...บ้านหลังใหญ่นี้เงียบในทันที เจตนัยบอกว่าแม่บ้านของที่นี่จะเข้ามาทำความสะอาดอาทิตย์ละครั้ง เพราะแก้วตาไม่ได้ทำหน้าที่เป็นแม่บ้าน เธอทำงานที่บ้านเฉย ๆ แน่นอนว่าพอไม่มีคนอยู่ความว้าเหว่ก็กัดกินหัวใจคนพักอาศัยคนเดียวอย่างเธอ
กานต์พิชชาเข้ามาในห้องพักของตน ห้องนอนแขกมีขนาดใหญ่พอสมควร ใหญ่กว่าห้องนอนที่บ้านของเธอเสียอีก เขาปฏิบัติกับเธอราวกับว่าเป็นแขกคนหนึ่ง ทว่าสิ่งที่แก้วตาพูดก่อนหน้านี้ก็ทำให้เธอเป็นกังวล
แววตาของเธอที่ไม่อาจปิดบังความรู้สึกได้
ส่องกระจกมองใบหน้าของตัวเอง กานต์พิชชาทดลองยิ้ม ทำหน้าเศร้า ทำทีหัวเราะ ทำหน้านิ่ง ใบหน้าของเธอก็เหมือนกับคนปกติธรรมดาคนหนึ่ง แต่ถ้าอยู่ต่อหน้าเขาคนนั้นล่ะ...
“เฮ้อ...” ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง มองเพดานด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ไม่รู้เลยว่าโชคชะตาจะกลั่นแกล้งให้ตัวเองกลับมาโคจรพบเจอเขาอีกครั้ง ความทรงจำช่วงมัธยมยังคงไม่ลืมเลือน จนตอนนี้เธออายุเข้าเลขสามแล้ว ก็ยังคงจำรักแรกนี้ได้เป็นอย่างดี
ไม่เจอเขาตั้งแต่เรียนจบ...เจ็ดปีที่ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ไม่คิดว่าจะได้เจอเขาอีก แต่เหมือนว่าโชคชะตาจะกำหนดไว้ ให้เธอกลับมาเจ็บซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พอนึกก็ยิ่งทำให้รู้สึกอึดอัด กานต์พิชชาลุกขึ้นนั่งที่ปลายเตียง มองกองหนังสือที่ขนมาด้วยนั้นด้วยความรู้สึกหดหู่ เธอไม่ใช่คนเรียนหนังสือเก่งมากนัก ดังนั้นการสอบบรรจุข้าราชการครูจึงไม่เกิดขึ้นกับเธอเลยสักหน เป็นครูอัตราจ้างความก้าวหน้าแทบไม่มี เงินเดือนน้อยแถมงานหนักอีก พอพี่สาวบอกจะให้มาอุ้มบุญ ก็เลยถือโอกาสนี้ลาออกมาเพื่ออ่านหนังสือด้วย
ตั้งมั่นให้กำลังใจตัวเองอีกครั้ง สะบัดศีรษะแรง ๆ ให้หยุดคิดเรื่องเขาคนนั้น ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือ อย่างน้อยการพักงานเพื่ออุ้มบุญครั้งนี้คงทำให้เธอสอบได้สักที...
ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าหรูนี้แก้วตามักมากินบ่อย ๆ แม้นช่วงนี้จะต้องดูแลตัวเอง แต่เธอก็ยังคงอยากมากินเช่นเดิม
“แก้วได้ทำตามที่เจตน์บอกหรือเปล่า อะไรที่กินได้อะไรที่กินไม่ได้”
“รู้เหอะน่า” ตอบส่งเดช แม้นจะหลงลืมไปแล้วว่าตัวเองต้องดูแลการกินเพื่อที่จะได้เตรียมตัวสำหรับการฉีดฮอร์โมนกระตุ้นไข่ “เจตน์คิดว่าแก้วไม่รู้เรื่องขนาดนั้นเลยเหรอ แก้วก็อยากมีลูกนะ”
“ก็ถ้าทำตามก็ไม่เห็นต้องโมโหเลย” เขายิ้มให้เธอบาง ๆ การคบหากันนานกว่าสิบปีนี้ทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงกันบ่อยครั้ง เป็นเจตนัยเองที่เป็นฝ่ายโอนอ่อนให้เธอเสมอ
“อีกไม่กี่วันก็ต้องไปฉีดฮอร์โมน แล้วก็ต้องรออีก” เธอบ่นอุบอิบ ทำให้คนได้ยินเกิดเห็นใจขึ้นมา เพราะเขาแทบไม่ต้องทำอะไรเลย
“ไม่เป็นไรนะ ทำเพื่อลูกของเรา” เขายิ้มเวลาพูด ต่างจากแก้วตาที่ไม่ได้ต้องการอยากมีลูกอย่างที่พูดก่อนหน้านี้ แต่สิ่งที่เธอต้องการคือมรดกที่พ่อของเขาบอกจะให้หากว่ามีหลานให้อุ้ม
“ฉันอยากได้ลูกผู้ชาย”
“ตามกฎหมายแล้วเขาไม่ให้กำหนดเพศน่ะสิ”
“แล้วบอกเพื่อนเจตน์ไม่ได้เหรอ หมอกิ่งน่าจะช่วยได้ไม่ใช่หรือไง ถ้าเราได้ลูกผู้ชาย เชื่อเหอะว่าคุณพ่อต้องชอบใจแน่ ๆ” ดวงตาคู่สวยนั้นเป็นประกายยามพูด เจตนัยพอดูออกว่าเธอต้องการอะไร
“เด็กผู้หญิงก็น่ารักนะ”
“ไม่! ต้องเป็นผู้ชาย เจตน์ไปคุยกับเพื่อนเจตน์ก็แล้วกัน” ว่าเสร็จก็ยกมือเรียกพนักงานในทันที ท่าทีเอาแต่ใจของเจ้าหล่อนนั้นเขาก็คุ้นชินแล้ว ถ้ามีลูกผู้ชายก็ไม่ติดขอแค่มีลูกก็พอแล้วตอนนี้
...
เห็นแก้วตากินอาหารได้เยอะก็ดีใจ ปกติแล้วเจ้าหล่อนนั้นกินน้อยนิดเพราะต้องรักษาหุ่น
“อิ่มแล้วเราไปชอปปิงกันนะคะ นาน ๆ เจตน์จะหยุดงาน” ชายหนุ่มสำลักน้ำเปล่าเล็กน้อย เธอชวนไปชอปปิงแบบนี้บอกเลยว่าไม่ต่ำกว่าแสน
“เจตน์เพิ่งโอนเงินให้กิ่งไปเอง”
“งั้นก็ไม่มีเงินติดตัวเลยน่ะสิ” ใบหน้าเล็กงอด้วยความงอน หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบา ๆ “งั้นก็...ไปเดินเฉย ๆ ก็ได้”
“เดินเฉย ๆ จริงเหรอ เจตน์ว่าเดี๋ยวสั่งอาหารไปเผื่อกานต์แล้วก็กลับเลยจะดีกว่า”
“สั่งไปเผื่อ? ไม่ได้ยินเหรอ...แม่นั่นบอกว่าเดี๋ยวโทรสั่งเอา พนักงานคงไปเสิร์ฟถึงรูจมูกไม่ต้องซื้อไปฝากหรอก” แก้วตาโกรธที่อีกฝ่ายไม่พาไปชอปปิงทำให้พาลด่าไปทั่ว แถมต้นเหตุที่ทำให้สามีหนุ่มหมดเงินก็เพราะต้องจ่ายเงินให้กานต์พิชชาทั้งก้อน
“มันเป็นมารยาทน่ะ” ว่าอย่างใจเย็น ทว่า
“นี่เจตน์จะบอกว่าแก้วไม่มีมารยาทเหรอ! ถ้างั้นก็ไม่ต้องมาคุยกันเลย แยกกลับก็ได้...เดี๋ยวแก้วจะไปชอปปิง ส่วนเจตน์ก็รีบกลับเอาข้าวไปเสิร์ฟให้มันก็แล้วกัน”
“แก้วตา...ใจเย็น ๆ สิ”
“ไม่เย็นหรอก...” ว่าเสร็จก็ลุกขึ้นเดินออกจากร้านไป เห็นอย่างนั้นคนเป็นสามีก็รีบลุกขึ้นเดินตาม ทว่าก็ต้องเสียเวลาหยุดจ่ายเงินเสียก่อน ระหว่างนั้นก็ไม่ลืมที่จะสั่งอาหารห่อกลับบ้านไปฝากกานต์พิชชา จนแล้วจนรอดก็ตามแก้วตาไม่ทัน
...หลังจากชำระค่าอาหารเสร็จ เจ้าของร่างหนาก็เดินหาภรรยาสาวครู่หนึ่ง เขาพ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ แม้นจะตามเจอแล้วยังไงล่ะ สุดท้ายเธอก็คงโกรธอยู่ดี ก็คงต้องง้อด้วยสูตรเดิม นั่นคือเปย์เธอ
แต่หลังจากโอนเงินให้กิ่งฤทัยไปห้าล้านบาทตอนนี้เงินเก็บของเขาก็แทบเกลี้ยงบัญชี เจตนัยส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะจำใจกดโทรศัพท์โทรหาน้องชาย หวังยืมเงินสักหน่อย
“ทำไรอยู่”
[ทำงานสิค้าบ ไอ้พี่ชาย] จิณณะตอบกลับพี่ชายด้วยน้ำเสียงกวน ๆ ดังเดิม
“เหรอ ยืมเงินหน่อยว่ะ”
[ว่าละ]
“พี่เพิ่งโอนเงินให้หมอที่ทำลูกให้น่ะ”
[ห้าล้านน่ะนะ บ้าเอ๊ย...มันเยอะมากเลยนะพี่ ผมไม่คิดว่าพี่จะโง่โอนไปให้ ถ้าทำเด็กหลอดแก้วธรรมดามันไม่แพงขนาดนี้หรอกนะ แบบนี้มันแก๊งลักลอบอุ้มบุญชัด ๆ] จิณณะว่าด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ทว่า
“หึ มันไม่ได้แพงที่ขั้นตอนการทำหรอก พี่แค่อยากให้ผู้หญิงที่มาอุ้มบุญเป็นกานต์พิชชาเฉย ๆ ก็เลยต้องยอมจ่ายแพง” เพราะต้องดูแลอาหารการกิน ลูกของเขาต้องอยู่กับผู้หญิงที่เพียบพร้อม นิสัยดี ร่างกายแข็งแรงไม่มีโรคทางพันธุกรรม และที่สำคัญสามารถย้ายมาอยู่บ้านหลังเดียวกันกับเขาได้ เพื่อจะได้ดูแลง่ายขึ้น กานต์พิชชาจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แม้นจะต้องจ่ายแพง
[เฮ้อ แล้วจะเอาเท่าไหร่ล่ะ]
“สองแสน โอนมาเลย” เงินแค่นี้ไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข้งของน้องชายร่วงหรอก เพราะจิณณะเป็นถึงผู้บริหารบริษัทผลิตและจำหน่ายเครื่องประดับของครอบครัว มีเงินเยอะกว่าศัลยแพทย์อย่างเขาหลายร้อยเท่า แต่เจ้านี่ขี้งกอย่างกับอะไรดี
[ยืมแล้วต้องคืนนะ ถ้าไม่คืนก็มาทำงานกับผมได้แล้ว]
“โอเค...” เจตนัยตอบรับก่อนจะกดตัดสาย ไม่นานก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนเงินเข้าดังขึ้น เขายกยิ้มมุมปากก่อนจะออกตัวเดินตามหาภรรยาอีกครั้ง
...เห็นร่างบางอยู่ในชอปกระเป๋าแบรนด์เนมหรู แก้วตานั้นไม่ได้ขอเงินจากเขาเพื่อใช้จ่าย เธอมีเงินจากงานของเธออยู่แล้ว ทว่าสิ่งที่ทำให้สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุคือของใช้ราคาแพงพวกนี้ที่เจ้าหล่อนมักอ้อนขอให้เขาซื้อให้เป็นประจำ
“แก้ว...” เอ่ยเรียกภรรยาสาวน้ำเสียงแผ่วเบา พออีกฝ่ายเห็นก็ทำหน้าไม่พอใจ เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
“บอกแล้วไงว่ากลับใครกลับมัน...”
“ไม่ได้หรอก กลับแล้วใครจะจ่ายเงินให้แก้วล่ะ” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างขึ้น เขาพูดอย่างนี้แล้ว...
“มะหมายความว่าไง เจตน์จะซื้อให้แก้วเหรอ!” เธอโพล่งเสียงด้วยความดีใจ ครั้นเมื่อเขาพยักหน้ารับสาวเจ้าก็โผเข้ากอดทันที “แก้วรักเจตน์ที่สุดเลย...”
“หึ เจตน์ก็รักแก้วครับ” พอเห็นรอยยิ้มของเธอก็พลอยทำให้มีความสุขตามไปด้วย หลายปีที่อยู่ด้วยกัน แม้นจะทะเลาะกันทุกวัน แต่การที่แก้วตาอยู่เคียงข้างเขาก็ทำให้วันแต่ละวันนั้นมีความหมาย...