“คุณบอล!” ป้านิ่มดูเหมือนจะโมโหถึงได้ขึ้นเสียงกับผม ปกติป้านิ่มจะเป็นบุคคลที่ผมเกรงใจมากกว่าพ่อกับแม่ตัวเอง แต่ก็นั่นแหละ ไม่มีใครเอาผมอยู่สักคนต่อให้ผมนับถือแต่มาขึ้นเสียงกับผมแบบนี้... ผมก็ไม่ชอบนะ
“ผมไม่รู้ ป้าเลิกเซ้าซี้แล้วไปจัดโต๊ะกินข้าวให้ผมเหอะ ผมหิว” ว่าเสร็จก็เดินสวนร่างท้วมลงไปชั้นล่าง หากแต่เสียงออดหน้าบ้านที่ดังขึ้นก็ทำให้ผมจำต้องเดินออกไปมอง ประตูรั้วที่เห็นว่ามีคนมากกว่าสามคนยืนรออยู่ จำต้องเดินออกไปทั้งที่ตัวเองนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว
“ลุงดำ เปิดประตูสิ จะรอให้เขากดออดจนพังเลยมะ!”
“ครับๆ คุณบอล” ผมหัวเสียมองร่างของลุงดำ ผัวของป้านิ่มที่วิ่งตามหลังผมมาก่อนจะเปิดประตูขึ้นก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นตำรวจในชุดเครื่องแบบสองคนยืนอยู่ พร้อมกันข้างกายก็มีร่างบอบบางที่ยืนทำหน้านิ่งสบตากับผม
“ที่นี่ใช่บ้านคุณบุษบา เสนานิธิหรือเปล่าครับ?”
“ครับ”
“คือน้องคนนี้เขาบอกว่าอยู่บ้านที่นี่ พอดีผมไปเจอเธอกำลังมึนๆ อยู่แถวฟุตบาทก็เลยพาไปสถานีตำรวจ น้องบอกว่าหลงทางเพราะเพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ดีนะครับที่บอกชื่อเจ้าของบ้านถูก”
“เหรอครับ” มีนสบตากับผมที่ยักไหล่อย่างไม่แคร์สายตาของคุณตำรวจที่มอง แต่กลับเป็นป้านิ่มที่วิ่งตามมาสมทบทีหลัง นั่นแหละมีนถึงได้เดินเข้ามาในบ้านและสวมกอดป้านิ่มทันที
“โธ่คุณมีน ไม่เป็นไรนะคะ”
“หนูไม่เป็นไรค่ะป้านิ่ม ขอบคุณคุณตำรวจมากนะคะที่ช่วยเหลือหนู”
“ไม่เป็นไรครับ มันเป็นหน้าที่ของพวกผมอยู่แล้ว ถ้ายังไงขอตัวก่อนนะครับ และก็ไปไหนมาไหนควรไปกับคนในบ้านก่อนนะ ถ้ายังไม่ชินทาง” ผมยกมือไหว้คุณตำรวจอย่างมีมารยาทถึงแม้จะไม่ได้เต็มใจสักเท่าไหร่ หันไปมองคนข้างกายที่เอาแต่กอดป้านิ่ม
“น่ารำคาญ! เลิกกอดกันได้ล่ะป้านิ่ม ผมหิว” ป้านิ่มทำหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยอมที่จะเดินไปพร้อมกับลุงดำ จนเหลือแค่ผมกับเธอเท่านั้นที่ยืนอยู่ ผมถอนหายใจแต่ทว่าก่อนจะได้เดินตามหลังป้านิ่มต้นแขนก็ถูกฝ่ามือเล็กๆ ดึงไว้ก่อน
“อะไร?”
“ของหนูอยู่ไหนคะ” เธอคลายมือออกเมื่อผมหันไปเผชิญหน้า มีนสบตากับผม แน่นอนว่าผมไม่เห็นแม้แต่ร่องรอยของน้ำตาที่อาจจะได้เห็น แต่ไม่เลยสักนิด...
“ไม่รู้สิ ฉันทิ้งไปแล้วมั้ง มันเกะกะ”
“พี่บอล แต่นั่นของหนูนะคะ”
“แล้วไง มันรกหูรกตา ฉันก็ทิ้งได้หมดล่ะ” ผมยักไหล่แต่ก็ไม่วายที่จะแซะเธอ “เก่งดีนะ จำชื่อแม่ฉัน นามสกุลฉันได้คงจะเรียนรู้มาดีสินะ”
“หนูแค่ต้องเอาตัวรอด เพราะโดนใครบางคนทิ้งไว้ในสถานที่แบบนั้น”
“สถานที่แบบนั้นมันคงจะไม่สมใจเธอสินะ หรือไงคราวหน้าฉันจะทิ้งเธอไว้ข้างถนน ไม่ก็... ตามซ่อง”
เพียะ!
“หนูเป็นว่าที่คู่หมั้นของพี่ จะทำอะไรกันก็ได้ แต่อย่าดูถูกกันแบบนี้เพราะหนูไม่ใช่แบบที่พี่คิด” ฝ่าเล็กฟาดลงมาบนแก้มของผมจนเจ็บและแสบในเวลาเดียวกัน หันไปมองร่างเล็กตาขวาง เธอกำลังเรียกความโกรธออกมาจากตัวผมอีกครั้งแล้วสิ
หมับ
“อ๊ะ!”
“กล้ามากที่ตบฉันนะ มานี่” ความโมโหมันเพิ่มมากขึ้นจนเผลอกระชากต้นแขนเธอและลากเข้ามาในบ้าน ผมโยนร่างเธอจนล้มลงกับพื้นในจังหวะที่ป้านิ่มถือจานอาหารอะไรไม่รู้มาด้วย ผมไม่รอช้าที่จะคว้าจานผัดพริกหรืออะไรไม่ได้สนใจ ราดไปบนศีรษะของมีนจนเธอตกใจปาดเศษผักออกจากใบหน้าอย่างรีบร้อน
“คุณบอล! คุณบอลทำอะไรคะเนี่ย”
“ป้าดูเองแล้วกัน บนแก้มผมเนี่ย ฝีมือใคร!” พูดจบก็เขวี้ยงจานจนแตกละเอียด และชี้นิ้วไปที่แก้มตัวเองให้ป้านิ่มที่กำลังกอดร่างของมีนไว้ แต่ผมไม่สนใจดึงคอเสื้อยืดของเธอจนตัวลอย
“คิดจะจับฉัน อย่าหวังว่าจะได้อย่างที่คิด และคิดทำร้ายร่างกายของฉันเมื่อไหร่ เธอไม่โดนแค่นี้แน่!”
“คุณบอล จะมากเกินไปแล้วนะคะ คุณมีนก็แค่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่คุณบุษต้องการให้เป็นว่าที่คู่หมั้น”
“แล้วผมต้องการหรือเปล่า! มีใครเคยถามผมไหมว่าผมต้องการแต่งงานหรือเปล่าน่ะห๊ะ” ผมตะคอกใส่หน้าป้านิ่มและมีนที่ยังคงก้มหน้าไม่มองผม
“ยัยเด็กแรดนี้เป็นคนก้าวเข้ามาเองนะป้านิ่ม ก้าวเข้ามาหาผมเอง ก็สมควรแล้วที่จะโดนแบบนี้”
“แต่คุณบอลไม่ควรทำแบบนี้นะคะ อย่างน้อยคุณมีนก็เป็นว่าที่คู่หมั้น”
“หึ นอนฝันไปก่อนนะว่าจะได้เป็นเมียผม แต่ผมให้ได้นะ... แค่หมากฝรั่งที่เคี้ยวจนเบื่อแล้วคายทิ้งน่ะ” ป้านิ่มไม่พูดอะไรต่อสักนิด จนผมเดินไปจิ้มนิ้วลงบนศีรษะของหล่อนจนล้มลงกับพื้น
“จำใส่กะลาหัวไว้นะ ทนได้ก็ทนไป แต่ฉันเนี่ยล่ะจะทำให้เธอทนฉันไม่ได้”
“...”
“บอกแล้วใช่ไหมว่าฉันไม่ใช่สุภาพบุรุษอย่างที่เธอคิด แต่ฉันเป็นตัวร้ายที่พร้อมทำลายเธอได้ทุกเมื่อ!” ผมหมุนตัวเดินขึ้นไปบนห้องของตัวเองโดยทิ้งหล่อนไว้ข้างล่าง ปวดหัวเว้ย!
แม่นะแม่ คิดจะทำแบบนี้ก็ทำไป แต่คนที่จะรับโทษไม่ใช่ใคร... คือยันนั่นที่แส่หาเรื่องเอง