บทนำ
คืนฝัน วันร้าย
จะบอกว่าวันนี้เป็นวันที่เฟื้องฟ้าเหนื่อยที่สุดนับตั้งแต่เกิดมาก็ว่าได้... เพราะเมื่อเลิกงานจากการเป็นพยาบาลตอนห้าโมงเย็นแล้วเธอไปรับจ๊อบพิเศษดูแลเด็กฝาแฝดลูกของเพื่อนเธอจนถึงห้าทุ่มเพราะว่าพ่อแม่ของเด็กต้องไปงานเลี้ยง
การรบรากับเด็กชายวัยสองขวบที่กำลังซนสุดขีดสองคนทำให้เธอหมดเรี่ยวแรงไปมหาศาล หากว่าพรุ่งนี้ไม่ใช่วันหยุดของเธอ เฟื่องฟ้าก็ไม่รู้ว่าเธอจะทำอย่างไรถึงจะไปทำงานได้ไหว พอเลิกงานกลับมาบ้านก็เจอวงเหล้านายช่างวิศวะเพื่อนร่วมงานของบิดาหน้าบ้านอยู่เหมือนเดิมคราวนี้ไม่รู้ฉลองอะไรกันถึงได้พากันอยู่ดึกนัก
วันนี้เธอไม่มีอารมณ์ทำกลับแกล้มให้เหมือนทุกวันและเห็นว่าดาวเรืองน้องสาวเธออยู่ทำให้แล้วจึงเลือกที่จะขึ้นมาที่ห้องของตนเองแล้วอาบน้ำให้เรียบร้อยเตรียมพักผ่อนเพราะรู้ได้ว่าร่างกายมีอาการเหมือนแพ้อากาศเพราะบ้านของเด็กฝาแฝดปูพรมทำให้เธอคัดจมูก หญิงสาวจึงค้นหายาแมกซิเฟตมาทานก่อนนอนเพื่อบรรเทาอาการ...
ในค่ำราตรี ความง่วงงุนกัดกิน ความเหนื่อยล้า บวกฤทธิ์ยาทำให้เธอหลับลึกฝันแปลกประหลาดเหมือนกับทุกคราที่ทานยาชนิดนี้... หมอที่เคยทำงานด้วยกันเคยบอกเฟื่องฟ้าว่ายาลดการคัดน้ำมูกชนิดนี้หากทานแล้วก็จะง่วงมาก ยามที่ฝันจะฝันแบบแฟนซี คือ เคลิบเคลิ้มเหมือนล่องลอยอยู่ในดินแดนมหัศจรรย์ จึงมีบางคนเอายาชนิดนี้ไปทำเป็นสารตั้งต้นยาเสพย์ติด เฟื่องฟ้าก็คิดว่าไม่แปลกเพราะทานยานี้ทีไรเธอก็ฝันเคลิ้มไม่รู้ตัวทุกที... อนุมานไปเองว่าตอนที่คนเมายาก็คงมีอาการแบบนี้...
แต่รอบนี้ในความฝันอันเรือนรางของเธอ มันดูแปลกไปกว่าทุกครั้ง... เธอฝันว่ามีคนมาคุยด้วย... พยายามดึงเสื้อผ้าของเธอออก ในฝันเธอพยายามลืมตามองหน้าคนคนนั้นแล้วก็เผลอสะดุ้งวาบเมื่อเห็นว่าเป็นวิศวกรที่ปรึกษาจอมเย่อหยิ่งคู่ปรับของเธอ... โชคดีที่มันเป็นแค่ความฝันเจอหน้าก็หลับตาเพื่อหลบหน้าไม่ต้องมองเห็นให้ขัดหูขวางตาได้...
ยอมรับว่าการฝันครั้งนี้ไม่ได้แฟนซีเหมือนทุกครั้งที่ทานยาแก้หวัด มันเป็นฝันร้ายชัดๆ ที่ฝันเห็นนายอาชว์ คนที่เธอเกลียดที่สุด แถมในฝัน เขายังมายุ่มย่ามวุ่นวายกับเนื้อตัวเธอ กระชากเสื้อผ้าออกจากเรือนกายเธอแล้วปลุกปล้ำ จาบจ้วงแตะต้องร่างกายเธออย่างอุกอาจและทำให้เธอเจ็บ
เขาเป็นคนที่เธอเกลียดในโลกแห่งความจริง มาเจอในความฝันว่าเป็นฝันร้ายแล้ว ยังตามมาข่มขืนเธอในความฝันได้อีก ถึงผลข้างเคียงของยานี่อาจจะทำให้เธอประสาท หรือไม่ก็เธอฝันร้ายเองก็ตาม แต่เฟื่องฟ้าสัญญาได้ว่าเธอจะไม่ทานยาแก้หวัดชนิดนี้อีก...
ถ้ามันทำให้เธอฝันร้ายซ้อนฝันร้ายได้ขนาดนี้ ขอยอมน้ำมูกล้นจมูกตายดีกว่า
เสียงเอะอะมะเทิ่งนอกห้องนอนทำให้เฟื่องฟ้าที่อยู่ในห้วงนิทรารู้สึกตัวและปิดตาลงอีกครั้งเพราะยังต้องการพักผ่อนต่อ เธอดึงผ้ามาปิดหูแล้วเสียงก็ยังดังเข้าโสตประสาทอยู่... เสียงครวญครางดังขึ้นจากลำคอเธอเมื่อเธอค้นพบว่าการขยับตัวแต่ละครั้งนั้นทิ้งความเจ็บปวดไว้ให้ โดยเฉพาะช่วงกลางลำตัว...
เธอมีแผลตรงไหนหรือเปล่านะ... เอ แต่จะมีได้อย่างไรกันล่ะ ในเมื่อเธอนอนหลับฝันอยู่... แม้จะฝันร้ายว่าโดนข่มขืนก็ตามที... เฟื่องฟ้าคิดสาระตะแข่งกับความง่วงของตนเอง... แล้วเธอก็เบิกตาโพลง เหมือนโดนกระชากวิญญาณออกจากห้วงนิทรา...
เมื่อคืนเธอฝันว่าโดนข่มขืน และตื่นเช้ามาแล้วรู้สึกเจ็บที่ตรงนั้น ตรงกลางของร่างกาย...
“หรือว่าจะไม่ใช่ฝัน” เสียงหวานพึมพำแล้วลุกขึ้นนั่ง... ไม่สนเสียงเอะอะข้างนอกเพราะเธอเบิกตากว้างกับสภาพเปล่าเปลือยมีเสื้อผ้าปิดคลุมแค่ไม่กี่ชิ้น เสื้อผ้าของเธอโดนฉีกทึ้งจากร่าง... การที่รู้จักร่างกายมนุษย์ได้ดีเพราะว่าวิชาชีพที่เรียนทำให้เธอใจหายวาบเมื่อรู้สึกได้ว่าสิ่งที่เกิดในฝันเมื่อคืน มันเกิดขึ้นจริงกับเธอ...
หญิงสาวชาวาบไปทั้งตัว.. ยิ่งดวงตาปรายไปมองเห็นรอยเปื้อนเลือดหย่อมเล็กๆ บนเตียงแล้วยิ่งสะท้อนสะท้านใจ... พรมจารีย์ของเธอ มันหายไปเพราะเขาจริงๆ หรือไงกัน..
สายตากวาดไปเห็นกระเป๋าสตางค์หนังสัตว์แบรนด์เนมสีดำสนิทตกอยู่ข้างเตียง เฟื่องฟ้าพยายามขยับไปจับมันมาเปิดดู... แน่ใจได้ว่ามันคือของผู้ร้ายที่ข่มขืนเธอไปเมือคืนแน่ๆ ...
เมื่อกระเป๋าถูกเปิดออก นามบัตรสีขาวกระดาษเนื้อดีขลิบทองก็ร่วงหล่นจากกระเป๋า สายตามัวๆ ของเฟื่องฟ้าเหลือบมอง... มือสั่นระริกชื้นเหงื่อเมื่อปรายตาไปมองชื่อบนนามบัตรนั้น...
นาย อาชว์ อาชวสกุล
วิศวกรที่ปรึกษา บริษัทตรีภูวัน คอนสตรัคชัน
ชื่อและตำแหน่งบนนามบัตรทำให้เธอหนาววาบ... มือขาวซีดเปิดกระเป๋าสตางค์ออกมาดูเพื่อความแน่ใจ แล้วเธอก็ต้องผงะกับสิ่งที่เห็น
ใบหน้าหล่อเหลาแต่เรียบนิ่งดุจน้ำแข็งดวงตาคมวับในรูปนั้นทำให้กระเป๋าสตางค์แทบหล่นจากมือของเธอ... มันเป็นเขาจริงๆ ไม่ใช่แค่ฝัน... เขาข่มขืนเธอจริงๆ
ริมฝีปากบางเม้มแน่น... เสียงกรีดร้องจากนอกห้องนอนกระชากเธอให้ตื่นจากภวังค์ ข้างนอกเกิดเรื่องอะไรกันแน่... เฟื่องฟ้าตั้งสติ รีบสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วพยายามลืมความรู้สึกเจ็บปวดในส่วนที่ล้ำลึกของร่างกายวิ่งออกไปดูสถานการณ์ข้างนอกเพราะคลับคล้ายคลับคลาว่าเสียงกรีดร้องนั้นคือเสียงของดาวเรืองน้องสาวเธอ...
เฟื่องฟ้าวิ่งออกมายังต้นเสียงที่เสียงร้องหายไป แต่เสียงคนพูดกันยังได้ยินชัดเจนอยู่... ต้นทางของการทุ่มเถียงนั้น เมื่อเธอโผล่หน้าเข้าไป ทุกคนต่างก็หยุดชะงัก... แม้แต่เธอเองก็หยุดชะงักเช่นกัน...
“พี่ฟ้า... ทำไมเหมือนถูกหมาฟัดมาอย่างนั้น... แต่ช่างเถอะ มาช่วยกันห้ามพี่ภาวันที”
นายเข้ม กับนางมะลิอ้าปากค้างเมื่อเห็นลูกสาวมีสภาพสะบักสบอมแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเพราะเจ้าตัวนั้นดูแลตัวเองเป็นอย่างดี... แต่ก็นั่นแหล่ะ ไม่มีใครสนใจเฟื่องฟ้านัก ทุกคนมีเรื่องใหญ่กว่าให้สนใจ... และเฟื่องฟ้าก็สนใจเหมือนที่ทุกคนสนใจเช่นกัน...
วัตถุที่มีกระสุนปลิดชีพสีเงินวาวในมือของภาวันคู่หมั้นของดาวเรืองถูกลงชี้ตรงไปที่อาชว์ โดยมีดาวเรืองคอยยืนอยู่ไม่ห่างจากอาชว์เหมือนจะห้ามปรามแฟนหนุ่มไม่ให้ยิง แต่ก็ไม่ได้อาจหาญพอที่จะยืนขวาง...
“นี่มันอะไรกันภาวัน” เฟื่องฟ้าถามคู่หมั้นน้องสาว... คนที่เอาปืนจี้หน้าอาชว์น่าจะเป็นนายเข้มบิดาเธอมากกว่าเพราะว่าไอ้คนบ้าหน้าตาย หน้านิ่งได้ไม่กลัวตายแม้ปืนจ่อหัวอยู่นั่นข่มขืนลูกสาว แล้วมันเรื่องอะไรกันที่นายภาวันเอาปืนจ่อหัวเขา...
“ก็ผมเห็นกับตาว่าไอ้นี่มันเข้าทางห้องดาวเรือง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ามันไปนอนกับดาวเรือง... ไอ้เลวเอ๊ย หน้าตายแบบนี้มึงทำจริงเถียงไม่ออกใช่ไหม มึงไม่ตายอย่าเรียกกูภาวันเลย ดาวเรืองถอยไปถ้าไม่อยากโดนลูกหลง”
“อย่านะพี่ภาวัน ดาวเรืองบอกแล้วว่าไม่ใช่ก็ไม่เชื่อ ไม่รู้จะพูดว่าอะไรอีกพี่คิดจะฆ่าคนได้ยังไง ใจเย็นๆ เถอะ พี่เข้าใจผิดนะ”
เสียงดาวเรืองบอกคู่หมั้น นายเข้มเอง นางมะลิเองก็คอยห้ามปรามให้ตกลงกันก่อน ดูเหมือนทุกคนจะห้ามปรามภาวัน ยกเว้นอาชว์เองที่ไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ เอาแต่ยืนนิ่งอยู่...
เฟื่องฟ้ามองกระเป๋าสตางค์ในมือของตัวเองที่เธอคงไม่มีสติดีนักตอนสวมชุดเมื่อจะออกมาจึงถือออกมาด้วย...
ว่าที่น้องเขยเธอเป็นคนนิสัยมุทะลุ เป็นนักเลงหัวไม้ ที่มีคดีตีรันฟันแทงไปทั่ว บารมีของบิดาทำให้ภาวันทำอะไรไม่แคร์กฎหมาย... ไม่ต้องเดาก็รู้ใจไอ้หมอนั่นว่ามันกล้าเหนี่ยวไกลยิงอาชว์แน่... เฟื่องฟ้ากัดริมฝีปาก
เธอควรช่วยเขาดีไหม... ควรบอกทุกคนไปหรือไม่ว่าคนที่อาชว์บุกเข้าหาที่ห้องคือเธอ หรือว่าจะปล่อยให้เขาถูกยิงตายเพื่อให้ทุกอย่างเป็นความลับไปตลอดกาล
........................
ขอฝากนิยายเรื่องสะใภ้นอกทำเนียบด้วยนะคะ
เม็ดแตงโม