Prologue
Prologue
“จันทร์! รับไว้” สิ้นเสียงพี่ชา แค่นั้นกระเป๋าสีดำใบกระทัดลัดก็ลอยละลิ่วมาเข้ามือน้อยๆของจันทร์รดาแบบไม่ทันตั้งตัว เกือบรับไม่ทันแน่!!
“แล้วมันอะไรกันอ่ะคะพี่ชา”
“ไม่ต้องถาม! วิ่งก่อนเลยไปเร๊ว วิ่ง!!” พี่ชาสั่งน้ำเสียงลุกลี้ลุกลน “ไปเร็ว อย่าให้พวกนั้นเอากระเป๋าไปได้” พี่ชาร้องบอกให้ดูชายร่างกำยำสองคนที่วิ่งกรูเข้ามาประชิดตัวพี่ชาเหมือนกับกำลังจะหาเรื่อง เอาอีกแล้วเหรอเนี่ย เที่ยวกลางคืนทีไรชอบมีเรื่องตลอดพี่ชาอ่ะ ไม่รู้ล่ะบอกให้วิ่งก็วิ่งก่อนแล้วกัน!!!
ชายร่างใหญ่สองคนเข้าประชิดตัวพี่ชาด้วยความรวดเร็ว แสดงอาการข่มขู่แต่มันก็ไม่ได้ทำให้พี่ชากลัวเลยแม้แต่น้อย
“ไง... ตามชั้นมาทำไมล่ะเพื่อน” พี่ชาถามเสียงเข้ม
“ส่งของมา!!” ชายคนหนึ่งออกคำสั่งแกมขู่บังคับจะเอาอะไรบางอย่างจากพี่ชา
“ของอะไรคร๊าบบบ ผมไม่ได้ขโมยอะไรออกมาจากพวกพี่นี่ครับผม” พี่ชาลากเสียงราวกับตั้งใจจะกวนอารมณ์
“ก็แกทำอะไรผิดกฎในร้านล่ะ ไม่รู้หรือไงที่เที่ยวที่นี่เค้ามีคนมีชื่อเสียงมาเที่ยวกันเยอะ พวกเค้าต้องการความเป็นส่วนตัว อะไรที่แกเอาออกมานั่นแหล่ะคือสิ่งที่แกต้องคืน”
“คืนอะไร ก็ผมไม่ได้เอาอะไรไปนี่ครับคุณ” พี่ชายังไม่เลิกกวน
“แกพูดแบบนี้ อยากมีเรื่องรึ?” เท่านั้นชายคนหนึ่งก็เข้าชาร์จหวังจะล็อคตัวพี่ชาไว้ แต่พี่ชาไหวตัวทันกระโดดหลบ
“พวกคุณไม่เห็นรึไง ผมนี่ก็มีแต่ตัว จะค้นกันมั๊ยล่ะ? แต่ถ้าไม่เจออะไรที่พวกคุณหา ผมแจ้งความคุณนะ ข้อหาหมิ่นประมาทหาว่าผมขโมยของน่ะ” พี่ชาเสียงเข้มเข้าใส่หวังทำใจดีสู้เสือไปอย่างนั้นเพราะลำพังสองลุมหนึ่ง เค้ายับแน่ๆ
“มันพูดจากวนไปแล้วว่ะ เอามันตรงนี้เลย ไม่ได้ของคืนก็ฝากรอยมันไว้ซะหน้าร้านนี่ล่ะ” ชายร่างกำยำการ์ดของสถานบันเทิงอดไม่ไหวตั้งท่าจะซัดพี่ชาเข้าจริงๆ
“ของอยู่ในกระเป๋าใช่มั๊ย ชั้นเห็นแกโยนส่งให้ผู้หญิงสวยๆที่มากับแกอ่ะ เธอหนีไปแล้วสิ” ชายร่างบึ้กหมายถึงจันทร์รดาน่ะ
“งั้นก็ลุยมันก่อนเลย” ว่าเสร็จทั้งสองก็รุดเข้าจะทำร้ายร่างกายพี่ชาจนต่างฝ่ายต่างตะลุมบอนออกแรงแลกหมัดเข้าสู้กันบริเวณหน้าร้าน จนเริ่มเป็นจุดสนใจคนเที่ยวแถวนั้นแต่ก็ไม่มีใครแสดงตัวเป็นพลเมืองดีออกมาช่วยใคร ฝ่ายจันทร์รดาก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งพาตัวเองออกมาจากย่านสถานบันเทิงไฮโซ ใจก็ห่วงรถที่จอดอยู่แถวหน้าร้าน เกิดเรื่องที่ไรเป็นอย่างนี้ทุกที พอเธอพ้นปากถนนจะได้เรียกแท็กซี่และตามคนมาช่วย ใครจะกล้าแจ้งตำรวจล่ะมีเรื่องในย่านนี้ต้องเอาผู้ใหญ่มาคุยถึงจะได้ คิดเพลินๆก็เหมือนมีใครตามเธอมา ทำเอาพะว้าพะวงคอยหันหลังกลับไปมองตลอดทาง
“อ๊ะ!!” ไม่ทันแล้ว ใครบางคนดักตัวเธอไว้ที่มุมหนึ่งของถนนก่อนที่จะพ้นย่านสถานบันเทิงแถวนั้น ทำเอาจันทร์รดาตกใจอุทานออกมาเสียงดังเนื้อตัวก็แทบสั่น เธอไม่เคยกลัวอะไรอย่างนี้มาก่อนเลยและเธอก็ไม่รู้ว่าพี่ชาไปก่อเรื่องอะไรทำไมเธอต้องรับผิดชอบกระเป๋าสีดำใบนี้และต้องหนี หนีแล้วก็หนี??
“จะรีบไปไหนฮะ?” คำถามภาษาอังกฤษจากชายร่างสูงโปร่ง แต่งตัวแบบผู้ชายเมทโทรเซกชวลสวมหมวกคลุมผมเหมือนเด็กฮิปฮอบและเค้าสวมแว่นตาดำแม้จะเป็นเวลากลางคืน! การแต่งตัวลึกลับของเค้านี่ล่ะที่ทำให้หญิงสาวหวาดกลัวเพิ่มขึ้นไปอีก
“คุณตามชั้นมา ต้องการอะไร?” จันทร์รดาทำเสียงเข้มถามขึ้นแววตาเขียวปั๊ดตั้งใจจะขู่เอาไว้ก่อน เพราะไม่รู้เค้าเป็นคนดีหรือคนเลว แล้วคนดีที่ไหนจะตามผู้หญิงมาอย่างนี้ คงเป็นพวกหื่นแถวหน้าตั้งหน้าตั้งตาหาเหยื่อแถวนี้ล่ะสิ!
“ผมตามมาเอากระเป๋าใบนั้น”
“อยู่ดีๆจะมาเอาไปทำไม นี่มันของๆ พี่ที่ออฟฟิศชั้นนะ”
“พวกคุณเป็นนักข่าวสินะ”
“คุณรู้ได้ยัง?”
“รู้สิฮะ ก็ผมเป็นคนที่แฟนคุณแอบถ่ายภาพผม ไว้ในกล้องนี้... ในกระเป๋าน่ะ” เค้าเงียบดูอาการหญิงสาวว่าจะแก้ตัวยังไง จัทนร์รดาได้ยินอย่างนั้นก็อึ้งตั้งสติ ปาปารัซซี่งั้นรึ แล้วพี่ชาปลีกตัวไปแอบถ่ายชาวบ้านเค้าตอนไหนล่ะเนี่ย? งง ทำอะไรไม่ปรึกษาเดือดร้อนกันไปเต็มๆ
“นั่นพี่ชา เพื่อนร่วมงานไม่ใช่แฟน พี่เค้าเพิ่งมาช่วยงานชั้น” ไม่รู้อะไรจริงยังจะพูดอีก
“นั่นล่ะ จะยังไงก็ช่าง ส่งแอร์การ์ดเมมโมรี่มา ผมไม่อนุญาตให้คุณเอาภาพผมไปเผยแพร่ฮะ”
“คุณเป็นใครกัน แล้วทำไมชั้นต้องให้คุณด้วย”
“ถือซะว่า ผมขอร้องดีๆฮะ เพราะถ้าเป็นเพื่อนผม มันจะไม่ขอคุณดีๆแบบนี้ เพราะร้านของมันเป็นส่วนตัวมากคุณแอบถ่ายดาราแบบนี้คุณก็ทำผิดกฎมากพอแล้ว” เขาอธิบายพูดไปพลางก็พาร่างโปร่งเบียดเข้ามาใกล้หญิงสาวทำเอาจันทร์รดาต้องถอยหลังเอาตัวเองให้ออกห่างเค้าไว้แต่ก็หนีไม่พ้นจนหลังติดกำแพง ตอนนี้ร่างโตเบียดเข้ามาใกล้จนแทบจะหายใจรดต้นคอได้อยู่แล้ว
“ขอผมคืนดีๆ เถอะนะ” เขาเอ่ยเสียงเรียบเฉยพลางถอดแว่นตาดำที่ปกปิดมาตั้งนาน ยิ่งเห็นหน้าจันทร์รดาก็ยิ่งนิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่
“ไงฮะ” เขาทวง จนหญิงสาวจำนนต้องยอมควักกล้องถ่ายรูปของพี่ชาและแกะแอร์การ์ดออกมาแล้วส่งคืนให้เค้า
“แต่ว่า.. มันไม่ได้มีแต่รูปคุณนี่นา มันไม่ยุติธรรมกับคนทำงานนี่ มันอาจมีงานที่พี่ชาถ่ายไว้เยอะแยะและกองบรรณาธิการรองานอยู่”
“งั้น.. ผมเอาไปลบรูปผมออก เสร็จแล้วจะรีบส่งคืนให้” เขายังมีน้ำเสียงเรียบเฉยไม่แคร์ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง
“แต่ว่าตอนนี้ คนของคุณคงกำลังทำร้ายพี่ชาอยู่ คุณได้สิ่งที่ต้องการไปแล้ว ช่วยบอกให้คนของคุณหยุดทำตัวนักเลงกร่างใส่คนของฉันบ้างได้แล้ว” จันทร์รดาฉุนใส่ขอออกคำสั่งบ้าง
“ที่คุณถอดมาให้ผม ผมชักไม่แน่ใจว่ามันใช่รูปทั้งหมดที่เพื่อนคุณถ่ายไว้รึเปล่า ส่งมาทั้งกระเป๋านั่นล่ะ” เขาสั่งเสียงเข้ม
“เอ๊ะ คุณนี่ยังไงนะพี่ชาเค้าไม่มีการ์ดสำรองหรอก ฉันรู้นิสัยเขาดี อีกอย่างคุณยังไม่ดังมากมายอะไรในเมืองไทยหรอก ลงข่าวไปไม่รู้จะขายได้รึเปล่าเลย อย่ามาทำนิสัยอย่างนี้นะ” จันทร์รดาแว๊ดเสียงใส่ จะด้วยความรำคาญรึก็ใช่ เค้าเห็นท่าทางดุดันของหญิงสาวก็อดขำไม่ได้จึงแกล้งเบียดตัวเข้ามาใกล้จนเธอถอยหลังร่นไปอีกจนล้มลงแทบหงายหลังดีที่เค้าคว้าร่างบางไว้ทัน
“นี่.. นายจะทำอะไรเนี่ย”
“ก็เห็นอยู่ว่าคุณจะล้มลงหงายหลังนี่ผมช่วยคุณไว้นะ ไม่ได้อยากจะแตะต้องตัวคุณนักหรอก ดุยังกะอะไร” เค้าว่าท่าทางยียวน
“....” จันทร์รดาเงียบ อึ้งกำลังคิดว่าจะจัดการยังไงกับตัวเอง
“เกิดอะไรขึ้น?” เค้าถามมือที่หนึ่งก็ประคองร่างบางไว้ มืออีกข้างที่ถือการ์ดความจำอยู่ก็ล้วงเข้าไปเก็บในกระเปากางเกง
“รองเท้าฉัน..... โธ่เอ้ย! ดูสิส้นมันหักน่ะ” จันทร์รดาตอบเสียงเบาใจรึก็อยากร้องไห้ทั้งเสียดายทั้งเจ็บใจ คำตอบทำให้เค้าหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“หัวเราะเยาะฉันเหรอ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะคุณนั่นแหล่ะ” จันทร์รดาโวยวายป้ายความผิด ดูซิแล้วจะเดินกลับไปหาพี่ชายังไงล่ะเนี่ย ป่านนี้โดนอัดหน้ายุบไปแล้วมั้ง “คุณได้ของไปแล้วก็โทรไปห้ามคนของคุณซี่ ว่าอย่าทำอะไรพี่ชา หยุดกันได้แล้ว” จันทร์รดายังโวยวายเสียงดังได้อยู่
“โอเคๆ” ว่าแล้วเค้าก็ต่อมือถือถึงปลายสาย “ปุณณ์นะ ฉันได้เมมการ์ดแล้ว ไงก็อย่าเพิ่งซ้อมหมอนั่นล่ะ กำลังจะกลับเข้าไปแล้ว พร้อมสาวสวย” เขาวางสายสายตาก็เจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่ม ทำเอาจันทร์รดาอดไม่ได้ที่จะด่าในใจซะให้สา “มองหน้าฉันทำไมอีตาตี๋บ้า หน้าฉันเหมือนญาติแดนกิมจินายนักรึไง”
“โอ๊ย... แล้วนี่ชั้นจะเดินยังไงล่ะเนี่ย?” หญิงสาวโวยวายร้องลั่นทำเอาคนแถวนั้นต้องหยุดมองแต่ก็ไม่ได้สนใจเพราะคงแฟนคู่รักหนุ่มสาวที่เง้างอนกันปกติทั่วไป
“เอางี้” เขาเสียสละด้วยการถอดรองเท้าผ้าใบออกให้หญิงสาวใส่พลางๆ ระหว่างทางที่ต้องเดินกลับไปที่ร้านสถานบันเทิงที่เกิดเรื่อง
“ไซค์มันใส่ด้วยกันได้ที่ไหนเล่า ดูเท้าคุณสิ” ยังไม่เลิกโวย
“ก็ดีกว่าคุณเดินเท้าเปล่านี่ รึอยากจะให้ผมอุ้ม” เค้าไม่เลิกกวนประสาท จันทร์รดารำคาญถอดรองเท้าส้นสูงของตัวเองที่ข้างหนึ่งส้นหักไม่มีชิ้นดีแล้วก็สวมเท้าเรียวบางที่ขนาดเล็กเหลือเกินเข้าไปในรองเท้าของเค้า แต่มันก็พอเดินได้แต่ไม่คล่องนักเพราะมันหลวมและเหลือ จากนั้นเค้าก็ก้มลงหยิบรองเท้าของหญิงสาวขึ้นถือให้ ส่วนเค้าดีที่มีถุงเท้าอีกชั้นเดินระหว่างตรงนี้กลับไปร้านก็คงไม่ทำให้เจ็บเท้าเท่าไหร่
“อย่าคิดนะ ว่าทำแค่นี้ฉันจะหายโกรธคุณน่ะ”
“งั้นต้องทำไงอีกล่ะถึงจะพอ กระชากกล้อง ทำลายกล้อง เหมือนดารานักร้องคนอื่นทำกับนักข่าวเรอะ”
“คุณมีความคิดอย่างนั้นเหรอ ก็ลองสิฉันจะอัพรูปของคุณขึ้นทวิตเตอร์ให้มันเป็นข่าวนาทีนี้เลย” จันทร์รดาขู่ฟ่อ
“นั่นไง คุณก็แอบถ่ายผมไว้เหรอ”
“นี่ อย่าเข้ามาใกล้นะ ไม่งั้นชั้นอัพโหลดขึ้นทวิตเตอร์แน่ๆ ไว้ถึงร้านแล้วแน่ใจว่าพี่ชาปลอดภัยไม่น่วมหน้ายับล่ะก็ชั้นถึงจะลบรูปคุณ” จันทร์รดาเสียงเข้มเข้าขู่มือรึก็ชูมือถือแบล็คเบอร์รี่เป้นหลักฐานว่าจะทำจริง มีที่ไหนล่ะอีตาบ้าเอ๊ย ฉันก็ขู่ไปงั้นแหล่ะ จันทร์รดาบ่นในใจส่วนเท้ารึก็เดินตามต้อยๆ พี่ชานะพี่ชาจะปาปารัซซี่แอบถ่ายดาราก็ไม่บอกไม่กล่าวไม่ปรึกษา ดูสิให้เค้าตามล่าได้ อีตานี่มันนักร้องซุปเปอร์สตาร์เกาหลี สังกัดเค้าถนอมยังกะไข่ในหิน
ช่างไม่รู้อะไรเล้ย.... พี่ชา!!
++++++++++++
โปรดติดตามต่อด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ