คืนวันเกิดของดินฉันตัดสินใจซื้อยาชนิดหนึ่งมาจากนาฟ และให้คนเอาผสมเหล้าให้ดินกิน ทุกอย่างเป็นไปตามที่ฉันวางเอาไว้ ฉันพาดินกลับมาที่บ้านของตัวเองในตอนดึก ซึ่งพ่อแม่หลับสนิทกันหมดแล้ว จากนั้นฉันกับดินเราก็มีอะไรกัน เช้าวันรุ่งขึ้นแม่ของฉันเปิดประตูเข้ามาเจอ
และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ฉันกับดินต้องหมั้นกัน ความจริงมันจะจบแค่หมั้นกันไว้ก่อน แต่ด้วยความที่ฉันไม่พอไง
หมั้นได้ก็ถอนหมั้นได้ ฉันจึงบอกผู้ใหญ่ด้วยความเอาแต่ใจว่าฉันจะจดทะเบียนสมรสกับดิน ฉันที่ตกเป็นผู้เสียหายย่อมได้ทุกอย่างที่เอ่ยขอ
โดยที่ดินไม่ได้เต็มใจสักอย่าง
ฉันรู้ว่าดินไม่โอเคและฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำมันไม่ใช่เรื่องดี ผู้หญิงดี ๆ ที่ไหนคงไม่ทำแบบฉัน
แต่อย่างน้อยฉันก็ภูมิใจที่ได้ดินมาครอง และดินควรภูมิใจที่ได้เป็นคนแรกของฉัน ทว่าในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่เลย ดินไม่ภูมิใจอะไรในตัวฉันสักอย่าง ซ้ำร้ายยังเกลียดฉันอีกต่างหาก
เออฉันก็เข้าใจ เพราะว่าเขาสมควรเกลียดฉัน ใครบ้างโดนแบบนั้นจะไม่เกลียด
ฉันพยายามทำหน้าที่ภรรยาที่ดีมาตลอด แต่ไม่เคยอยู่ในสายตาดินสักครั้ง เรื่องบนเตียงฉันก็เป็นเริ่มโดยที่ดินมักจะเหน็บมาว่า... ‘ถ้าอยากเอาเธอคงต้องใส่ยาคืนนั้นให้ฉันกินนะ ไม่งั้นมันไม่แข็งหรอก’
มันคือประโยคที่ดินพูดกับฉันยาวที่สุดก็ว่าได้ และไอ้ส่วนนั้นของเขามันก็ไม่แข็งจริง ๆ
เขามันตายด้าน
ฉันก็เลือกใช้วิธีอย่างที่เขาบอก เรื่องบนเตียงมันถึงผ่านไปได้ มันน่าสมเพชใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องถนอมใจฉันหรอก เพราะว่าขนาดตัวฉันเอง ฉันยังสมเพชตัวเองเลย
ผู้หญิงอะไรหน้าด้านหน้าทน ผู้ชายเขาไม่รักก็ยังจะพยายามทำอะไรที่มันไร้ค่า ไม่มีศักดิ์ศรี
ก็นั่นแหละ สุดท้ายแล้วฉันก็ยอมแพ้ต่อความเฉยชาของเขา
ยอมแพ้ผู้หญิงที่อยู่ในใจเขา ฉันยอมเดินถอยออกมา ยอมคืนอิสรภาพให้เขา เขาจะได้ไปตามหาผู้หญิงคนนั้นโดยที่ไม่ต้องมาเกรงใจพ่อแม่ของฉันอีกต่อไป
ฉันไปเรียนต่อต่างประเทศหลังจากที่ตัดสินใจหย่ากับดิน แล้วจากนั้นไม่นานฉันก็ต้องบินกลับมาเพราะน้องชายฝาแฝดของฉันจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ จบงานศพน้องชายฉันก็บินกลับไปเรียนต่อ เมื่อตอนงานศพของหวาย ฉันยอมรับเลยว่ายังทำใจที่จะเห็นหน้าของดินไม่ได้ เท่าที่ได้ฟังมาจากเพื่อน ๆ ฉันก็ได้รู้ว่าเขาตามหาผู้หญิงคนที่เขามารักตลอด จริงอยู่ที่ผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงของนาฟ นาฟเป็นเพื่อนของฉันและดิน แต่เรื่องของหัวใจ ใครก็ห้ามไม่ได้ไง ก็ดินรักคนดี และฉันก็ส่วนเกินที่เข้าไปขัดความสุขของดิน
มาลองย้อนคิดดู ถ้าวันนั้นฉันไม่ทำเรื่องนั้นกับดิน ดินก็อาจจะมีความสุขกับคนดีไปแล้ว
ผิดที่ฉันเลวเอง ฉันมันเห็นแก่ตัว
แปะ!
“โอ๊ย อะไรของแกญ่า ตีหน้าผากฉันทำไม” ฉันหลุดจากวังวนเรื่องเก่า ๆ ในอดีตของหลายปีที่แล้วเมื่อญ่าเพื่อนของฉันยื่นมือมาตีที่หัวเหม่ง
“คิดถึงอดีตขม ๆ อยู่หรือไง เรียกตั้งนานละไม่หัน”
“เปล่า แล้วคือไร คุยกันถึงไหนแล้วนะ” ฉันกลับมาโฟกัสที่เพื่อนทั้งสองคน เราสามคนเป็นเพื่อนที่สนิทกัน มีอะไรก็เล่าให้ฟัง ปรึกษากันตลอด
ล่าสุดญ่ามันก็เพิ่งจะมีแฟน มาถามฉันกับฟองว่าจะคบดีไหม ฉันกับฟองก็บอกไปว่า ‘เรื่องของหัวใจจะให้คนอื่นมาตัดสินได้ไง’
ญ่าก็ย้อนกลับมา ‘คนอื่นที่ไหน พวกแกคือคนสำคัญของฉัน ถ้าพวกแกไม่เห็นด้วย ฉันก็ไม่คบ’
ฉันกับฟองก็เลยบอกไปว่าเห็นด้วยมาก ๆ ญ่านางก็เลยตัดสินใจคบ โดยที่นางก็เล่าว่าผู้ของนางดีมาก เอาใจใส่นางทุกอย่าง ตามใจนางตลอดและรักนางมาก ๆ
เพื่อนได้เจอคนดีฉันก็ดีใจกับเพื่อนด้วย
“ก็ฉันถามแกว่าคืนนี้จะเลี้ยงต้อนรับแกกลับมา แกจะโอเคไหม หรือว่าเพลียอยากพัก” ญ่าพูด
“ไม่ต้องเลี้ยงหรอก พวกแกมีอะไรก็ไปทำเถอะ อย่าทำให้มันใหญ่โตนักเลย ฉันว่าจะนอนอยู่ห้องนี่แหละ” ฉันอยู่ห้องของฉัน เป็นคอนโด ฉันไม่กลับบ้านเพราะไม่ลงรอยกับพ่อตั้งแต่ที่ตัดสินใจหย่ากับดิน
พ่อบอกว่าฉันมันเด็กเอาแต่ใจ ทำอะไรไม่คิดถึงหน้าผู้ใหญ่ ทำเหมือนเด็กอยากได้ของเล่น พอถึงเวลาเบื่อก็ทิ้งขว้าง
ฉันก็ไม่เถียงนะ เพราะที่พ่อพูดมามันก็เรื่องจริงทั้งนั้น พ่อก็รู้ว่าดินไม่ได้รักฉัน แต่พ่อบอกว่า ‘ชีวิตคู่มันก็แบบนี้ทั้งนั้น ต้องรู้จักอดทนอดกลั้น เมื่ออีกฝ่ายร้อนอีกฝ่ายต้องเย็นและต้องรู้จักเข้าใจกันและกัน เหมือนที่พ่อแม่พยายามปรับตัวเข้าหากันมาตลอด คู่ชีวิตคือการเรียนรู้กันและกันไม่มีที่สิ้นสุด’
มันก็เป็นประโยคคำพูดที่ค่อนข้างดูดีนะ เหมาะสำหรับคนโลกสวย ต่างจากฉันที่เป็นคนสู้จนถึงขีดจำกัดและเมื่อทำสุดความสามารถแล้วไม่ได้อะไรกลับมาฉันก็จะถอย ไม่คิดจะกลับไปยุ่งกับของเก่า ๆ อีก
ของเก่าบางชนิดมันยากที่จะเก็บมารีไซเคิลไง
“เอางั้นเหรอ” ฟองมองหน้าฉันและถาม
“อืม พวกแกไปทำงานเถอะ อย่าทำเหมือนว่าฉันดูแลตัวเองไม่เป็น ที่นี่เมืองไทย และฉันก็เกิดในประเทศไทย ไปอยู่ต่างประเทศแค่สองปี ฉันไม่ได้ลืมถนนหนทางที่นี่หรอกจ้ะ” ฉันพูดแกมประชด ทำมาเป็นห่วงฉันทั้งที่พวกนางสองคนก็มีงานค้างอยู่
“จ้า ๆ พวกฉันลืมไปว่าแกมันเก่ง งั้นฉันกลับก่อนนะ มีอะไรโทรมาแล้วกัน” ญ่าพูดและเดินมากอดฉัน
“อืม”
“งั้นฉันถ่ายงานแล้ว จะรีบกลับมาหานะ” ฟองคว้ากระเป๋าเตรียมออกจากห้องของฉันบ้าง
“ไม่ต้องหรอก ฉันอยู่คนเดียวได้ แกถ่ายงานแล้วก็พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้มีถ่ายแต่เช้าไม่ใช่เหรอ”
“อ่า ๆ เอางั้นก็ได้”
ฉันเดินมาส่งเพื่อนที่หน้าประตูห้อง ฟองเธอเป็นนางแบบและนักแสดงฟองเป็นคนมีชื่อเสียง ญ่านางเป็น AE อยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่ง
ส่วนตัวฉันก็ยังไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกัน อยู่ในสภาวะที่คิดอะไรไม่ออก ยังหาจุดหมายในชีวิตตัวเองไม่ได้
เรียกง่าย ๆ ก็คือคนเลื่อนลอยเอื่อยเฉื่อย จับจุดที่อยากจะทำอะไรบางอย่างด้วยความจริงจังยังไม่ได้ อาจจะเพราะมีปัญหาหลายอย่างที่ยังไม่เคลียร์ ฉันก็เลยยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจลงมือทำงานอย่างจริงจัง
กลัวว่าถ้าลงมือทำแล้วต้องชะงักกลางทาง