“...หยุด..ให้ฉันอาบน้ำก่อนสิ...”
“ไม่ทันแล้ว...เวลาผมมีให้คุณแค่สองชั่วโมงถ้าคุณยังเล่นตัวแบบนี้ผมจะกลับ และเรื่องนี้อาจารย์ของคุณคงไม่ชอบแน่ๆ”
พิมพิชญารู้ว่าถ้าอาจารย์หมอรู้ว่า เธอขัดขื่นเรื่องนี้ ก็เหมือนว่าเธอไม่ยอมทำตามคำสั่ง เธออาจจะถูกคัดออกจากทีมวิจัยก็เป็นได้
“ได้..ได้..แต่..ให้ฉันทำใจก่อนสิ”
“ไม่...คุณต้องให้ผมทำคุณตอนนี้ เวลาของผมเป็นเงินเป็นทองนะ คุณรู้ไหม?”
“งั้นเอาสิ...จะทำอะไรฉันก็เชิญ”
ศิวะยิ้มเพราะแค่เขา ขู่และอำเรื่องอาจารย์ที่ได้ยินจากการพูดคุยโทรศัพท์เมื่อสักครู่หญิงสาวก็ยอมเขาทุกอย่าง
“ผมจะจูบแล้วนะ...”
“มาสิ เข้ามาเลย...”
พิมพิชญาก็คือพิมพิชญาที่กล้าได้กล้าเสีย ขณะที่ศิวะยิ้มหวาน เมื่อเห็นหน้าสวยหลับตาพริ้ม เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยเพื่อรอให้เขาจูบ และชายหนุ่มก็ไม่รอช้าเพราะเขาใช้ปากเลื่อนเข้าไปจุมพิตปากที่เผยรออยู่ในทันที...
ครั้งนี้ไม่มีการต่อต้านจากหญิงสาว ทำให้การรุกลิ้นเข้าไปในปากของหญิงสาวเกิดขึ้นตามที่มันควรจะเป็น
“อือ....”
ร่างใหญ่ดึงร่างเล็กให้ล้มลงบนที่นอนนุ่น ในขณะที่ปากของทั้งคู่ยังประกบกันอยู่ ก่อนที่ชั้นเชิงของผู้ให้บริการจะจัดท่าให้เข้าที่ ด้วยการขยับตัวขึ้นไปนอนทาบทับบนตัวของหญิงสาว พร้อมดูดลิ้นหวานของเธอ
พิมพิชญารู้ว่าตอนนี้อารมณ์ของเธอมันกระเจิดกระเจิงแค่สัมผัสจูบแรก และ นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอยินดี ยินยอมปล่อยตัวปล่อยกาย ให้ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์กับเธอ และตอนนี้หญิงสาวก็รู้แล้วว่า ทำไม? อาจารย์ของเธอจึงต้องการให้เธอได้ลิ้มลองรสสวาท เพราะว่าความรู้สึกของเธอในตอนนี้ ถ้าใครไม่เคยได้มาสัมผัสเอง ก็คงไม่มีทางรู้ว่ารสชาติของการเสพกามรมณ์ มันเป็นเยี่ยงไร? อย่างแน่นอน
“อื่อ.....”
พิมพิชญาแลกจูบอย่างไม่หวันเกรง ผู้ที่เคยผ่านสนามรักมาอย่างโชกโชนอย่าง ศิวะ และเมื่อเขาล้วงลิ้นเข้ามาในปากของเธอๆ ก็ล้วงลิ้นเข้าไปในปากของเขาคืนเช่นกัน และเมื่อเขาเหนี่ยวเสื้อของเธอขยับจะถอด หญิงสาวก็เลื่อนกายให้เขาถอดมันออกไปได้โดยง่าย จนในที่สุดช่วงบนของหญิงสาวก็เปล่าเปลือยเมื่อชายหนุ่มโยนทั้งเสื้อและบราเชียร์ของเธอลงไปกองอยู่ที่พื้น
“คุณ...คุณ...ฉัน....”
เสียงเพ้อหลุดจากปากสวย เมื่อมือหนาเน้นกดเหนือกางเกงหนา เพื่อหวังให้ความกระด้างของเนื้อผ้าเบียดเสียด เนื้อนุ่นที่ไวต่อความรู้สึกภายใต้ผ้า และ สิ่งที่ชายหนุ่มหวังมันก็สัมฤทธิผล เพราะประสาทสัมผัสตรงนั้น มันถูกกระทำแบบเต็มๆ จนทำให้ร่างบางบิดงอไปมา
“อูย์...คุณๆ เบาๆ ...ฉัน ..อือ..”
ความเป็นสาวมั่นและ ความร้อนแรงของหญิงสาวประจักษ์แก่สายตาของศิวะ จนทำให้เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าหญิงสาวผู้นี้คือสาวบริสุทธิ์ เพราะ ในขณะที่ชายหนุ่มใช้มือลูบถู เธอก็ใช้มือเอื้อมไปลูบเนื้อแข็งในกางเกงชั้นในของเขาๆ เช่นกัน…แถมยังมีประโยคคำถามออกมาจากปากของเธอ
“..ของคุณยาวกี่นิ้ว? ...”
นักศึกษาแพทย์ปีสุดท้าย ในหลักสูตรสูจติศาสตร์-นรีเวชวิทยา อย่างพิมพิชญารู้ดีว่าขนาดอวัยวะเพศของชายไทยมีค่าเฉลี่ยเท่าไหร่ ที่มันควรจะเรียกขนาดไหนว่าเล็ก ขนาดไหมเรียกว่าใหญ่ และ เท่าที่เธอใช้มือของนักศึกษาแพทย์สัมผัสอวัยวะสำคัญของศิวะ เธอก็รู้ได้ในทันทีว่า มันต้องจัดอยู่ในจำพวกขนาดใหญ่อย่างแน่นอน
“ไม่บอก อยากรู้คุณก็ลงไปวัดเอาเองสิ...”
“บ้าสิฉันไม่เคย...และทำไม่เป็น”
“ถ้าไม่ทำ งั้นผมทำเอง...”
พูดจบศิวะก็ใช้มือปลดกระดุมยึดกางเกงยีนของพิมพิชาญาออก แล้วดึงรูดมันลงไปตามขาเรียว โดยเจ้าของกางเกงช่วยยกก้นขึ้นแล้วขยับให้มันหลุดให้พ้นขาของเธอออกไปโดยง่าย
“คุณนี่เยี่ยมจริงๆ ...ผมยกนิ้วให้ ...แต่ เอะ...”
“อะไร? ...”
ศิวะมองไปที่เป้าหมายสำคัญ ที่ตอนนี้มันมีเพียงกางเกงชั้นในของหญิงสาวเหลือห่อหุ้มอยู่เพียงชิ้นเดียว แต่นั่นมันทำให้ชายหนุ่มได้พบกับสิ่งผิดปกติ
“คุณเป็นเมน...”
“อุย! ตายแล้ว”
หญิงสาวเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงรีบลุกขึ้นนั่ง แล้วรีบมองสำรวจ ก่อนจะพบว่ามีวงสีแดงเล็กๆ ประมาณเหรียญบาท ติดอยู่บนกางเกงในของเธอ และสิ่งนั้นมันทำให้หญิงสาวรู้ว่าเธอกำลังมีรอบเดือน ก่อนที่หมอสาวจะรีบลงจากเตียงไปในทันที
“งั้น..คุณกลับไปได้แล้ว....”
“ไม่นะ...ผมทำได้..”
“ไม่มันสกปก และฉันอาจเป็นมะเร็งได้ถ้าทำยังว่าตอนมีรอบเดือน.. ไป..คุณกลับไปได้แล้ว”
พิมพิชญาเร่งเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ทำให้ศิวะไม่มีทางเลือก เขาจึงใส่เสื้อผ้าแล้วเดินไปที่ประตูแต่ไม่วายที่จะพูดออกมา
“วันหลังผมทำ...ต่อให้ได้นะ”
“ไม่ต้องถ้าอาจารย์สั่ง..ฉันหาเองได้..ฟรีด้วย..”
เสียงเล็กแหลมตอบออกมาจากห้องน้ำก่อนที่ชายหนุ่มจะก้าวออกจากห้องไปแบบหัวเสีย
......................................................
“ไปไอ้ดลกลับ..”
ศิวะขึ้นรถก่อนที่ธีรดลผู้ที่มารอรับจะออกรถให้วิ่งออกจากลานของคอนโดหรูเข้าไปยังถนนเมนหลัก
“เป็นยังไงน้องสาวมึง...อายุแค่นี้เรียกผู้ชายมาเสพสวาทเสียแล้ว”
ธีรดลพูดถึงคำว่าน้องสาว มันทำให้ศิวะนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ โทรศัพท์มือถือจึงถูกล้วงออกมาเปิดดูไฟล์ภาพ ที่เขาเพิ่งแอบถ่ายใบหน้าของพิมพิชญาเอาไว้เมื่อครู่ แล้วเอามาเทียบกับภาพในโทรศัพท์อีกภาพ
“มึงว่าเป็นคนเดียวกันไหมวะ..ดล”
ชายหนุ่มเลื่อนภาพสลับกันระหว่างภาพผู้หญิงสองคนไปมาให้เพื่อนดู
“มึงจะไปหาเรื่องอะไรน้องเขาอีก...ไอ้บ้า”
“น้องชายกูฆ่าตัวตาย เพราะหญิงเลวคนนี้มึงก็รู้”
ชายผู้อยู่ในตำแหน่งสารถีทำหน้าเซ็งก่อนกล่าว
“ภาพเก่าที่มึงเอามาให้กูดู ก็กูนี่แหละแค๊ปมาจากเฟสบุ๊ก ก่อนที่เจ้าของๆ มันจะปิดไป และภาพหน้าเจ้าของเฟสมันแค่เหมือนกับน้องพิมพิชญาเขา และไอ้ภาพผู้หญิงที่มึงพยายามจะตามหาเธอก็เอามือปิดปากไว้ มันจะไปเหมือนใครก็ได้โว้ยแบบนี้...ไอ้เวร”
“แต่กูว่าใช่”
“เออๆ ...ใช่ก็ใช่แล้วมึงจะทำอะไร? ไปฆาตกรรมน้องเขาหรอ? ...ฆ่าคนโดยการเดาเอา? โธ่..เวรแล้วมึง”
ศิวะหูฟังเพื่อนกล่าว แต่ใจหวนคิดถึงภาพน้องชายที่ได้ทำอัตวิบาตรกรรมไปเมื่อสองปีที่ผ่านมา และในวันนั้นเขาจำได้แม่น เพราะมันเป็นตอนที่ชายหนุ่มกำลังเดินเข้าไปในบ้าน แล้วเห็นน้องชาย นอนจมอยู่บนกองเลือดภายในห้องนอนของเขา
“เคนๆ ...น้องพี่”
ศิวะวิ่งเข้าไปนั่งโอบกอดร่างไร้วิญญาณของน้องชาย ในขณะปืน ที่ใช้สังหารตัวเองยังติดคาอยู่ที่มือผู้เป็นน้อง ก่อนที่น้ำตาของผู้เป็นพี่จะไหลพรากออกมานองทั้งสองแก้ม
“ทำไหม? คิดสั้นยังงี้วะ...น้องพี่เอ๋ย..”
จิตใจของเขาหดหู่ยิ่งนักขณะที่กอดร่างของผู้วายชนม์เอาไว้ ก่อนที่สายตาจะมองไปเห็นกระดาษที่ถูกเขียนบางอย่างทิ้งไว้บนพื้น
“ญาหลอกผม ญาไปมีอะไรกับมัน ผมเกลียดคุณ และคุณไม่ต้องมางานศพ..ของผม”
เมื่ออ่านข้อความลาตายเสร็จ ดวงตาของศิวะที่แดงก่ำจากความเสียใจและความโกธรสุดขีด ทำให้เขาตะโกนออกมา
“แกโง่จริงๆ น้องพี่.ที่ยอมตายเพราะผู้หญิงสารเลว...”
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น ศิวะก็มีเพียงภาพของหญิงสาวที่ทำให้น้องของเขาคิดสั้น ที่ธีรดลได้แค๊ปภาพนั้นมาจากโปรไฟล์ของหญิงสาวคนหนึ่ง ที่พวกเขาคิดว่าเป็นต้นเหตุทำให้น้องชายของศิวะต้องฆ่าตัวตาย ก่อนที่มันจะถูกเจ้าของของเฟสนั้นลบเฟสทิ้ง หลังจากข่าวการตายของน้องชายของศิวะจะถูกกระจายออกไปได้ไม่นาน
“ญา...ผู้หญิงคนนั้นชื่อญา ไอ้ดล”
“เอาอีกแล้วมึงกะจะให้มันไปคล้องกับชื่อน้องพิมพิชญาลูกพ่อเลี้ยงของมึง มึงก็พูดออกมาเลย...ไอ้เวร”
“ยังไงกูต้องพิสูจน์เรื่องนี้ให้ได้”
“มึงมันเกลียดครอบครัวน้อง จนโยงทุกอย่างที่ชั่วๆ ไปให้เขาหมด ไง..มึงว่าจะพิสูจน์มึงก็พิสูจน์ไปแล้วไง? ...ว่าเธอยังบริสุทธิ์อยู่หรือเปล่า? เพราะว่าผู้หญิงที่ทำให้น้องมึงตายเธอต้องไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แน่ๆ เพราะเธอนอนกับผู้ชายไปทั่ว...”
ศิวะคิดตามเหตุและผลของธีรดล ทำให้รู้ว่าเขาพลาด ที่ไม่ได้ร่วมรักกับพิมพิชญาเมื่อสักครู่
“เออ...แล้วน้องเขาบริสุทธิ์จริงไหมวะ? ...เพื่อน”
“มึงว่าผู้หญิงดีๆ เขาจะจ้างผู้ชายไปเปิดบริสุทธิ์ไหมวะ? ...ไอ้ควายดำ”
“อ้าวเห็นว่าตอนรับงานมาม่าซังสั่งว่า งานนี้ลูกค้ายังบริสุทธิ์อยู่ไม่ใช่เหรอวะ”
“มันก็แค่หญิงร่าน..สะดิ้งอยากจะเป็นสาวบริสุทธิ์แค่นั้นแหละวะ”
“อ้าว...มึงนอนกับน้องเขาแล้ว แล้วมันเป็นยังไงวะ..ฟิตจนเลือดไหล...หรือ ..โบ๊ว”
“มึงขับรถไปไอ้ดล และอย่าได้มาถามเรื่องนี้กับกูอีก”
ธีรดลยิ้มเพราะอาชีพผู้ชายขายน้ำอย่างพวกเขา เรื่องที่เอามาถามกันในตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องน่าอายสักนิด
“เออ...หรือว่ามึงมีจิตใต้สำนึกขึ้นมาแล้วว่า...น้องพิมพิชญาเป็นน้องสาวของมึงจริงๆ ขึ้นมา.จึงไม่ยอมทำอะไรเธอ เพราะความเป็นสุภาพบุรุษของมึงใช่ไหมวะ..เพื่อน”
ปลายเสียงกระเนะกระแน..แนวยี่ยวน ทำให้ศิวะตอบออกมาด้วยอารมณ์หงุดหงิดเมื่อเขาถูกยั่วตรงจุด
“มึงว่า...ลูกสาวของผู้ชายที่แย่งแม่ไปจากพ่อกู กูจะรับมาเป็นน้องเหรอวะ”
“ไม่แน่หรอกเพื่อน ตอนอยู่ในห้องสองคน มึงทั้งสองอาจ..ดาม่า...แบบว่า..พี่น้องต่างบิดามารดาพึงมาพบมาเจอกันก็เลยรักกันก็เป็นได้นิ...ใครจะรู้”
“กูบอกว่า กูไม่รับว่านั้นคือน้องสาวกู...ไอ้เวร มึงนี้กวนเบื้องล่างกูจริงๆ”
“เออ..ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ และกูรู้ว่าที่มึงขอรับงานนี้ทั้งๆ มึงที่เลิกอาชีพนี้ ไปนานแล้ว นั่นก็เพราะมึงหวังจะล้างแค้นแทนพ่อมึง งั้นกูขอถามใหม่ ว่ามึงเอาเธอไปกี่ที่วะ...เพื่อน”
ผู้ถูกถามส่ายหัวไปมาก่อนที่จะคิดถึงเหตุการณ์ที่เบนชะตากรรมครอบครัวของเขา ให้เปลี่ยนแปลงไปในทางเลวร้ายเมื่อครั้งอดีต จนทำให้ศิวะปติญาณกับตนเองว่า เขาจะต้องทำอะไรสักอย่างเมื่อถึงเวลา...ก่อนเหตุการณ์ในอดีตจะผุดขึ้นมาในหัว
...ย้อนไปในอดีต..
“อือๆ แม่ไปก่อนนะศิวะ อือ..ดูแลน้องดีๆ นะลูก เดียวแม่จะมั่นมาหา..นะลูกนะ อือ”
แม่ของศิวะกล่าวขณะน้ำตานองสองแก้ม ก่อนจะคลายกอดจากเขาและน้อง แล้วตัดสินใจลุกขึ้นแล้วตั้งหน้าตั้งตาเดินไปจากลูกทั้งสองคน ที่ต่างพากันยืนงง โดยเธอไม่ยอมเหลียวหลังกลับมามองพวกเขาเลย
“พ่อครับ...แม่จะไปไหน? ครับ..แม่ครับให้เคนไปด้วยครับ...”
ขณะที่ผู้เป็นน้องกำลังจะเริ่มวิ่ง เพื่อไปหาผู้เป็นมาดาร ที่กำลังเดินจากบ้านไม้ชั้นเดียวหลังเล็ก เพื่อที่จะไปขึ้นรถเก๋งคันหรูที่เด็กน้อยไม่คุ้นเคย ...
“ไปจับน้องเอาไว้ศิวะ”
ศิวะอายุเพียงสิบกว่าขวบในตอนนั้น วิ่งเข้าไปกอดเคนผู้เป็นน้องเอาไว้ ตามคำสั่งพ่อ ที่ตอนนั้นขาพ่อศิวะหักต้องใสเผือกนั่งอยู่บนเก้าอี้
“ปล่อยผมพี่ศิวะผมจะไปกับแม่”
“แม่ไปธุระ...เดียวก็มาเคน”
มันเป็นแค่คำโกหกของผู้เป็นพ่อ เพราะว่าหลังจากวันนั้นแม่ของศิวะก็ไม่เคยหวนกลับมาที่บ้านหลังนั้นอีกเลย
ศิวะจำได้ดีว่าพ่อของเขามีอาชีพรับเหมาทำโครงหลังเหล็ก ตั้งแต่เขาจำความได้ และเขารู้ว่าแม่ของเขาเป็นผู้หญิงที่สวยมาก และความสวยของผู้เป็นแม่ ก็ได้นำโชคชะตาอันเลวร้ายมาสู่ครอบครัวของเขา โดยจุดเริ่มต้นของ
เรื่อง มันก็สืบเนื่องมาจากพ่อของเด็กน้อยได้ไปรับงานทำโครงหลังคา กับเสี่ยราเชนผู้รับเหมารายใหญ่ และ ผู้รับเหมาเมียตายที่มีลูกสาวติดสองคนผู้นี้นี่เอง ที่พรากแม่ไปจากศิวะและน้องชาย หลังจากงานโครงหลังคาที่พ่อของเขารับเหมาได้พังถล่มลงมาครั้งนั้น
และพิมพิชญานั่นก็คือลูกสาวคนโตของเสี่ยราเชน ที่ในเวลานี้ราเชนคือ เจ้าของธุรกิจสังหาริมทรัพย์โครงการหลายพันล้านชื่อดังในปัจจุบัน
………………………………………………………..
พิมพิชญาพลักประตูก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในบริษัทโมเดิร์นโฮมการ์เด้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“สวัสดีค่ะคุณพิมพ์”
พนักงานประชาสัมพันธ์บริษัทใหญ่ยกมือไหว้แล้วกล่าวทักหญิงสาวอย่างคุ้นเคย
“เออ...น้องแตงหวานวันนี้เขานัดกันที่ไหนจ๊ะ”
“ที่ห้องท่านประธานคะ”
เมื่อประตูหน้าห้องที่เขียนไว้ว่าประธานถูกเปิดออก
“พี่พิมพ์รถไฟฟ้าสายไหน? คะที่หอบคุณหมอเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาถึงที่นี่ได้”
พิมพิชญายิ้มให้น้องสาวแท้ๆ ที่กล่าวทัก ก่อนจะยกมือไหว้ชายมีอายุ ท่าทางภูมิฐานที่นั่งอยู่บนรถวิลแชร์ที่แสดงใบหน้าเอิบอิ่มอยู่ภายในห้องทำงานสุดหรู
“สวัสดีค่ะคุณพ่อ”
“ดีๆ ลูก..มาๆ ..มาให้พ่อกอดที...ไม่กลับบ้านกลับช่องมากี่วันแล้วนี่ฮึ..เรา”
พ่อที่ใกล้พิการถาวรเต็มทีกอดลูกสาวคนโตแล้วน้ำตาซึม ขณะลูกสาวคนเล็กยิ้มแจ่มใสมองดูทั้งคู่ด้วยความปิติ
“อย่าร้องสิพ่อ เป็นอัมฤกษ์ครึ่งตัวหายได้นะคะ แค่เราต้องมั่นทำกายภาพบำบัดตามที่หมอสั่งเท่านั้น”
“พ่อไม่อยากหาย เท่าอยากให้พิมพ์ มาช่วยงานบริษัทของเราหรอกลูก”
“พิมพ์อยากเป็นหมอพ่อก็รู้ และเราคุยกันเรื่องนี้กันหลายครั้งแล้วนะคะ”
ผู้เป็นพ่อรู้ว่าเขาไม่สามรถจะโน้นน้าวจิตใจของลูกสาวคนโตได้อีกครั้ง
“ก็ยังใจแข็งเหมือนเดิมเลยนะหนูพิมพ์”
“สวัสดีค่ะคุณน้า”
พิมพิชญาและอภิญา สองสาวพี่น้องยกมือไหว้ พร้อมกล่าวทักหญิงสูงวัย ผู้มีตำแหน่งเป็นแม่เลี้ยงของเธอทั้งคู่ ในขณะที่เธอก้าวเข้ามาภายในห้องพร้อมกับชายหนุ่มอายุราวสามสิบต้นๆ ในชุดสุภาพ
“เอา...นพพรเอาไปให้ตัวแทนท่านประธานเซ็นต์ได้แล้ว”
“ครับผู้จัดการ...และนี้ครับคุณพิมพ์”
“ขอบคุณค่ะพี่นพพร”
พิมพิชญาอ่านเอกสารขณะปากก็พูด
“ที่หลังก็ให้คุณน้าหรือน้องเซ็นต์ก็ได้นี่คะ...เอกสารพวกนี้”
พิมพิชญากล่าวขณะลงมือเซ็นต์ลายมือชื่อลงไปบนช่องที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้
“ไม่ได้จ๊ะหนูพิมพ์...หนูเป็นตัวแทนของพ่อ ไม่หนูก็ต้องเป็นคุณพ่อที่ต้องเป็นคนเซ็นต์อนุมัติ”
“วันนี้พ่อก็อยู่ ทำไหม? ไม่ให้พ่อเซ็นต์ละคะ”
“พี่พิมพ์ก็รู้นี่...ว่าพ่ออยากพบพี่ ก็พี่เล่นไม่กลับบ้านที่เป็นอาทิตย์ๆ”
อภิญาผู้เป็นน้องสาวกล่าวเสียงใส เฉลยสิ่งที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว
“แล้วรู้ข่าวดีกันหรือยังว่า พ่อของพวกเธอ ยอมจะไปทำกายภาพบำบัด ที่สถานบำบัดดังของยุโรปแล้ว และเชื่อได้แน่ว่า พ่อของพวกเธอจะหาย เพราะว่า ถ้าใครได้ไปบำบัดที่นี่ มีโอกาสเดินได้มีถึงแปดสิบถึงร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียวนะ”
ผู้เป็นแม่เลี้ยงกล่าวต่อเนื่อง ถึงเรื่องที่ทำให้สองสาวพี่น้องดีใจ ก่อนที่จะพากันเข้าไปกอดพ่อที่ตัดสินใจเดินทางไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ หลังจากปฏิเสธเรื่องนี้มานาน
“ลูกดีใจจังค่ะคุณพ่อ”
“อือ...ที่พ่อไม่อยากไปเพราะว่าห่วงธุรกิจ และถ้าลูกพิมพ์มาช่วยงานบริษัทพ่อก็คงเบาใจขึ้นเยอะ”
“น้องญา ก็ช่วยงานบริษัทอยู่นี่คะ...พ่อ”
“เออ...น้องก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ถ้าได้ลูกมาช่วยเต็มแรงอีกคนพ่อก็มั่นใจขึ้นอีกรู้ไหม?”
“โอเคร...ถ้าพ่อไปรักษาตัวที่ต่างประเทศเมื่อไร หนูสัญญาว่าจะมาช่วยงานที่บริษัทในทันที”
“ยังงี้สิลูกรัก”
พ่อและลูกสาวคนโตกอดกันแน่น ขณะลูกสาวคนเล็กและผู้เป็นแม่เลี้ยงยืนยิ้มมองดูด้วยความปีติ
............................................................................
รถเก๋งขนาดสมส่วนกับหญิงสาวเจ้าของผู้ขับ วิ่งผ่านประตูรั้วเข้ามาในอาณาบริเวณเกือบไร่ ก่อนที่รถจะวิ่งเข้าไปในโรงจอดของบ้านสองชั้นหลังใหญ่ทรงอิตาลีร่วมสมัย
พิมพิชญาที่ยังอยู่ในชุดกาวน์สำหรับแพทย์ มองดูนาฬิกา ก่อนจะรู้ว่า ตอนนี้มันเป็นเวลาเกือบจะสองทุมเข้าไปแล้ว เธอจึงรีบเดินเข้าไปในประตูบานใหญ่เข้าไปในตัวบ้าน
“อุย...อะไรกันนี่”
หญิงสาวสะดุ้งสุดตัวเมื่อเธอถูกกอดจากทางด้านหลัง
“คุณ...เข้ามาทำไม? ในบ้านหลังนี้.. จะเข้ามาขโมยของในบ้านนี้..ใช่ไหม?”
มันเป็นเสียงผู้ชายที่ดังอยู่ข้างหูนักศึกแพทย์ ทำให้หญิงสาวสงสัยว่าเขาคือใคร? ทำไมถึงมาอยู่ในบ้านของเธอ และ ยังกล้าดีมากอดและถามลูกสาวเจ้าของบ้านเยี่ยงนี้
“นาย..นั่นแหละเป็นใคร? นี่มันบ้านของฉัน”
“อ้าว..นี่คุณจำผมไม่ได้หรอ? “
“ใครวะ? ...”
หญิงสาวทำเสียงงงด้านหลังนั้นคือใคร แต่แก้มนวลกับถูกปลายจมูกสูดดม
“หือออ”
“นายทำบ้าอะไรนี่..”
“เออ...วันนี้ใจดีเอาแก้มมาให้หอมด้วย...แต่เหม็นเหมือนคนไม่ได้อาบน้ำเหมือนเดิม”
คำว่าเหม็นเหมือนคนไม่ได้อาบน้ำทำให้ พิมพิชญาเริ่มจะรู้แล้วว่า ชายคนนี้คือใคร?
“นาย เป็นนายใช่ไหม?”
แต่ขณะที่หญิงสาวหันหน้ากลับ ชายที่กอดเธอกลับใช้จังหวะที่หญิงสาวพลิกร่าง เข้าไปประกบจูบปากของเธอ
“อือ......”
พิมพิชญาเหลือกตาโพลงเมื่อรู้ว่าชายที่กำลังจูบเธอใช่คนที่คิด หญิงสาวจึงดึงใบหน้าออกเพื่อให้ปากหลุดออกจากการจูบ ก่อนที่จะกัดฟันพูดเสียงให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้
“นายบ้าไปแล้วหรอ...มาที่นี่ทำไม? เราไม่มีอะไรกันแล้วนี่ กลับไปเดียวนี้นะ..”
“อ้าวครั้งก่อนผมทำงานไม่สำเร็จ...ผมจึงมาทำงานผมต่อ”
“บ้า..บ้าสิ...ที่นี่มันบ้านฉันนะ..”
“อ้าวก็เอากันในบ้านสิ...หรือจะให้เอากันนอกบ้านผมก็อายเป็นนะ”
“บ้าๆๆ ..”
“จะบงจะบ้าอะไร..เมื่อผมทำงานไม่สำเร็จ ผมก็มาซ่อมงาน..แล้วมันผิดตรงไหน?”
“นายพูดเบาๆ ..หน่อยสิ”
หญิงสาวพยายามพูดเสียงให้เบาที่สุด เพราะกลัวว่าคนในบ้านจะได้ยิน เพราะคงไม่มีใครในบ้านเห็นด้วยแน่ ถ้างานวิจัยที่เธอกำลังทำ จะต้องจ้างผู้ชายให้มานอนกับเธอเช่นนี้
“พูดเบาๆ จะได้ยินเหรอครับ..คุณหมอ”
ศิวะอดยิ้มไม่ได้ เพราะขณะที่เขาพูดเสียงดัง หน้าสวยที่อยู่ในวงแขนก็ทำหน้าเหมือนจะเป็นจะตาย เพราะเธอกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน
“นาย..นาย..อยากให้คนรู้ว่า..ฉันจ้างนายมานอนกับฉันยังงั้นเหรอะ”
“อ้าวคุณหมอ กล้าทำก็กล้ารับสิครับ...”
“บ้าๆๆ ไอ้บ้า...”
“อ้าวถ้าไม่อยากให้มีคนมาเห็น งั้นก็รีบพาผมไปที่ห้อง ผมจะได้ทำหน้าที่ของผม..และเรื่องนี้มันจะได้เสร็จๆ ไปเสียที..เร็วสิครับคุณหมอ”
แต่ในขณะนั้นพิมพิชญากรู้สึกว่า กำลังมีคนเดินเข้ามาในบ้าน..
....................ตามต่อนะครับ.......................
เรื่องราวของศิวะและพิมพิชญาจะเป็นยังไงตามต่อนะครับ