เรือยนต์กำลังแล่นเอื่อยในคลองหญิงสาวในเสื้อลูกไม้สีขาวนุ่งซิ่นจากผ้าไหมเนื้อดีกำลังเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ของสองฝั่งคลอง
“คุณฉัตรลองชิมขนมใส่ไส้เจ้านี่หน่อยไหมจ้ะ รสชาติกลมกล่อมไม่หวานไม่เค็มกำลังดี”
“ไม่ล่ะ พี่กระเช้าชอบก็กินไปคนเดียวก่อน ฉัตรจะรอกินพร้อมพ่อกับแม่”
คนฟังยู่ปากเพราะกินขนมของเจ้านายไปหลายห่อ แต่ท้องก็ยังไม่ยอมอิ่ม หากไม่นึกกระดากเจ้านายสาวกระเช้าคงฟาดขนมตรงหน้าที่ซื้อมาจากตลาดหมดทั้งตะกร้า
“อีกนานไหมน้าปั่นกว่าจะถึงบ้าน”
คนที่ได้รับตำแหน่งเป็นทั้งเพื่อนและพี่เลี้ยงของปาริฉัตรหันไปถามนายปั่นที่ทำหน้าที่ขับเรือ หากไม่คิดว่าจะเป็นการขัดใจเจ้านาย กระเช้าก็ไม่อยากให้นายปั่นเปลี่ยนเส้นทาง เพราะก่อนหน้านี้ก็เสียเวลาในตลาดแต่พอลงเรือแทนที่จะมุ่งตรงกลับบ้าน ปาริฉัตรก็เกิดอยากเปลี่ยนเส้นทางเรือที่ต้องใช้เวลามากกว่า ทั้งที่การสัญจรโดยการใช้รถยนต์ก็แสนจะสะดวกสบายกว่าหลายเท่า แต่เจ้านายสาวของกระเช้ากลับนิยมชมชอบการไปไหนมาไหนโดยเรือยนต์ ป่านนี้กำนันเพิ่มและน้าละมัยคงนั่งชะเง้อคอยมองหา
ดวงอาทิตย์ที่กำลังเคลื่อนตัวตั้งตรงกับศีรษะบอกเวลาใกล้เที่ยงทำให้เหล่าพยาธิในท้องของกระเช้าเริ่มขยับตัวมากขึ้น แม้จะซัดขนมหลายห่อแต่คนที่เคยกินข้าวอิ่มท้องจนชินก็ไม่อาจอิ่มท้องได้
“ไม่นานหรอกน่า”ตาปั่นตะโกนแข่งกับเสียงเครื่องยนต์
“ไม่นานของน้าแต่เรือแล่นจะเป็นชั่วโมงแล้วนะ สงสัยฉันต้องถูกพ่อกำนันกับป้าละมัยเล่นงานแน่”
“นั้นมันก็เรื่องของเอ็ง ก่อนหน้านี้ใครกันวะที่เป็นตัวตั้งตัวตีให้ข้าขับเรือมาทางนี้”
“จะใครล่ะ ก็คุณฉัตรเธออยากนั่งเรือกินลมชมวิว ฉันก็แค่อยากตามใจอย่ามาโทษฉันคนเดียวสิ”
“เอ็งก็เลยคิดจะโทษคุณฉัตรว่างั้น”
“นี่ลุง! ฉันยังไม่ได้พูดสักคำเลยนะ”คนอ่อนวัยทำหน้าเง้าปากก็เถียงไม่ลดละ
“แต่เมื่อกี้เอ็งบอกเองว่าเพราะคุณฉัตรอยากนั่งเรือชมวิว”
คนที่อายุแก่คราวพ่อก็ไม่คิดจะยอมแพ้เด็กรุ่นลูก ต่างเถียงกันไปเถียงกันมาจนคนที่กำลังเพลิดกับวิวสองฝั่งคลองเกิดรำคาญหู
“อย่าทะเลาะกันเลย ฉัตรก็แค่อยากรู้ว่าบรรยากาศในคลองนี้เป็นยังไง อีกเดี๋ยวเดียวก็ถึงบ้านแล้วรับรองว่าพ่อกับแม่ยังไม่ทันได้กลับจากสวนหรอกน่า”
“ได้ยินหรือยังนังกระเช้า คุณฉัตรเธอยังไม่เห็นเดือดร้อนเหมือนเอ็ง ข้าว่าเอ็งคงหิวข้าวมากกว่าเห็นฟาดขนมของไปตั้งหลายห่อ”นายปั่นแอบยิ้มเยาะเมื่อเห็นหญิงสาวถลึงตาใส่ ก็เขาดันรู้ทันแม่จอมตะกละเข้าไงล่ะ
“จ้า ได้ยินเต็มสองหู ว่าแต่น้ารีบขับเรือให้เร็วเข้าเถอะ”
กระเช้าสะบัดหน้าทำกระเง้ากระงอดเพราะถูกตาปั่นจับไต๋ได้ ก่อนจะหันมาส่งยิ้มแหย่ให้กับนายสาว ปาริฉัตรส่ายหน้าอย่างอ่อนใจทั้งคู่นั้นต่างเป็นไม้เบื่อไม้เมาเป็นคู่ลับฝีปากกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
ไม่นานเรือที่ตาปั่นกำลังเร่งเครื่องก็แล่นมาตามคุ้งน้ำตรงที่บ้านคนบางตาสองฝั่งคลองมีต้นลำพูนสลับกับต้นจาก เรือแล่นยังไม่ทันพ้นโค้งน้ำดีสายตาของปาริฉัตรก็มองเห็นร่างใครคนหนึ่งกำลังฟุบคาอยู่ในกอจาก
“ตาปั่นจอดเรือตรงนั้นก่อน”
“คุณฉัตรจะทำอะไรจ้ะ คนตายหรือเปล่าก็ไม่รู้”กระเช้าห้ามเมื่อเดาได้ว่าหญิงสาวกำลังคิดจะทำอะไร
“เขาตายหรือยัง ถ้ายังเราก็จะได้ช่วยเขาไง”
กระเช้าได้ยินเกือบกรีดร้อง“อย่าแม้แต่คิดเด็ดขาด นั้นคนตายนะทางที่ดีเราไปตามผู้ใหญ่หรือพ่อกำนัน อย่าเข้าไปใกล้เลยดีกว่าจ้ะ”
“ได้ยังไงล่ะพี่กระเช้า ถ้าเขายังไม่ตายล่ะ”แม้กระเช้าจะห้ามปรามแต่มีหรือที่ปาริฉัตรจะยอมเชื่อฟัง
ภายนอกเธอเหมือนผู้หญิงอ่อนหวานหัวอ่อนจนอาจเข้าใจว่าเธออ่อนแอ แต่ไม่ใช่คนที่เติบโตมาด้วยกัน ปาริฉัตรไม่ใช่คนที่จะกลัวสิ่งใด ต่างกับกระเช้าที่กลัวจนขนลุกชัน
“พี่กระเช้ากลัวผีนะคุณฉัตร”สาวร่างอวบผิวคล้ำตรงเข้ากอดร่างอรชรซุกหน้าตัวสั่นงก
“นังกระเช้าปล่อยคุณฉัตร เดี๋ยวก็กันล้มไปทั้งคู่ ตายไม่ตายเดี๋ยวข้าจะลงไปดูเอง”ตาปั่นรำคาญแม่กระเช้าใบยักษ์จึงขันอาสาไปชันสูตรร่างที่นอนฟุบหน้า
“น้าปั่นระวังตัวด้วยนะ”ปาริฉัตรกำชับ
“ครับคุณหนู”
ตาปั่นเดินตรงไปที่ชายนอนคว่ำหน้า มือหยาบกร้านผลักร่างพลิกกลับมานอนหงายก่อนจะใช้หลังมืออังที่จมูกของอีกฝ่าย
“ยังไม่ตายครับคุณฉัตร!”
ร่างบนเตียงรู้สึกตัวขึ้นในบ่ายของวัน แค่เขาขยับตัวความเจ็บปวดก็แผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์กาย ความหนักอึ้งจู่โจมที่ศีรษะของชายหนุ่ม เขามองไปรอบห้องก่อนเห็นสายน้ำเกลือที่แขนแค่นั้นก็เดาได้เขาอยู่ที่ไหน
ชายหนุ่มพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างยากลำบากด้วยมีบาดแผลที่เอวค่อนข้างฉกรรจ์ ไม่คิดว่าตำรวจคนนั้นสามารถเล่นงานเขาจนเจ็บเจียนตายได้แบบนี้ แม้จะรอดตายแต่ที่นี่คงไม่ปลอดภัย ตำรวจคงตามกลิ่นมาอีกในไม่ช้าเขากัดฟันข่มความเจ็บปวดมองหาทางหนี แต่เสียงหวานของคนด้านนอกทำให้พยับหยุดการเคลื่อนไหว
ก่อนหมดสติจำได้ว่าเขาหนีการไล่ล่ามาจนมุม จึงยอมเสี่ยงตายว่ายน้ำหนีตำรวจจนหมดแรง ในตอนครึ่งหลับครึ่งตื่นกลับมีความทรงจำของหล่อน แม้ในตอนที่สติลางเลื่อนภาพใบหน้างดงามที่ปรากฏตรงหน้ากลับชัดเจนจนเขาสามารถเก็บรายละเอียดได้ทั้งหมด