“แล้วตกลงว่าคุณผู้จัดการว่ายังไงครับ จะรับงานหรือไม่รับ”
คิมแฮซูตัดสินใจทำลายความเงียบขึ้น เป็นครั้งแรกที่น้ำเสียงของเขาฟังดูแล้วไร้ซึ่งความมั่นใจโดยสิ้นเชิง
ใบหน้านิ่งเรียบของอีกฝ่ายค่อยๆ เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมา ก่อนที่เขาจะตอบกลับมาสั้นๆ เพียงประโยคเดียวเท่านั้น
“ขอที่อยู่ของไลเกอร์ด้วยครับ”
ติ๊งต่อง...
เสียงออดหน้าห้องพักสุดหรูของอพาร์ตเม้นต์ใจกลางย่านกังนัมของนักร้องหนุ่มชื่อดังอย่างลีแทจินดังขึ้นไม่หยุดมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว และดูท่าจะดังต่อเนื่องเรื่อยๆ ถ้าคนในห้องไม่ยอมลุกมาเปิดให้เสียที แต่การกดออดรัวขนาดนั้นไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างใหญ่ที่นอนแผ่หลาอยู่บนพื้นลุกขึ้นมาได้เลย เขาเพียงแค่ขยับตัวเล็กน้อยเท่านั้น พึมพำจนฟังไม่ได้ศัพท์เท่านั้นเมื่อถูกรบกวนอย่างหนัก
และดูเหมือนว่าเขาก็ชักจะเริ่มทนไม่ไหวเหมือนกันเพราะนอกจากเสียงออดที่ดังรัวแล้ว ยังตามมาด้วยเสียงทุบประตูกระหน่ำอีก
“โอ๊ย... ใครวะ”
สุดท้ายเขาก็ยอมจำนนจนได้ ผุดลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก มือไม้ปัดป่ายบรรดาขวดเหล้าโซจู[1]ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กระจัดกระจายไปทั่ว ชายหนุ่มมองขวดพวกนั้นอย่างงุนงงก่อนจะมองเลยไปยังห้องสูทสุดหรูที่ไม่เหลือความหรูหราเลยสักนิดพลางลูบหน้าลูบตาตัวเองให้หายงัวเงีย พลันหันมองไปยังนาฬิกาบนผนังที่บอกเวลาเที่ยงวัน
เขาจำไม่ได้สักเท่าไหร่นักว่าเมื่อคืนดื่มไปเยอะเท่าไหร่ แต่ก็คงจะมากพอที่ทำให้เขาอยู่ในสภาพไม่เป็นผู้เป็นคนอย่างนี้ ที่พอจำได้เป็นภาพสุดท้ายก่อนสติสัมปชัญญะจะหายไปคือเขาตั๊นหน้าพวกกุ๊ยในร้านเนื้อย่างที่ส่งเสียงโวยวายหาเรื่อง ก่อนจะตามมาด้วยผู้จัดการควอนที่ดันเสนอหน้าเข้ามาขวางหมัดของเขาที่ตั้งใจจะประเคนให้กุ๊ยคนหนึ่ง
เพราะอย่างนี้ล่ะมั้งวันนี้เขาถึงไม่เห็นผู้จัดการควอนโผล่หน้ามาส่งเสียงปลุกและก็พล่ามเรื่องข่าวหลังจากวีรกรรมที่เขาก่อไว้แต่เช้าเหมือนคราวก่อนๆ แต่ก็เอาเถอะ อย่างน้อยมันก็โล่งหูดีไม่ใช่น้อย ยกเว้นแต่ไอ้เสียงปึงปังข้างหน้าห้องที่ดังไม่หยุดหย่อนนี่แหละ
ปึงๆๆๆๆ!
“อะไรกันนักกันหนา!”
ร่างใหญ่ลุกขึ้นยืน พาร่างไม่เต็มสติดีเดินโสลเสลไปยังประตูห้อง เขาค่อยๆ เอนกายไปพิงประตู หมายจะมองลอดผ่านช่องตาแมวก่อนว่าใครกันที่มารบกวนเวลานอนของเขา เพราะถ้าเป็นผู้จัดการควอนที่จะมาโอดครวญเรื่องฤทธิ์เดชที่เขาแผลงไว้เมื่อคืน เขาจะได้แกล้งทำเป็นไม่อยู่แล้วหนีไปนอนต่อ
ทว่าในจังหวะที่ลีแทจินกำลังจะวางมือทาบลงบนบานประตูนั้น เสียงกดรหัสจากเครื่องล็อคประตูก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ก่อนจะตามมาด้วยประตูตรงหน้าที่เปิดผางเข้ามา ทำให้เขาเสียหลัก เซไปชนกับตู้ที่อยู่ข้างๆ ประตูทันใด
“ผู้จัดการควอน! ถือดียังไงมาไปเอารหัสมาเปิดประตูห้องผมอย่างนี้!”
พอตั้งหลักได้ ชายหนุ่มก็โวยวายทันใดโดยไม่ทันได้หันไปมองว่าคนมาใหม่นั้นไม่ใช่ผู้จัดการควอน แต่เป็นชายหนุ่มไม่คุ้นหน้าในชุดสูทสีน้ำตาลลายสก็อต แต่งตัวนำสมัยที่ตอบเขาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ประธานคิมให้ฉันมาเอง ไม่ได้ขอ”
ภาษาเกาหลีสำเนียงแปร่งๆ และน้ำเสียงไม่คุ้นหู ทำให้ลีแทจินต้องหันขวับไปมอง พอเห็นว่าแขกผู้มาเยือนไม่ใช่ผู้จัดการส่วนตัว ใบหน้ายับย่นก็ยับขึ้นกว่าเดิมอีก ดวงตาหรี่เล็กลงปราดมองคนตัวเล็กกว่าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
“นายเป็นใคร”
อีกฝ่ายไม่พูดอะไร นอกจากสำรวจอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดๆ สภาพของลีแทจินในตอนนี้ไร้ซึ่งราศีนักร้องซูเปอร์สตาร์โดยสิ้นเชิง เส้นผมสีบลอนด์แซมชมพูชี้ไปคนละทิศละทางนั้นแทบจะเป็นสีเดียวกับสีบนซีกหน้าหล่อข้างหนึ่งของเขาที่แดงระเรื่อ คาดว่าคงจะโดนหมัดของใครสักคนฝากไว้แน่ๆ ร่างกายท่อนบนก็เปลือยเปล่าเผยให้เห็นรอยสักลายเสือบนหน้าอกด้านขวา เหลือแต่กางเกงยีนส์ขายาวปิดช่วงล่างส่งกลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปทั่ว
คนมองโบกมือไล่กลิ่นเตะจมูกนั้นเล็กน้อยก่อนจะถือวิสาสะเดินเข้ามาข้างในห้องพลางสำรวจไปรอบๆ เห็นซากอารยธรรมที่ลีแทจินก่อเอาไว้ในห้องก็รู้ได้ทันทีว่าเมื่อคืนผู้จัดการควอนเจออะไรมาบ้าง แม้ว่าเขาจะพอเล่าให้ฟังมาแล้วก็เถอะ
“เก็บขวดเหล้าพวกนี้ซะ แล้วค่อยเรียกแม่บ้านมาทำความสะอาด ถ้าแม่บ้านมาเห็นว่าในห้องนายเต็มไปด้วยขวดเหล้า อาจจะถูกเอาไปขายเป็นข่าวซุบซิบได้”
ลีแทจินอ้าปากค้างและเลิกคิ้วสูงพร้อมๆ กัน มาถึงก็ไม่แนะนำตัว ออกคำสั่งอย่างกับว่าเป็นเจ้าของห้อง ที่สำคัญยังตรงไปที่ตู้เย็นและจัดการเอากระป๋องเบียร์ที่เขาซื้อเก็บเอาไว้โยนใส่ถุงดำหน้าตาเฉยอีก
เจ้าของห้องไม่อาจอยู่เฉยได้อีกต่อไป ตรงเข้าไปแย่งเบียร์กระป๋องสุดท้ายจากมือคนตัวเล็กที่กำลังจะโยนใส่ถุงขยะมาถืออย่างรวดเร็ว ก่อนจะร้องโวยวายลั่นทันที
“ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย! ขุมทองของฉันนะเว้ย!”
“เบียร์ดื่มแล้วทำให้โง่ โง่ๆ อย่างนายยิ่งดื่มยิ่งโง่ ทิ้งๆ ไปซะ เลิกได้เลยก็ดี”
แทนที่อีกฝ่ายจะสำนึกว่าตัวเองทำอะไรอยู่ กลับตอกหน้าลีแทจินด้วยคำพูดเจ็บแสบจนอีกฝ่ายหน้าชา ความเมาที่ยังคั่งค้างอยู่ในกระแสเลือดมลายหายสิ้นไปในเสี้ยววินาที เหลือแต่เพียงคำถามมากมายที่ผุดขึ้นมาในหัวเท่านั้น
หมอนี่มันใครวะ?!
[1]โซจู คือ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เกิดจากการผสมของข้าวเจ้า ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์และมันฝรั่ง ผ่านกระบวนการหมักบ่มแบบดั้งเดิมของชาวเอเชียกลางที่สืบทอดกันมาอย่างช้านาน ทำให้ได้เครื่องดื่มใสบริสุทธิ์ ปราศจากกลิ่นและสี รสชาติบางเบาดื่มได้ลื่นคอ ปัจจุบันเป็นเครื่องดื่มประจำชาติของประเทศเกาหลีใต้