ตอน ที่สุดของความภูมิใจ
“เพลง! ตกลงมีคนมารับหรือเปล่าจ๊ะ ถ้าไม่มีพี่จะไปส่งให้”
โสภาหญิงวัยสามสิบปี ถามไถ่เพื่อนร่วมทางรุ่นน้อง ขณะเดินแหวกฝูงชนที่ดูจะหนาแน่นและวุ่นวายของสนามบินจนดูแล้วน่าปวดหัว
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะพี่โสภา เห็นคุณพ่อบอกว่าจะให้ลุงโป่งมารับ แต่เพลงยังไม่เห็นเลย”
ระพีพรรณ หรือที่เพื่อนๆ และคนใกล้ชิดเรียกเธอสั้นๆ ว่า ‘เพลง’ หญิงสาวหน้าใสวัยยี่สิบห้าปีบอกเพื่อนต่างวัย ขณะที่ในมือก็เข็นวีลแชร์ที่เต็มไปด้วยสัมภาระต่างๆ เดินคู่ไปกับโสภามาจากประตูของผู้โดยสารขาเข้า
“พี่โสภา!!!”
เสียงเด็กหนุ่มร้องเรียกชื่อผู้เป็นพี่สาว จนทำให้คนทั้งสองช่วยกันมองหาต้นเสียง แล้วก็พบเขายืนโบกไม้โบกมือให้พี่สาวที่รวมตัวอยู่กับผู้คนที่มารอรับญาติตัวเองที่ต่างก็เดินทางมาเที่ยวบินเดียวกันกับสองสาว
“คิน! โอ้โห!!! ไม่เจอตั้งนานน้องพี่โตเป็นหนุ่มแล้วนะเนี้ยะ หล่อด้วย ไหนดูซิมาให้พี่กอดหน่อย คิดถึงจังเลยน้องพี่”
โสภาละมือจากรถสัมภาระ พร้อมทั้งยืนอ้าแขนรับน้องชายที่โผเข้ามากอดพี่สาวด้วยความคิดถึง โดยที่ไม่ได้สนใจกับสายตาของผู้คนที่มองมาดูการกระทำของทั้งสองคน
“สวัสดีครับพี่โสภา”
เขากราบแนบกับอกพี่สาวด้วยความนอบน้อม ภคินเป็นน้องชายคนกลางของโสภา อายุห่างกันห้าปี และโสภาก็มีน้องชายอีกคน อายุห่างจากภคินสามปี
“เอ่อ! ตายจริงลืมแนะนำเลย คิน! นี่เพลง หรือระพีพรรณ เพื่อนพี่ที่เรียนโทอยู่ด้วยกัน คนที่พี่เคยเล่าให้ฟังไง ว่าช่วยเหลือพี่เรื่องเงินตอนที่เรียนอยู่ด้วยกันน่ะ”
โสภาแนะนำน้องชายให้รู้จักระพีพรรณ ที่ยืนดูและยิ้มให้สองพี่น้องแสดงความรักใคร่กัน ทำให้ตัวเองคิดถึงพี่ชายตัวดีขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่รู้ป่านนี้ ‘พี่พี’ จะตัวโตมากแค่ไหน จะหล่อเหลาเอาการ และช่วยงานพ่อได้แค่ไหนแล้ว
“สวัสดีครับคุณเพลง ยินดีที่ได้รู้จักครับ ต้องขอบคุณเพลงมากๆ ครับที่ช่วยพี่โสภา ชื่อคุณเพลงติดหูผมอยู่บ่อยๆ จนจำขึ้นใจแล้วล่ะครับ”
ภคินกล่าวพร้อมกับมองมาหาหญิงสาวที่มีหน้าตาที่สวยอย่างหาตัวจับยาก เขาเคยได้ยินพี่สาวเล่าเรื่องเธอให้ฟัง ว่าเป็นคนคอยหยิบยื่นเงินทองให้ใช้เวลาขัดสน
เพราะฐานะทางบ้านของเขาไม่ได้ร่ำรวยอะไรนัก แต่พี่สาวก็อยากจะไปเรียนต่อโทที่เมืองนอก หลังจากจบปริญญาตรีด้านมัณฑนากรและก็ทำงานไปได้สักระยะ แต่อยากจะเรียนต่อ
แล้วก็ในช่วงที่พี่สาวเรียน เขาก็รับหน้าที่ดูแลพ่อที่แก่แล้วกับน้องชายอีกคนที่กำลังเรียนมหาลัยปีสุดท้ายอยู่นี้ ส่วนพี่สาวก็เรียนไปทำงานไปด้วย เพราะฐานะทางบ้านไม่ใคร่จะร่ำรวยนัก แค่พอมีอยู่มีกินไม่ขัดสนมากเท่านั้นเอง
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ คุณภคิน เจอตัวจริงสักทีนะคะ ได้ยินแต่ชื่อพี่โสภาเล่าให้เพลงฟังค่ะ”
เธอทักทายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสให้กับน้องชายเพื่อนต่างวัยของเธอ ระพีพรรณได้พบกับโสภาเมื่อสามปีที่แล้ว ตั้งแต่โสภาไปใหม่ๆ ส่วนเธอนั้นก็ยังเรียนปริญญาตรีอยู่นั่นเอง ทั้งคู่ได้รู้จักกันด้วยความบังเอิญที่โสภากำลังหางานทำแต่ก็ยังหาไม่ได้ บวกกับเงินที่มีจากเมืองไทยไปก็ใกล้หมดเต็มที
ระพีพรรณจึงเอื้อเฟื้อให้ไปพักอยู่ที่อพาร์ตเม้นที่พ่อเช่าไว้ให้ตั้งแต่สมัยเธอถูกส่งไปใหม่ๆ และทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตั้งแต่นั้นมาจนระพีพรรณและโสภาได้เริ่มเรียนโทออกแบบภายในด้วยกัน
ทั้งคู่ดูจะเป็นเพื่อนต่างวัยที่รักและเข้าใจกันในหลายๆ เรื่อง เพราะชอบและมีมุมมองอะไรๆ ที่คล้ายๆ กัน แล้วระพีพรรณก็คอยช่วยเหลือเพื่อนต่างวัยเอาไว้หลายครั้ง เมื่อมีปัญหาเรื่องเงิน
ส่วนระพีพรรณนั้นเรียกได้ว่าแทบจะไม่มีปัญหาเรื่องนี้เลย ด้วยพ่อจะส่งเงินไปให้ใช้อย่างไม่ขาดมือตลอด ตั้งแต่ที่เธอได้ถูกพ่อส่งให้ไปเรียนที่เมืองนอก เมื่ออายุสิบเอ็ดหรือจบชั้นประถมแล้วนั่นเอง
“ตกลงเพลงให้พี่ไปส่งนะ ลุงโป่งกับพี่พีของเพลงยังไม่มาเลย”
โสภาถามเธอพร้อมๆ กับมองไปรอบๆ หาคนที่คิดว่าจะเป็นคนมารับเพื่อนรุ่นน้อง
“คงไม่ต้องแล้วล่ะค่ะพี่โสภา โน่นค่ะ เพลงเห็นลุงโป่งแล้วค่ะ อยู่ด้านโน้น สงสัยแกจะจำเพลงไม่ได้หรอกค่ะ ก็ไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว! งั้นเราแยกกันตรงนี้นะคะ พี่โสภามีเบอร์บ้านเพลงแล้วนะ มีอะไรเราค่อยโทรคุยกันใหม่ค่ะ! งั้นเอาไว้พบกันใหม่นะคะคุณภคิน ขอตัวก่อนค่ะ”
เธอรีบบอกลาเพื่อน หลังจากที่มองเห็นชายสูงอายุ ที่ผอมและก็ตัวดำยืนหันรีหันขวางหาเธอเจ้านายสาวที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายปี
“สวัสดีค่ะลุงโป่ง! จำเพลงไม่ได้เหรอคะ”
เธอทักทายชายชื่อโป่ง ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล และสีหน้ายิ้มแย้ม
“คุณเพลงเหรอครับ โอ้โห! ลุงจำคุณเพลงไม่ได้ครับ ดูสิโตเป็นสาว สวยขนาดนี้ ใครจะจำได้ครับ”
โป่งร้องทักเธอด้วยความไม่แน่ใจ และดีใจระคนกันไป
“แล้วคุณพ่อกับพี่พีไม่มารับเพลงเหรอคะ”
เธอถามหาพ่อกับพี่ชายที่บอกว่าจะมารับเธอ เมื่อครั้งที่เธอโทรมาบอกว่าจะกลับวันไหน
“คุณท่านติดธุระครับ คุณพีก็เหมือนกัน มาไม่ได้ผมว่าเรากลับกันเถอะครับ” โป่งบอกแล้วก็รีบเดินนำหน้าออกไปจากสนามบินโดยที่ไม่คิดจะรอให้เธอไตร่ถามอะไรอีก
“ทำไมคุณพ่อไม่เปลี่ยนรถสักทีคะลุงโป่ง คันนี้เก่ามากแล้วนะ”
เพราะจำได้ว่ากลับมาเยี่ยมบ้านเมื่อเจ็ดแปดปีที่แล้ว พ่อก็ยังใช้รถคันนี้อยู่ จะว่าด้วยขัดสนเรื่องการเงินก็ไม่น่าจะใช่
“คุณท่านชอบคันนี้ครับคุณเพลง”