“ไม่เป็นไรค่ะ หนูแค่เดินตามพี่พายุไม่ทันเลยสะดุดขาตัวเอง” ฉันพูดขึ้นทันทีเมื่อทุกคนถามขึ้น
“โง่” พี่พายุพูดขึ้นพร้อมกับเขาที่มองฉันนิ่งๆ แต่ก็ไม่ได้มาช่วยฉันแบบคนอื่นๆ
เหอะ ฉันจีบพี่เรย์ดีกว่าไหมเนี่ย
ดูท่าเป็นห่วงเป็นใยฉันมากกว่าคนแถวนี้อีก
“หนูลุกได้ค่ะพี่เรย์ขอบคุณนะคะ” ฉันตอบกลับไปทันทีพร้อมกับลุกขึ้น
มันรู้สึกเจ็บข้อเท้าแปลกๆ ให้ตายสิ เจ็บจนจะร้องไห้
“อะ...โอ้ยยย” สุดท้ายฉันก็ล้มลงกับพื้นอีกครั้ง ไม่มีการสำออยหรือเสแสร้งใดๆ เพราะอันนี้เจ็บจริง
“พี่ว่าไม่น่าไหวไอ้พายุมึงอุ้มน้องไปห้องพยาบาลดิ” เสียงพี่เรย์พูดขึ้นอีกครั้งตอนนี้ฉันไม่มีอารมณ์มายิ้มหรืออะไรเพราะฉันเจ็บมาก
“ทำไมต้องกู” พี่พายุพูดขึ้นทันที
“ถ้ามึงไม่เดินเร็วน้องเขาจะสะดุดล้มไหม” พี่คิมหันต์พูดขึ้นต่อทันที
“พี่เรย์คะคือพี่เรย์อุ้มหนูไปหน่อยได้ไหมคะ หนูไม่ไหวแล้วอะ ขืนรอให้พี่พายุอุ้มไปมีหวังหนูไม่ได้ไปพอดี” ที่ฉันพูดออกไปแบบนี้ไม่ใช่จะจีบพี่เรย์แต่เพราะดูแล้วคนอย่างพี่พายุไม่มีทางอุ้มฉันไปแน่ๆ
“ไอ้เรย์มึงพาไปเหอะเดี๋ยวน้องจะเป็นอะไรมากกว่านี้” พี่ติณณ์พูดขึ้นต่อทันที
ตอนนี้พี่เรย์เหมือนทำท่าครุ่นคิดส่วนพี่คิมหันต์และพี่ติณณ์ก็พยุงฉันขึ้นนั่งบนเก้าอี้
“ไปครับ”
“กูพาไปเอง”
“ห่ะ” พี่เรย์ พี่คิมหันต์และพี่ติณณ์ส่งเสียงร้องขึ้นพร้อมกันอย่างไม่เชื่อหูส่วนฉันก็ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเหมือนกัน
“จับไว้” พี่พายุพูดพร้อมกับจับมือฉันคล้องคอตัวเอง ส่วนเขาก็สอดมือไปด้านหลังและใต้ขาของฉันก่อนจะอุ้มฉันขึ้นในท่าเจ้าสาว
ความรู้สึกนี้อีกแล้วความรู้สึกที่ฉันไม่เคยลืมความอบอุ่นจากตัวเขาที่มันแผ่มาถึงตัวฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันปลอดภัยแบบไม่มีอะไรต้องกลัว
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
“ทำไมใจเต้นแรง” ฉันต้องบอกยังไงดีบอกว่าเขินหรอ
“หนูคงเจ็บมั้งคะ”
“คิดว่าจะตายเต้นแรงขนาดนี้” นี่เขาแช่งฉันรึไง
“หนูยังไม่ตายหรอกค่ะหนูต้องจีบพี่พายุให้ติดก่อน” ยังไงซะฉันก็ต้องจีบพี่พายุติด
“จะจีบฉันแต่เมื่อกี้บอกให้ไอ้เรย์อุ้ม” พี่พายุพูดขึ้น พร้อมจ้องฉันนิ่ง
เอ๊ะ! ทำไมฉันรู้สึกว่าห้องพยาบาลมันไกลแปลกๆ
“ห้องพยาบาลมันไกลหรอคะ” ฉันถามขึ้นทันทีเพราะฉันก็ไม่ใช่เด็กวิศวะที่จะรู้ว่าห้องพยาบาลคณะเขาอยู่ไหนแต่ฉันแค่รู้สึกว่าพี่พายุอุ้มฉันผ่านสายตาผู้คนมาเยอะแล้ว
“ตอบคำถามฉัน” น้ำเสียงนิ่งเรียบดังขึ้นทันที
“หึงหนูหรอคะ” ฉันถามขึ้นออกไปเพราะฉันก็ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าฉันคิดยังไง ฉันขอคิดเข้าข้างตัวเองแล้วกัน ว่าคนที่อุ้มฉันอยู่กำลังหึงฉัน
“ถ้าไม่ตอบก็จะคิดว่าหึงหนูนะคะ ฮั่นแน่ เริ่มชอบหนูแล้วหรอ”
“ไม่ได้หึง ไม่ได้ชอบ” เรียกฉันไปตบกลางสี่แยกยังเจ็บน้อยกว่านี้เลย
“ปะ...ไปไหนคะ” ฉันทำหน้า งง ยิ่งกว่าเก่าเมื่อพี่พายุเปิดประตูรถและทำท่าวางฉันเข้าไปในเบาะรถ
“อะ…โอ้ยยย วางเบาๆ สิ” กำลังจะโรแมนติกสักหน่อยแต่เขาดันโยนฉันลงเบาะ
ลืมไปหรือเปล่าว่าฉันเจ็บอยู่
“พาไปไหนคะ” ฉันถามขึ้นอีกครั้งเมื่อเขาเข้ามาอยู่ในตำแหน่งคนขับ
ให้ตายเถอะ บุญก้นอิโมจริงๆ รถหรูคันหลายสิบล้านอิโมได้นั่งแล้วววว
“ตึกแพทย์” ฉันพยักหน้าเป็นอันเข้าใจเพราะมหาลัยมีคณะแพทย์อีกทั้งยังมีโรงพยาบาลให้อีกด้วย คล้ายๆ กับคลินิกทั่วไปแต่หมอที่นี่คือนักศึกษาแพทย์ชั้นปีสูงๆ
“อย่าคิดไปไกลว่าฉันรู้สึกอะไร”
“หนูยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะคะ” ฉันรีบตอบทันทีเพราะพี่พายุก็พูดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ก็ดี”
“แต่เหมือนพี่พายุจะพูดกับหนูเยอะขึ้นนะคะ” ตั้งแต่เขาอุ้มฉันมาที่รถ เขาก็พูดกับฉันหลายคำอยู่นะถึงมันจะห้วนๆ หน่อยก็เถอะ
“เป็นอะไรมาครับ” ทันทีที่เข้ามาในห้องตรวจ พี่หมอก็ถามฉันขึ้น
ให้ตายเถอะแก
หล่อมากชนิดที่ว่าพี่พายุโดนปัดตกเลยนะ
“สะดุดขาตัวเองล้มค่ะ” พี่หมอก็เลื่อนเก้าอี้มาทางฉันพร้อมกับจับเท้าฉันขึ้น
“อะ…โอ้ยยย” ฉันร้องขึ้นทันทีเมื่อพี่หมอจับข้อเท้า
“ข้อเท้าแพลงนะครับ มีเส้นเอ็นฉีกขาดนิดหน่อย แต่ไม่เยอะไม่ถือว่ารุนแรงมาก”
“พยายามอย่าลงน้ำหนักที่เท้าข้างนี้เยอะนะครับ แล้วก็ขยันประคบเย็นเพื่อลดอาการบวมนะ ส่วนยารอรับด้านหน้าได้เลยนะครับ” พี่หมอพูดจบก็ยิ้มกว้างๆ
ถ้ารู้ว่าคณะแพทย์งานดีขนาดนี้ไม่เสียเวลาไปจีบพี่พายุหรอกค่ะ
“ขอบคุณนะคะ” ฉันพูดขึ้นทันที
“ถ้ามีอะไรสงสัยกับอาการถามได้เลยนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
พายุ
“ไปได้ยัง” ผมถามขึ้นอย่างหงุดหงิดผมก็อยู่ในห้องตรวจด้วยแต่ทำไมผมรู้สึกเป็นอากาศธาตุซะงั้น
“ครับ เชิญได้เลยครับ” ไอ้หมอพูดขึ้นส่วนผมก็ทำหน้าที่เข็นรถเข็นคนเจ็บมารอรับยา
“พี่พายุคะหนูทำอะไรให้พี่พายุไม่พอใจหรือเปล่า เมื่อกี้ยังทำหน้าดีๆ อยู่เลย” ตัวน่ารำคาญถามผมขึ้นทันที
จะให้ผมบอกว่าอะไร ไม่ชอบใจหรอ ก็ไม่ใช่
“เปล่า”
“คิดว่าหึงหนูกับพี่หมอจนอารมณ์ไม่ดี”
“ฉันไม่ได้ชอบเธอทำไมฉันต้องหึง” ผมตอบกลับอย่างไม่คิดอะไรเพราะผมไม่ได้ชอบเธอจริงๆ มีเหตุผลอะไรกันที่ผมต้องหึงเธอกับผู้ชายคนอื่น
“ค่ะๆ รู้แล้วค่ะว่าไม่ชอบ”
“ว่าแต่พี่พายุบล็อกเฟสหนูทำไมคะ” เธอถามขึ้นต่ออีกครั้ง
“อยากบล็อก” เพราะที่ผมบล็อกผมก็อยากบล็อก
“เอาที่สบายใจเลยค่ะต่อให้เฟสหนูถูกพี่พายุบล็อก แต่พี่พายุก็บล็อกหัวใจหนูไม่ได้หรอกค่ะ” ผมไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยืนฟังนิ่งๆ เพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรกลับไป ผมไม่อยากให้เด็กนี่ต้องรู้สึกไปมากกว่านี้
“พี่พายุคะว่าแต่พี่พายุรู้ชื่อหนูหรือเปล่าคะ”
“ไม่” ผมไม่ได้ใส่ใจเธอจนถึงขั้นที่ต้องรู้ชื่อของเธอ
“หนูชื่อโมจินะคะ”
“จำไว้แล้วเรียกด้วยนะคะ เพราะอนาคตพี่พายุจะมีแฟนชื่อโมจิ”
“เพ้อเจ้อ”