มื้อค่ำง่าย ๆ ผ่านไปด้วยอาหารกระป๋องจากที่ทีมงานเตรียมมา ห้องน้ำชั่วคราวถูกสร้างขึ้นสำหรับทีมงานและกลุ่มสาว ๆ
"พี่ ห้องน้ำนี่ถ้าเกิดพวกเราข้ามไปฝั่งโน้นล่ะ เขาจะตามไปสร้างให้เราด้วยมั้ย"
มณนิชาถามขึ้นมาหลังจากที่ทุกคนได้อาบน้ำที่ห้องน้ำบนเรือ และทานมื้อค่ำที่มีปลากระป๋องและพวกขนมปังทาแยมง่าย ๆ ก่อนนั้นก็ถูกพี่หมอกิ่งเตือนไว้ให้ทานกันแค่กันหิวอย่าทานเยอะ เพราะเราอยู่ในที่ลำบากหากเกิดท้องเสียหรือปวดท้องเข้าห้องน้ำบ่อยมันจะไม่ดี พวกเธอเลยพากันกินขนมปังกันไปคนละสองสามแผ่นเท่านั้น
"อันนี้พี่ก็ไม่รู้นะ เพราะไอ้ที่เขาสร้างชั่วคราวเขาขุดหลุมแล้วใช้ถังใหญ่แทนท่อฝังลงในดิน จากนั้นก็เอาโถสำเร็จวางประกบกับท่ออ่ะ ถ้าข้ามไปอีกฝั่งเขาจะเอาถังที่ไหนตามเราไปด้วย เพราะมันไม่น่าจะจอดเรือได้นะ"
กรนันท์เอ่ยขึ้นให้แต่ละคนเริ่มมีสีหน้ายุ่งเหยิง มองเห็นความลำบากมากกว่าการปีนเขาซะอีก
"สงสัยงานจะเข้า กลายเป็นคนป่าจริง ๆ ละมั้งคราวนี้ คงได้ขุดหลุมถ่ายแบบสมัยไม่มีส้วมอ่ะ"
กัณภัคพูดขึ้นมาให้แต่ละคนยิ้มแทบไม่ออก คือก็เข้าใจนะ ว่าถ้าเกิดชีวิตจริงต้องติดกลางทะเลแบบนี้ห้องน้ำไม่มี มันก็ต้องแก้ปัญหาแบบนั้นอย่างเดียว
"เอาเถอะ ถ้ามันต้องเป็นแบบนั้นจริง ๆ ก็ทน ๆ ลำบากกันแค่เจ็ดวันนะ ไหน ๆ พวกเราก็มาถึงขนาดนี้แล้ว หวังว่าจะไม่มีใครท้องเสียจนวิ่งเข้าป่ากันทั้งวันทั้งคืนนะ"
กิ่งกานต์เอ่ยขึ้นมาขำ ๆ พอนึกสภาพแล้วก็ให้สยองอยู่เหมือนกัน ลำพังปวดเบาคงไม่เท่าไหร แต่ถ้าปวดหนักนี่คงลำบากกันหน่อยล่ะ
จึก ๆ ชาลิศาหันมามองคนที่เอานิ้วมาจิ้มแขนเธอ
"อะไร?"
"เจ๊ ไหวป่ะ แบบถ่ายไม่มีห้องน้ำอ่ะ เค้าเป็นห่วง"
มณนิชากระซิบถาม ก็นะอย่างเธอน่ะมันคนบ้านนอกคอกนา บางครั้งไปป่าไปเขาไม่มีห้องน้ำก็ต้องแก้ปัญหาเอาตัวรอดได้ แต่คุณดารานี่สิเคยหรือเปล่า
"ถ้ามันจำเป็นฉันก็ต้องทำได้ แต่เธอต้องเข้าป่าไปคอยเฝ้าฉันด้วยนะ"
"เหวอ ^@^ เจ๊ไม่อายฉันเหรอ"
"อย่ามาทะลึ่ง ฉันให้ไปเฝ้าเป็นเพื่อนไม่ได้ให้ไปดูฉันปลดทุกข์"
"แหะ ๆ ก็ได้ ๆ ไหน ๆ บัดดี้ ก็ต้องไปไหนด้วยกันอยู่แล้วนี่เน๊อะ"
"ขอบใจย่ะ"
มณนิชาฉีกยิ้มให้คนที่เอ่ยคำขอบคุณ เวลาไม่กวนประสาทเจ้าเด็กนี่มันก็น่ารักดีหรอกมีน้ำใจดี ชาลิศาคิดในใจ
"พรุ่งนี้เช้าที่เขาเริ่มถ่าย ตามชายหาดที่เราเดินเมื่อตอนเย็นทุกคนเห็นใช่มั้ยคะว่ามันมีเศษซากขยะมากมาย เพราะฉะนั้นเราต้องเก็บของที่อาจจะใช้เป็นประโยชน์ได้ติดตัวกันไปด้วย อย่างพวกขวดน้ำ เชือกอะไรพวกนี้เราคงได้ใช้มันแน่"
อัญญาวีเตือนให้ทุกคนรับรู้ถึงสิ่งสำคัญ ที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อการติดเกาะครั้งนี้ เมื่อวางแผนเตรียมความพร้อมเสร็จก็พากันแยกย้ายพักผ่อน ไม่มีนาฬิกา ได้แต่กะเวลาคร่าว ๆ กันเอาเองว่าตอนนี้ก็คงจะสามสี่ทุ่มไปแล้ว
"นี่คุณ คุณแบ่งเสื้อผ้ามาใส่เป้ฉันไว้เลย พรุ่งนี้เราไม่มีเวลาเตรียมอะไรแล้วนะ"
"ไม่เป็นไรหรอกฉันไหวน่ะ มันไม่ได้หนักขนาดนั้นหรอกคุณ"
เนย่าบอกออกไป
"ไม่หนักอะไรฉันลองยกดูกล้ามแทบขึ้น แบ่งมาเถอะน่าช่วย ๆ กัน เอาชุดชั้นในมาก็ได้"
ป๊าบ โอ๊ะ ฝ่ามือบางฟาดเข้าต้นแขนอีกคนด้วยความหมั่นไส้
"นี่คิดอะไรแต่ละอย่างโรคจิตจริง ๆ เลยนะคุณนี่ งั้นคุณมาแบกกระเป๋าฉัน ฉันจะแบกของคุณแทนโอเคมั้ย ขี้เกียจแบ่ง"
"ห๊า! เอางั้นเลยเหรอคุณมันหนักนะ"
"เอาแบบนั้นแหละ คิดจะจีบกันก็หัดทำตัวเป็นหญิงเหล็กหน่อยนะคะคุณนักแข่ง"
ได้ทีเนย่าก็ตอกกลับด้วยรอยยิ้มสะใจที่ได้แกล้งอีกฝ่าย
"อ้อ นี่คุณเตรียมการมาพิสูจน์รักแท้กับฉันเหรอเนี่ย ฉันแบกเป้คุณก็ได้นะ แต่คืนนี้ขอนอนกอดหน่อยแบบติดหมอนข้างอ่ะ ไม่มีอะไรกอดนอนไม่หลับ ถ้านอนไม่หลับพรุ่งนี้ฉันไม่มีแรงลุยป่าปีนเขาแน่ ๆ เลยคุณ"
"อุ๊ย! คุณนี่มันจอมฉวยโอกาสจริง ๆ เลยนะ"
เนย่าอุทานขึ้นเพราะตกใจที่จู่ ๆ อีกฝ่ายก็รั้งเธอลงนอน พร้อมกับอ้อมแขนที่กอดกระชับแน่นแทบกระดิกไม่ได้
"จุ๊ ๆ นอนค่ะนอน อากาศตอนดึกเย็นจะตายกอดแบบนี้แหละอุ่นดีออก"
คำพูดของทั้งสองไม่ใช่ว่าทุกคนไม่ได้ยิน แต่ไม่มีใครเอ่ยขัดขึ้นมาต่างหาก ได้แต่แกล้งนอนแต่ก็พากันอดยิ้มขำกับความเจ้าเล่ห์ของนรากรไม่ได้ ส่วนคนเจ้าเล่ห์ก็หลับตายิ้มกริ่มในความมืด ที่มีเพียงแสงดาวคลอแสงจันทร์ พร้อมเสียงคลื่นสาดซัดเห่กล่อมให้หลับไหล
เพียงแค่ท้องฟ้าเริ่มขมุกขมัวเสียงเป่านกหวีดแทนนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้น ให้สาว ๆ ที่กำลังหลับไหลสะดุ้งตื่นไปตาม ๆ กัน
"ทุกคนตื่นเตรียมตัวกันได้แล้วนะคะ"
เสียงเรียกภายนอกเต๊นท์ของทีมงานหญิงดังขึ้น
"อือ กี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย"
เสียงงัวเงียขยับตัวพึมพำถามไถ่ ก่อนที่กัณภัคจะเปิดม่านที่ปิดแทนประตูออก เห็นเพียงภาพลาง ๆ ของยามเช้าตรู่ ลมเย็นหอบเอากลิ่นน้ำทะเลพัดผ่านมาสัมผัสทันที ที่โผล่หน้าออกจากที่พัก
"น่าจะตีห้ากว่า ๆ นะคะ แสงยังไม่มาเลย"
"ทุกคนตื่นล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้วมาทานมื้อเช้ากันนะคะ รายการจะเริ่มถ่ายทำตอนเจ็ดโมงตรงค่ะ"
ทีมงานหญิงคนเดิมเดินเข้ามาแจ้งอีกครั้ง พร้อมส่งยิ้มทักทายผู้เข้าแข่งขัน
"นี่เธอกินเยอะไปหรือเปล่า เดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก"
ชาลิศาอดทักเด็กป่วนไม่ได้ ก็มณนิชากินข้าวต้มไปสองชามแล้ว ไหนจะขนมปังแผ่นอีก
"ไม่ปวดหรอกเจ๊ข้าวต้มแค่นี้แป๊บเดียวก็ย่อยแล้ว ฉันต้องกินตุนไว้เยอะ ๆ เจ๊อ่ะกินนิดเดียวเดี๋ยวก็ไม่มีแรงปีนเขาหรอก"
มณนิชามองไปยังชามข้าวต้มที่มีเพียงครึ่งถ้วย กับขนมปังสองแผ่นของอีกคน
"ก็ฉันไม่เคยกินอะไรหนัก ๆ มื้อเช้าน่ะ ก็กินได้เท่านี้แหละ ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ยังไงฉันก็ไม่เป็นลมให้เธอแบกก็แล้วกัน"
"ถึงเจ๊เป็นลมฉันก็คงแบกไม่ไหวหรอกนะ คงปล่อยให้เจ๊ฟื้นเองน่ะ"
"ชิ ไร้น้ำใจ"
"อ้าว เจ๊ก็ดูตัวฉันสิไม่ได้ใหญ่กว่ากันเลยนะ ใครจะแบกไหวล่ะ เอาเหอะน่า ยังไงฉันก็จะดูแลเจ๊จนฟื้นเดินต่อได้นั่นแหละ ไม่ทิ้งไว้ในป่าหรอก"
"เออ ขอบใจ"
กัณภัคมองรุ่นน้องตัวเองต่อปากต่อคำกับดาราสาวก็อดขำไม่ได้ ไม่รู้ชาลิศาจะโดนเจ้าตัวแสบนี่แกล้งอะไรบ้าง แต่เรื่องมีน้ำใจและช่วยเหลือคนอื่น มณนิชาก็มีไม่น้อยกว่าใครหรอกถึงจะชอบกวนประสาทก็เถอะ
ผู้แข่งขันพร้อม ทีมงานตากล้องพร้อม
เกมรอดชีวิตพิชิตเงินล้าน เริ่ม
สาว ๆ ทั้งสิบแต่งตัวแทบจะไม่แตกต่างกัน แต่ละคนอยู่ในเสื้อผ้าหนาสีกากีคล้ายชุดทหารมีหมวกผ้าคลุมปิดใบหน้ากันทุกคน
เมื่อเกมเริ่มทุกคนก็ทำตามที่ได้วางแผนไว้ เดินหาเก็บเอาเศษขวดพลาสติกที่ยังอยู่ในสภาพใช้งานได้
กัณภัคสอดส่ายตามองไปรอบ ๆ หวังอยากเห็นพวกกระติกขนาดใหญ่หรือถังอะไรที่ถูกพัดมาเกยบนเกาะแห่งนี้บ้าง ก็ยังไม่เจอนอกจากพวกขวดน้ำขนาดเล็ก
"คุณเจออะไรบ้างนอกจากพวกขวดน่ะ"
เรวิกาเดินเข้ามาถาม คนที่ใช้เท้าเขี่ยเศษขยะบนดินให้หันมามอง
"ยังไม่เจออะไรมากกว่าขวดเหมือนกัน น่าจะมีพวกถังพลาสติกขนาดใหญ่บ้างนะ เผื่อเราต้องใช้กลั่นน้ำ"
"นั่นสิ เดินมาจะสุดหาดแล้วน่ะ คงต้องหวังพึ่งหาดอีกฝั่งแล้วล่ะ"
เรวิกาบอกเมื่อมองไปเห็นเพื่อนร่วมทีม ได้ของติดมือกันคนละสองสามชิ้น
"พวกเรา รีบไปกันเถอะค่ะ"
อัญญาวีกวักมือเรียกทุกคนเพื่อจะเดินลัดเลาะเข้าไปในป่า เมื่อพากันเดินมาจนสุดริมหาด อาศัยความที่ออกสำรวจป่าเขาเพื่อนำพวกหินดินในแต่ละที่ไปวิจัย เรื่องเดินป่าจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับนักสำรวจธรณีอย่างเธอ
เมื่อเดินเลาะมาตามผาที่สูงต่ำไล่ระดับกันให้เห็น ก็เริ่มรู้ตัวว่าทางที่กำลังเดินกันเป็นเนินเขาสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ อัญญาวีเดินนำ ตามด้วยกรนันท์ กิ่งกานต์ ณัฐพัช ชาลิศา มณนิชา เนย่า นรากร และเรวิกากับกัณภัค ที่เดินปิดท้ายขบวน
แต่ละคนยังก้าวเดินไปด้วยความกระฉับกระเฉง มีเสียงพูดคุยปรึกษากันเป็นระยะถึงเส้นทางที่ต้องการจะไป ป่าดิบชื้นที่ปกคลุมไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย บางจุดหนารกบางจุดเนินชันก็ต้องคอยเกาะเกี่ยวกันขึ้นไป จนเมื่อเวลาผ่านไปนานพอสมควร ทั้งหมดก็ขึ้นมาถึงจุดสูงที่สามารถมองลงไปเห็นทิวทัศน์บริเวณอีกฝั่งได้สมใจ
"นั่นไง ยอดมะพร้าวมีให้เห็นลิบ ๆ นั่น"
อัญญาวีชี้มือไปยังที่ต่ำที่มองเห็นยอดมะพร้าวและหาดเล็กห่างออกไป แต่อย่างน้อยสิ่งที่คิดไว้ก็พอให้ทุกคนยิ้มออกมาได้บ้าง แม้จะต้องหาทางไปให้ถึงจุดนั้น ที่กะด้วยสายตาคงเกินสามกิโลแน่ ๆ
"เดี๋ยวเราเดินเลาะไปตามผานี่ดูนะเผื่อมีช่องทางให้เราลงไปข้างล่างได้"
เมื่อผู้นำเสนอ ผู้ตามก็พร้อมทำตามขบวนเริ่มออกเดินกันต่อไปเรื่อย ๆ เพื่อหาจุดที่จะลงไปจากเนินเขา สุดท้ายก็เจอเข้ากับเนินต่ำด้านล่าง หากมองจากจุดที่พวกเธออยู่คงสูงจากพื้นขึ้นมาประมาณสามเมตรได้ แต่มันมีต้นไม้รากไม้ระโยงระยางดิ่งลงตามช่อง ที่คงจะโดนน้ำฝนไหลผ่านลงสู่ด้านล่างนั่นเอง
"เราคงต้องอาศัยพวกต้นไม้รากไม้นี่เกาะลงไปยังพื้นข้างล่างนะ พวกเราคิดว่าไง"
อัญญาวีเดินไปชะโงกหน้าสำรวจลงไปที่พื้นเบื้องล่างก่อนหันมาบอกทีม น้อง ๆ พากันเดินไปดูบ้างก็พยักหน้าเห็นด้วย เพราะดูจากรากไม้ที่น่าจะทนทานพอที่จะใช้เกาะตัวลงไปได้
"เราหาพวกเครือไม้ยาว ๆ มาผูกต่อกันแล้วหย่อนกระเป๋าลงไปก่อนดีกว่านะ จะได้ลงไปแค่ตัวเปล่ากัน"
กิ่งกานต์เสนอขึ้น และทุกคนก็เห็นด้วยอย่างน้อยจะได้มั่นใจว่าสัมภาระจะไม่หล่นกลิ้งไปที่อื่น จนต้องเสียเวลาไปควานหา ไม่นานกระเป๋าของทุกคนก็ลงไปนอนแอ้งแม้งที่พื้นด้านล่างเรียบร้อย
"เดี๋ยวพี่จะลงไปก่อนแล้วกันนะ นี่ถ้าไม่ห่วงสวยพี่จะโหนเป็นทาซานให้ดู"
"ฮ่า ๆ พี่อัญอย่าเลยพี่พวกเราเป็นห่วงค่ะ"
"ยังจะมาพูดเล่นอีกนะคุณนี่ ระวังด้วยล่ะถึงฉันจะเป็นหมอ แต่วันนี้ไม่อยากปฐมพยาบาลใครนะเพราะไม่มีอุปกรณ์"
กิ่งกานต์เอ่ยเตือนคนอายุเท่ากัน ที่ทำท่าจะโหนเถาวัลย์โชว์ พลางส่ายหน้าแต่ก็อดขำไม่ได้ นี่มาเที่ยวหรือมาติดเกาะก็ไม่รู้ดูจะไม่ทุกข์ร้อนกันเลย
อัญญาวีใช้มือเกาะตามรากไม้และใช้เท้ายันกับผนังดิน ค่อยขยับโรยตัวลงไปเรื่อย ๆ ให้คนที่คอยมองลุ้นด้วยความเป็นห่วง สุดท้ายต่างคนก็ถอนหายใจโล่งอก เมื่อรุ่นพี่ลงไปยืนที่พื้นได้พร้อมกวักมือเรียกคนด้านบนให้ตามลงไปได้
คราวนี้คนที่เหลือพากันทยอยลงไปเป็นคู่ ๆ เพื่อความรวดเร็ว ทักษะที่เคยฝึกซ้อมในช่วงก่อนมีการทดสอบถือว่าใช้ได้ผลดี เมื่อทั้งสิบคนลงไปอยู่พื้นด้านล่างได้ด้วยความปลอดภัย
"จากนี้ที่เราจะออกไปสู่ชายหาดพวกเราช่วยกันดูนะ ว่าจะเจออะไรที่พอจะเป็นอาหารให้เราได้บ้างระหว่างทาง"
เมื่อทุกคนรับคำและเตรียมพร้อมเดินทางต่อ แต่คงลืมไปว่าตอนนี้กำลังถ่ายรายการอยู่
"เดี๋ยวคร้าบ รอตากล้องด้วยครับ"
นั่นล่ะพาเอาทุกคนถึงกับหลุดขำตาม ๆ กัน เมื่อหันกลับไปเจอทีมกล้องกำลังพากันขนอุปกรณ์ โรยตัวด้วยเชือกสลิงลงมาจากเขาด้านบน หลังจากนั้นการเดินทางถึงได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง
"ยอดพวกนี้มันใช่ผักกูดมั้ยพี่หมอ"
เนย่าถามเมื่อทางที่เดินผ่านเจอพวกยอดอ่อนของพืช ที่ต้นคล้ายกับเฟิร์นขึ้นอยู่ทั่วไป
"ใช่ค่ะ พวกเราจะเก็บไปด้วยก็ได้ถ้าไม่มีอะไรกิน ก็เอาผัดกะทิกินแล้วกันน่าจะอร่อยดี"
เมื่อได้รับคำยืนยันก็พากันเด็ดเอายอดสวย ๆ อวบ ๆ ไปกำใหญ่
"เฮ้ ทุกคนดูนั่นสิ"
อัญญาวีที่เดินนำหน้าไปก่อนเรียกขึ้นน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนจะชี้มือไปยังสิ่งที่เห็นอยู่ไม่ไกล
"ว๊าว ต้นไผ่ ต้นไม้สารพัดประโยชน์โชคดีจังที่เราเจอมัน"
"ใช่ งั้นพวกเราตัดขนออกไปเลยดีกว่านะ ยังไงเราต้องสร้างที่พักชั่วคราวด้วยไม้ไผ่นี่แหละ"
"จัดไปค่ะพี่"
ขบวนสาว ๆ เฮโลตามกันไปยังกลุ่มต้นไผ่กอใหญ่
"ช่วยกันดูซิคะ มีหน่อหรือเปล่า"
กิ่งกานต์บอกน้อง ๆ ให้ช่วยกันเดินดูรอบ ๆ เผื่อเจอหน่อไผ่ยังได้นำไปเป็นอาหารได้ แต่ละคนแยกเดินวนเอาไม้เขี่ยดูไปรอบ ๆ
"พี่ ๆ ฉันเจอหน่อไม้แล้ว กำลังสวยเลยค่ะ"
มณนิชาตะโกนบอกน้ำเสียงตื่นเต้น ก่อนจะมุดตัวเข้าไปหักเอายอดหน่อไม้ขนาดเท่าต้นแขนผู้ใหญ่ออกมาโชว์
จากนั้นก็เจอหน่อไม้เพิ่มอีกสามสี่หน่อให้ทุกคนพลอยมีรอยยิ้มดีใจ เมื่อได้อาหารสำหรับวันนี้
กัณภัคมองไปรอบลำไม้ไผ่เพื่อสังเกตุหาอะไรบางอย่าง ให้คนที่อยู่ใกล้ ๆ นึกสงสัยไปด้วย
"หาอะไรคะ"
เรวิกาเอ่ยถามคนที่ยืนถือมีดเงยหน้ามองต้นไผ่
"ฉันกำลังมองหาต้นไผ่ที่น่าจะมีด้วงน่ะ คุณช่วยดูหน่อยนะสังเกตุดูลำไหนที่มันมีรอยกัดแทะเหมือนแมลงกินน่ะ เดี๋ยวฉันจะตัดต้นไผ่ไปด้วยจะได้ไม่เสียเวลา"
"อืม ๆ เดี๋ยวช่วยดู"
ด้วงไผ่มีโปรตีนเยอะสามารถนำมาเป็นอาหารได้ และส่วนมากก็มักจะมีอยู่ทั่วไปตามลำไผ่ สาว ๆ แยกกันทำหน้าที่ ณัฐพัชแยกไปตัดลำไผ่อีกกอ กัณภัคตัดอีกกอ ส่วนที่เหลือพยายามเดินหาพืชผักแม้กระทั่งเห็ด ที่สามารถจะนำไปเป็นอาหารได้
มณนิชาเดินเอาไม้เขี่ยตามพื้นดินไปด้วย จุดที่พวกเธออยู่ไม่ค่อยมีต้นไม้หนาทึบ ยังพอมีแสงสว่างส่องลงมาประปราย นั่นอาจจะทำให้มีพวกเห็ดที่สามารถกินได้เกิดขึ้นบริเวณนี้บ้าง
ประสบการณ์หาเห็ดในป่าของเด็กบ้านนอกอย่างเธอ การหาของป่าเป็นเรื่องที่ไม่ได้ลำบากเกินไปนัก การสังเกตุเห็ดว่ากินได้หรือเห็ดมีพิษก็ต้องดูเป็นด้วย
"อ๊า นี่ไง เจอแล้ว ชะอุ๊ย มีของแถมด้วย นาทีนี้หอยทากฉันก็ต้องกินจ้า ปกติกินแต่หอยโข่งเด้อสิบอกไห่"
เสียงงึมงำคุยกับตัวเองทำให้ตากล้องที่ตามถ่ายอดขำไม่ได้เหมือนกัน
ชาลิศาเองก็ไม่ต่างกัน เอาไม้เดินเขี่ยเศษใบไม้ไปทั่ว
"เอ๊ะ โอ๊ว เจ้าป่าเจ้าเขาคงเมตตาสงสารลูกใช่มั้ยเจ้าคะ ลูกขอบคุณมาก ๆ เลยเจ้าค่ะ"
นางร้ายสาวยกมือไหว้ประหลก ๆ ด้วยความตื่นเต้น เมื่อสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า มันคือหมู่เห็ดโคนกลุ่มใหญ่ นี่เกาะสวรรค์ชัด ๆ เลย
"ม่อน ม่อนมานี่เร็ว"
ชาลิศาร้องเรียกเด็กตัวสูงที่ก้ม ๆ เงย ๆ อยู่ไม่ไกลกันนัก มณนิชาเดินเข้ามาหาอีกฝ่าย ก่อนจะเบิกตาโตด้วยความตื่นเต้นดีใจ เมื่ออีกคนชี้ให้ดูเห็ดกลุ่มใหญ่ตรงหน้า
"โอ้โหเจ๊ นี่มันสวรรค์บนดินจริง ๆ เลย เจ๊เอาไปผัดกะทิแทนน้ำมันหอยนะ สุดยอดอ่ะ นึกแล้ว หิวอ่ะ"
"อย่าเพิ่งหิว มาช่วยกันเก็บเร็วเข้า"
"แป๊ปนึงนะ ฉันไปหาใบตองมาทำกระทงก่อน เจ๊เก็บรอไปก่อน นี่เอาไม้จิ้มลงดินแล้วงัดแบบนี้นะขาจะได้ไม่หัก"
"โอเค ๆ"
ชาลิศารับคำแล้วทำตามใบหน้าสวยเต็มไปด้วยรอยยิ้มตื่นเต้น นี่มันครั้งแรกในชีวิตที่เธอได้มาเจอกับตาได้เก็บเห็ดกับมือจะไม่ให้ตื่นเต้นได้ยังไงกัน