจ็บมากเลยก็ว่าได้
หึ เจ็บทั้งที่ควรเลิกรู้สึกได้แล้ว
ดินไม่ได้กดรับสาย เพราะว่าฉันไม่ได้ยินเสียงเขาพูดอะไรออกมา
สมองของฉันกำลังประมวลเรื่องราวบางอย่าง จุดเริ่มต้นของเรื่องที่เกิดขึ้นมันควรเริ่มตั้งแต่ตอนไหนกัน ทว่าคิดไปก็เท่านั้น ในเมื่อฉันเป็นคนนอก จะรู้จุดเริ่มต้นของคนอื่นได้ยังไงกัน
สี่สิบห้านาทีต่อมาแท็กซี่จอดที่หน้าคอนโดของฉัน ฉันมองมิเตอร์และควักเงินจ่าย มืออีกข้างเปิดประตูเตรียมลงจากรถ
“แม่คิดถึง” เสียงของคนข้างกายเอื้อนเอ่ย ฉันไม่ได้ใส่ใจที่จะฟังหรือตอบกลับอะไรไป ทำเหมือนไม่ได้ยิน ลงจากรถและเดินเข้าคอนโด ไม่ได้หันหลังกลับไปมอง
ในเมื่อเราสองคนจบกันไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องมาสานต่อความเจ็บปวดให้แก่กันและกัน แม่ที่ดินพูดถึงก็คือแม่ของเขา จริงอยู่ว่าฉันทำไม่ดีกับลูกชายของแม่ แต่ว่าแม่เป็นผู้ใหญ่ที่ดีมาก แม่ไม่โกรธ ไม่ถือสาและยังรักฉันเหมือนลูก
บอกตามตรงเลยว่าเมื่อมองย้อนกลับไปดูสิ่งที่ทำเอาไว้นั้น ฉันรู้สึกละอายใจมาก ฉันมันผู้หญิงหน้าด้านคนหนึ่งที่อยากได้ผู้ชายจนถึงขั้นวางยาเพื่อให้เขาหลับนอนด้วย
มันคือเรื่องทุเรศ เรื่องน่าสมเพชมากสำหรับฉัน!
กลับมาถึงห้องฉันก็ทิ้งตัวลงนอนบนฟูก ไม่สนแล้วความสะอาด ตอนนี้อยากนอน อยากลืมใบหน้าของดิน ไม่อยากให้เสียงของเขาเข้ามาก้องอยู่ในหู ไม่อยากให้เขาเข้ามามีอิทธิพลต่อหัวใจของฉัน
ตริ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนดังฉันจึงคว้าโทรศัพท์มือถือมากดอ่าน
(ทอม: เฮ้ ยูถึงห้องหรือยัง ทำไมนาน ไอเป็นห่วง)
นั่นไง ฉันมัวแต่คิดเรื่องของดิน จนลืมไปเลยว่ารับปากใครอีกคนที่เขากำลังรอฉันอยู่
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด
(ถึงห้องหรือยัง) เสียงนุ่มทุ้มน่าฟังของปลายสายทำให้ลืมเรื่องราวของดินไปชั่วขณะ เพื่อโฟกัสคนในสาย
“เพิ่งถึงเมื่อกี้เอง รถกรุงเทพติดจะตายไป”
(อ่อ ไอก็เป็นห่วง กลัวยูจะไปฉุดคนขับแท็กซี่)
“อ้าว ยูรู้ได้ไง ไออุตส่าห์ไม่พูดแล้วนะ”
(กวน ๆ แบบนี้ถ้าอยู่ใกล้ ๆ ไอจะจับยูฟัดซะให้เข็ด)
“ยูก็รีบกลับมาสิ ไอรอให้ยูมาฟัดอยู่นะ ไม่ได้เห็นหุ่นน่ากินของยูแล้วไอไม่มีแรงจะทำอะไรเลยนะ”
(อ้อนเก่งแบบนี้เดี๋ยวไอก็ทิ้งทุกอย่างแล้วบินกลับไปให้ยูอ้อนเช้าเย็นเลยดีไหมฮันนี่)
“ไม่ต้องเลย ยูจัดการเรื่องทางนั้นให้เสร็จก่อน เดี๋ยวพ่อแม่ยูรู้ว่ายูทิ้งทุกอย่างเพื่อไอ พวกท่านได้เหม็นหน้าไอกว่าเดิมทำไง”
(ใครเหม็นหน้ายูไอไม่สนอยู่แล้ว เพราะว่าไอหอมยู ไอเลิฟยูฮันนี่)
“เหมือนกันค่ะ”
(ยูรีบพักผ่อนนะ ไอไม่กวนแล้ว เห็นยูถึงห้องอย่างปลอดภัยไอก็หายห่วง)
“ค่ะกู๊ดไนท์นะคะ” ฉันวางสายทอมแล้วจากนั้นก็นอนค่ะ
นอนมองฝ้าเพดาน คิดอะไรไม่เรื่อยเปื่อย พยายามบอกตัวเองว่าที่ผ่านมาทำดีที่สุดแล้ว และปัจจุบันก็ได้เลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองแล้วเหมือนกัน
ฉันจะไม่พาตัวเองกลับไปอยู่ในจุดที่เป็นทุกข์อีกเด็ดขาด
ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง ปิ๊ง…
เช้าวันต่อมาฉันลุกจากที่นอนด้วยความหงุดหงิด การนอนไม่เต็มอิ่มทำให้ฉันรู้สึกแย่ เมื่อคืนฉันคิดอะไรไปเรื่อยและเผลอหลับไปโดยไม่ได้อาบน้ำล้างหน้าล้างเครื่องสำอางอะไรทั้งนั้น
คนที่มาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเพื่อนสนิทของฉัน ไม่ฟองก็คงเป็นญ่า
คอยดูนะฉันจะวีนให้ ยังเช้าอยู่แท้ ๆ ดันมารบกวนการนอนของฉัน
“เป็นบ้าหรือไงโผล่มาแต่ชะ…เช้า” น้ำเสียงขาดหายเพราะคนที่ยืนหน้าประตูไม่ใช่เพื่อนสนิททั้งสองคนของฉัน
“…” สายตาของเขามองฉันตั้งแต่เท้าจรดหัว
อ่า ใช่ กำลังทุเรศลูกตาที่มาเห็นฉันในสภาพนี้สิท่า เฮอะ
“มีอะไร” ฉันถามห้วน ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าขึ้นมาได้ยังไง ไม่รู้ด้วยว่าทำไมรู้จักห้องฉัน
“ไปจัดการสารรูปตัวเองซะ แม่ทำกับข้าวรอแล้ว” ดินเอ่ยและเดินเข้ามาในห้องของฉัน
“ฮะ?” คืออะไร ฉันไม่เข้าใจ จะบอกว่าตอนนี้ทำหน้าโง่ ๆ ใส่เขาก็ได้
“10 นาที จัดการตัวเองให้เรียบร้อย อย่าให้ผู้ใหญ่รอนาน” ดินพูดขึ้นอีกรอบและเดินไปนั่งที่โซฟา ทำอย่างกับว่านี่คือห้องของตัวเอง
คิดว่าฉันจะทำตามไหมล่ะ
เฮอะ ฝันเถอะ ทำไมฉันต้องทำตาม ในเมื่อเราสองคนคือคนแปลกหน้า
เรื่องเก่าเก็บในอดีตก็ยัดมันเก็บเข้ากรุไว้เถอะ
ฉันเดินกลับเข้ามาในห้อง ทิ้งตัวลงนอนที่ฟูก ฉันไม่สนเรื่องที่เขาพูดหรอก เราคือคนแปลกหน้า แค่เข้ามาในห้องโดยพลการก็เกินจะเยียวยาแล้ว อีกอย่างนะคนอย่างดินน่ะไม่มีทางที่จะรออะไรได้นาน ๆ เดี๋ยวเขาก็ไป
คิดได้แบบนี้แล้ว มันก็เหมือนจะจบเพราะถือว่าฉันตัดปัญหาแล้วใช่ไหม ฉันควรหลับได้โดยที่ไม่ต้องสนใจอะไร
แต่ความจริงมันไม่ใช่เลย เพราะการที่ดินบุกรุกเข้ามาอยู่ในห้องของฉัน มันไม่ใช่เรื่องที่อดีตสามีควรทำ!
ทำไมคนฉลาดอย่างดินถึงไม่แยกแยะบ้าง
ก๊อก ก๊อก…
“อย่าช้านะแหวน แม่รอ” เสียงเคาะประตูพร้อมเสียงดังตามเข้ามา “เกิน 5 นาทีจะเปิดประตูเข้าไป”
จะเปิดเข้ามาได้ยังไง ขู่อะไรที่ไม่มีทางเป็นไปได้อีกแล้ว