ระรินน์ให้เหตุผลกับสามี…
ทุกวันนี้หล่อนรู้สึกเบื่อหน่ายกรุงเทพเต็มที ที่เชียงใหม่อากาศดีมาก และนี่เป็นโอกาสดีที่หล่อนจะได้รื้อฟื้นประสบการณ์ด้านพยาบาลที่เรียนมาแต่แทบไม่เคยได้ใช้
“แต่อาการป่วยของพ่อพี่… เอ่อ… มันไม่เหมือนคนอื่นๆ นะ สองอาทิตย์ที่ผ่านมาพ่อแทบไม่พูดกับใครเลย… แล้วพ่อก็เอาแต่ใจตัวเอง… ”
แทนไทรู้เรื่องนี้จากปากของ ‘ป้าชื่น’ หญิงวัยหกสิบซึ่งเป็นคนงานเก่าแก่ ป้าชื่นทำงานในไร่แห่งนี้มาตั้งแต่ก่อนหน้าที่สันต์จะมาซื้อต่อจากเจ้าของเดิม
ทุกวันนี้ป้าชื่นมาทำความสะอาดให้บ้านหลังนี้รวมทั้งหาข้าวปลาอาหารให้กับสันต์เป็นประจำ
ตอนแรกที่รู้เรื่องนี้แทนไทก็ตกใจมาก สัปดาห์ต่อมาเมื่อถึงวันหยุดก็รีบลางานแล้วเดินทางมาดูอาการของบิดา
“ไม่เป็นไรค่ะ… รินน์คิดว่าปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ คุณพ่อเหมือนคนที่ถูกทิ้งไว้นาน เท่าที่เห็นร่างกายของท่านยังแข็งแรงมากไม่ซูบผอม รินน์เชื่อว่าอาการของคุณพ่อจะดีขึ้นถ้ารินน์มาอยู่เป็นเพื่อน… ”
ระรินน์ยังคงยืนยันว่าอยากมาอยู่ดูแลพ่อสามี
“ไม่เปลี่ยนใจแน่นะ… ”
แทนไทถามย้ำอีกที กลัวว่าระรินน์จะรับมือไม่ไหว
“ไม่เปลี่ยนใจค่ะ… ”
น้ำเสียงหนักแน่นของภรรยาที่ได้ยิน ทำให้แทนไทรู้สึกซาบซึ้งจนต้องกุมมือหล่อนขึ้นมาบีบ
“พี่ขอบใจรินน์มาก… ขอบใจที่สุด”
แทนไทโอบกอดเมียรัก…
รู้สึกตื้นตันอยู่ในอกจนพูดไม่ถูก เขามองคนไม่ผิดจริงๆ
ตลอดสามปีที่ใช้ชีวิตร่วมกันมา ผู้หญิงคนนี้ทำตัวเป็นภรรยาที่ดีเสมอมา และวันนี้หล่อนก็ยังอาสาที่จะดูแลบิดาของเขา
อีกสองสัปดาห์ต่อมา
ที่ไร่องุ่นของสันต์ในจังหวัดเชียงใหม่ ระรินน์มาอยู่ดูแลสันต์ได้สองอาทิตย์กว่าๆ
ช่วงแรกๆ ที่ต้องมาอยู่บ้านของพ่อสามี หล่อนยอมรับว่ารู้สึกหนักใจอยู่บ้าง
เพราะว่าเกือบสัปดาห์ที่หล่อนมาอยู่ร่วมชายคาบ้านกับสันต์ เขายังคงพูดน้อย วันๆ แทบไม่พูดไม่จากับใครรวมทั้งหล่อน
อันที่จริง…
งานดูแลพ่อสามีก็ไม่ได้หนักอะไรมาก แม้ว่าเขาจะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงบ้างในบางวันแต่สันต์ก็ยังเดินเองได้ แม้อาจจะช้าหน่อยแต่เขาก็เข้าห้องน้ำและอาบน้ำเองได้ปกติ ไม่ใช่ผู้ป่วยติดเตียงอาการหนัก
และเท่าที่ระรินน์ประเมินอาการป่วยของสันต์ด้วยสายตา หล่อนเชื่อว่าเขาไม่ได้ป่วย
แต่อาการที่แสดงออกมาน่าจะเป็นผลมาจากจิตใจมากกว่าสภาพร่างกายที่ยังดูแข็งแรงมาก
“พ่อสันต์คะ… ได้เวลากินยาแล้วนะคะ… ”
ระรินน์เดินมาพร้อมกับยาในมือและแก้วน้ำเหมือนเช่นหลายๆ วันที่ผ่านมา
หล่อนเอายาใส่มือของสันต์ ทว่าครั้งนี้เขาไม่กินเหมือนครั้งก่อนๆ แต่ขว้างยาทิ้งไปในสนามหญ้าอย่างไม่ไยดี
“อุ๊ย… พ่อสันต์มีแรงขว้างยาทิ้ง แสดงว่าอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงดีขึ้นมากนะคะนี่… ”
แทนที่จะโกรธ…
แต่ระรินน์มองบวก หล่อนไม่ได้แสดงอารมณ์กับความดื้อดึงของสันต์ สมกับที่เคยเรียนพยาบาลและมีจิตวิทยา เมตตาและอดทนเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลคนป่วยประเภทนี้
ระรินน์รู้ว่าผู้ชายดื้อแบบนี้หล่อนควรจะเข้าหาเขายังไง
ร่างเอิบอิ่มในชุดเสื้อแขนกุดสีชมพูคอกว้างกับกางเกงขาสั้นสีดำบางๆ แนบเน้นสรีระจนดูรัดรึงทั้งบนและล่าง ค่อยๆ ขยับเข้ามานั่งใกล้รถเข็นของสันต์
“ไม่กินยาก็ไม่เป็นไร วันนี้พ่อสันต์ดูดีขึ้นมากนะคะ ดูหน้าตายังหล่อเหลา หนูว่าพ่อสันต์ควรรีบรักษาตัวให้หายแล้วหาเมียใหม่สักคนดีไหมคะจะได้ไม่เหงา… ”
สะใภ้คนสวยแกล้งเย้าชวนคุย…
ก่อนจะกุมมือของพ่อสามี บีบเบาๆ ให้กำลังใจ ช่วยบีบนวดมือและแขนให้กับเขาอยู่ครู่ใหญ่ๆ
มือเรียวไล้ลูบท่อนแทนกำยำไปด้วยกล้ามเนื้อของพ่อผัว ปกคลุมไว้ด้วยเส้นขนสีดำ
ผิวสีน้ำตาลของเขาตัดกันชัดกับผิวขาวเนียนของหล่อน ระรินน์จ้องมองเส้นเลือดกระจายเป็นสายทั่วแขนของสันต์ ให้ความรู้สึกเซ็กซี่ในสายตาหล่อน
รูปร่างของสันต์สูงใหญ่มากเมื่อเทียบกับผู้ชายตัวเล็กอย่างแทนไทลูกชายของเขา
แต่ระรินน์ก็ไม่แปลกใจที่แทนไทกับสันต์นั้นมีอะไรหลายๆ อย่างที่แตกต่างกันมากมาย เพราะว่าสันต์เป็นเพียงพ่อเลี้ยงของแทนไท ไม่ใช่พ่อผู้ให้กำเนิด
ย้อนไปเมื่อในอดีต…
ตอนนั้นมารดาของแทนไทเป็นแม่ม่ายเรือพ่วง มีแทนไทเป็นลูกติดมาด้วยหนึ่งคน ก่อนจะมาแต่งงานใหม่กับสันต์
แต่สันต์ก็เลี้ยงดูแทนไทมาด้วยความรักไม่ต่างจากลูกในไส้ และแทนไทก็รักสันต์มากเช่นกัน
“พ่อสันต์ตัวใหญ่จัง… ”
ระรินน์นึกชื่นชมพ่อสามี…
เขาเป็นผู้ชายตัวใหญ่มาก แต่ก็แน่ละสิ สันต์เป็นตำรวจเก่า นี่แหละอดีตผู้การกองปราบสายบู๊ ร่างกายของเขาจึงดูเหมือนคนที่ออกกำลังกายและผ่านการฝึกฝนมาอย่างหนัก
“พ่อสันต์หิวไหมคะ… อยากได้ของว่างไหมคะ”
ระรินน์ถาม แต่ก็เหมือนพูดคนเดียวเพราะว่าสันต์ไม่ตอบ แต่ระรินน์ก็ชินเสียแล้ว
“ใกล้ค่ำแล้วค่ะ… เข้าบ้านกันเถอะนะคะ… ”
หลังจากนั่งบีบนวดมือและแขนของสันต์มาพักใหญ่ๆ หล่อนค่อยๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินอ้อมมาทางด้านหลังรถเข็นของสันต์ ค่อยๆ ใสรถวีลแชร์พาเขาเข้ามาในบ้าน