ฉันกลับมาถึงห้องเกือบตีหนึ่งด้วยสภาพที่เหนื่อยล้าเต็มทนแต่ก็ต้องฝืนความง่วงมาอาบน้ำอีกครั้งเพราะความรู้สึกเดียวจริง ๆ ที่ทำให้ยอมอาบน้ำนานเกือบยี่สิบนาทีทั้งที่ลืมตาแทบไม่ไหวเพราะฉันขยะแขยงไอ้เปรตนั่น!
สงสัยกันใช่ไหมคะว่าทำไมฉันถึงต้องมาโดนอะไรแบบนี้ เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้เองแค่ระยะเวลาสั้น ๆ แต่กลับรู้สึกยาวนานทรมานใจเหมือนเจอเหตุการณ์เลวร้ายมาทั้งชาติ
มันเริ่มต้นจากวันนั้นวันงานวันเกิดของเขาที่ฉันไปในฐานะของรุ่นน้องในชมรมแล้วก็หนีบเอาเพื่อนรักอย่างปั้นหยาไปเป็นเพื่อน แต่แล้วในงานวันเกิดของเขาปั้นหยาก็ไปปะทะแล้วก็ทะเลาะกับพี่กราฟ รุ่นพี่ในมหาลัยที่ปั้นหยาแอบชอบมานานตั้งสามปี ฉันไม่รู้ว่าเขากับพี่กราฟเกี่ยวข้องอะไรกันเพราะปั้นหยาเดินกลับเข้ามาในงานหลังจากขอตัวไปเข้าห้องน้ำด้วยสภาพเปียกยับเป็นลูกหมาตกน้ำ แต่สภาพจริง ๆ ของเพื่อนรักคนสวยของยาหยีน่าจะเรียกว่ากัปปะมากกว่า เพราะบอกได้คำเดียวว่าเละ! คงเป็นเพราะไม่ใช่สงกรานต์เพื่อนคนสวยของยาหยีก็เลยไม่ได้ใช้เครื่องสำอางกันน้ำ หลังจากนั้นยังไม่ทันที่เราจะคุยกันให้รู้เรื่องว่าไปโดนอะไรมาพี่กราฟก็ตามมาหาเรื่องปั้นหยาจนมีปากเสียงกับพี่กันต์ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือเพราะมีนางแบบที่กำลังดังคนหนึ่งเดินเข้ามาเรียกพี่กราฟออกไปก่อน ตอนแรกฉันว่าจะพาปั้นหยากลับแต่สุดท้ายพี่กันต์ก็ให้คนหาเสื้อผ้าของใช้มาให้ปั้นหยาแต่งตัวใหม่และจบด้วยการที่พวกเราอยู่ในปาร์ตี้ต่อจนเลิกงาน
“ฮัลโหลค่ะพี่กันต์ โทรหาหยีแต่เช้ามีธุระอะไรรึเปล่าคะ” หลังจากผ่านงานวันเกิดเขาก็โทรมาหาฉันแต่เช้า ตอนแรกก็ใจเต้นแรงด้วยความดีใจเพราะร้อยวันพันปีผู้ชายคนนี้ไม่เคยโทรหาฉันเลยสักครั้งมีแค่ติดต่อทาง Line เพื่อถามเรื่องชมรมซึ่งมันก็นานมาแล้ว และล่าสุดก็คือชวนไปงานวันเกิดของเขาแค่นั้นจริง ๆ
“สวัสดีครับยาหยี พี่โทรมารบกวนแต่เช้ารึเปล่า” น้ำเสียงทุ้มสุภาพที่ฉันรู้ดีว่ามันน่าฟังแค่ไหนพูดออกมา แค่เขาพูดมันก็ทำให้ฉันใจสั่นอย่างรุนแรง แค่ได้ยินมันก็ทำให้คนที่แอบชอบคิดไปไกลแล้วจริง ๆ นะคะ
“ไม่กวนเลยค่ะพี่กันต์ หยีกำลังจะไปมหาลัยพอดี” ใจฉันตอนนี้คือความรู้สึกตื่นเต้น ตื่นเต้นจนแทบกรี๊ดใส่ปลายสายเพราะเขาคือคนที่ฉันแอบชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่ง ชอบตั้งแต่วันที่ฉันไปมหาลัยวันแรกแล้วก็ถอยรถเข้าจอดจนชนรถเขา
“อ้อครับ คือพี่มีเรื่องจะถามยาหยีหน่อย”
“คะ? เรื่องอะไรเหรอคะ” ฉันรีบถามกลับด้วยความตื่นเต้น ถามว่าอะไรดีคะสุดหล่อ ยาหยีมีแฟนรึยัง มีคนที่ชอบรึเปล่า จะถามประมาณนี้น่ะเหรอ >///...ปั้นหยาเพื่อนของยาหยีมีแฟนรึยัง?
...ปั้นหยาเพื่อนของยาหยีมีแฟนรึยัง?
...ปั้นหยาเพื่อนของยาหยีมีแฟนรึยัง?
เขาโทรมาเพื่อจะถามว่ามีแฟนรึยังอย่างที่ฉันมโนไว้เป๊ะเลย ฉันรู้สึกว่าตัวเองเดาโคตรเก่งผิดแค่นิดเดียวก็แค่คนที่เขาหมายถึงมันไม่ได้ชื่อยาหยีเท่านั้นเอง
“...ยังค่ะ”
“เหรอครับ คือพี่อยากรู้จักปั้นหยา หยีช่วยพี่หน่อยได้ไหม” พอฉันตอบว่ายังพี่กันต์ก็ทำน้ำเสียงอารมณ์ดีขึ้นมาทันที น้ำเสียงกระตือรือร้นแตกต่างไปจากทุกครั้งที่ฉันเคยสนทนากับเขา
“เอ่อ...จะให้หยีช่วยยังไงเหรอคะ” ฉันถามกลับเพราะจับต้นชนปลายไม่ถูกก็เลยต้องถามตามน้ำไป หวิวไปทั้งใจเลยค่ะ อกหักตั้งแต่ยังไม่ได้ส่งสายตาบอกเขาว่าฉันแอบชอบมาตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเลยด้วยซ้ำ
“แค่เปิดทางช่วยพี่นิดหน่อยก็ได้ไหม พี่อยากทำความรู้จักกับปั้นหยา”
“คือที่จริงปั้นหยามีคนที่แอบชอบอยู่แล้วค่ะพี่กันต์” ฉันบอกเบา ๆ ไม่ได้มีความรู้สึกอิจฉาริษยาหรืออยากกีดกันเพื่อนนะคะ แต่เพราะกลัวพี่เขาจะผิดหวังต่างหากเพราะปั้นหยามีคนเข้ามาจีบเยอะมากและสุดท้ายทุกคนก็ต้องพบกับความผิดหวัง ปั้นหยาน่ะไม่เคยสนใจใครนอกจากนั่งเพ้อถึงพี่กราฟคนเดียว
“เหรอครับ” น้ำเสียงพี่กันต์ดูผิดหวังลงไปเลยค่ะ แต่อันที่จริงปั้นหยาก็เพ้อถึงพี่กราฟมาหลายปีแล้วนะ อีกอย่างเมื่อคืนก็เพิ่งโดนพี่กราฟคนนั้นร้ายใส่ด้วยถ้าได้พี่กันต์ที่ฉันเห็นมาตลอดว่าพี่เขาน่ารักนิสัยดีมาดาม ใจคงจะดี เพื่อนรักของฉันจะได้มีความสุข
ฉันคิดแบบนั้นในตอนนั้นความคิดโง่ ๆ ก็เลยบังเกิดขึ้นค่ะ ความคิดที่ว่าในเมื่อเขาไม่เคยมองมาที่ฉันแต่เขาดันไปชอบเพื่อนรักของตัวเอง ไหน ๆ เพื่อนก็เพิ่งโดนผู้ชายที่ชอบทำตัวไม่ดีใส่จนปั้นหยาสาปส่งไม่หยุด และเขาก็เป็นคนดี มันคงจะดีถ้าเพื่อนรักของฉันได้คบกับคนดี ๆ แบบพี่กันต์ฉันก็เลยขอเป็นตัวช่วยให้สองคนนี้ทำความรู้จักกันก็แล้วกัน
“แต่ปั้นหยาก็ไม่ได้คุยกับคนที่ชอบหรอกค่ะ ถ้าพี่กันต์อยากทำความรู้จักกับปั้นหยาจริง ๆ เดี๋ยวหยีจะช่วยนะคะ แต่หยีคงช่วยเท่าที่พอจะช่วยได้นะคะพี่กันต์”
“ขอบคุณครับยาหยี ขอบคุณมาก ๆ นะ”
“ยินดีค่ะ ปั้นหยาเป็นเพื่อนรักของหยี ถ้ามีหนุ่มหล่อนิสัยดีแบบพี่กันต์มาจีบเพื่อนที่ไหนจะไม่ลองเชียร์ล่ะค่ะ” ฉันต้องพยายามทำน้ำเสียงให้มันสดใสทั้งที่ในใจโคตรขมขื่น วิถีคนแอบรักมันมักจะช้ำระทมแบบนี้นี่แหละ สงสารตัวเองสุด ๆ ที่เจ็บปวดใจแต่ไม่มีใครรู้
“ฮ่า ๆๆ พี่ก็ไม่ได้ดีหรอกครับ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณยาหยีมากนะครับ เพื่อเป็นการขอบคุณวันนี้พี่ขอเลี้ยงข้าวเที่ยงได้ไหม”
“อยากจะเลี้ยงหยีคนเดียวหรือว่าเลี้ยงปั้นหยาด้วยคะ” ฉันแกล้งถามกลับด้วยน้ำเสียงรู้ทันแล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะอารมณ์ดีของเขาดังกลบเกลือนความอายออกมา เอาวะยาหยีช่วยให้เพื่อนได้ลองดูใจคนดี ๆ ก็ยังดีกว่าแอบรักเขาแล้วปล่อยให้เสียของไปเปล่า ๆ
หลังจากนั้นเขาก็เทียวไล้เทียวขื่อมาหาปั้นหยาเป็นประจำ แต่ไม่ได้มาตื้อทุกวันนะคะ ก็เขาหล่อซะขนาดนั้นจีบหญิงทั้งทีก็เลยไม่จำเป็นที่จะต้องมาตื้อทุกวัน เขาแวะมาพาไปกินข้าวบ้างอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง ฉันก็เลยโดนหนีบไปเป็นส่วนเกินด้วยทุกครั้ง แต่ผ่านมาเป็นเดือนปั้นหยาก็ไม่ได้มีท่าทีสนใจเขาเลย
“ช่วงนี้ผู้ชายทักทายบ่อยนะคะมายเฟรน” ฉันแซวปั้นหยาในวันหนึ่งหลังจากที่พวกเราลงมานั่งด้านล่างตอนพักเที่ยง ลองแย็บถามดูเพราะผ่านมาเป็นเดือนแล้วฉันยังไม่เห็นว่าปั้นหยาจะรู้สึกอะไรกับเขามากไปกว่าความเป็นพี่น้องเลย
“อะไรล่ะหยี ก็คุยกันแบบพี่น้อง หยาไม่ได้คิดอะไร”
“พี่เขาจะคิดแค่พี่น้องไหมล่ะคะคุณปั้นหยา”
“ไม่หรอกมั้ง หรือถ้าพี่เขาคิดแต่หยาไม่คิดก็ไม่มีอะไรเกินเลยหรอก หยาก็รักษาระยะห่างอยู่” เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้จริง ๆ ปั้นหยาไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด
“อื้อ แล้วคนนั้นล่ะไม่เห็นพูดถึงเลย”
“ปล่อยออกไปจากใจให้ไหลลงสู่ธุลีดินเรียบร้อยแล้วจ้ะ” ปั้นหยาตอบพร้อมกับเบ้หน้า แต่ถึงจะทำปฏิกิริยาแบบนี้ฉันก็เห็นแววตาสั่นไหวในสายตาของเพื่อนรักอยู่ดี
“วันนั้นพี่เขาอาจจะเมามากก็ได้เลยทำหรือพูดอะไรแย่ ๆ” ฉันลองถามถึงพี่กราฟดูเพื่อดูปฏิกิริยาของปั้นหยาเพราะฉันกำลังกลัวว่าการที่ฉันพยายามทำตัวเป็นแม่สื่ออยู่แบบนี้มันจะทำให้ปั้นหยารู้สึกอึดอัดรึเปล่า
“เมาแล้วหางโผล่สันดานเผยมากกว่านะหยี นิสัยแย่มาก หยาตัดออกไปจากความคิดแล้ว เสียแรงที่แอบเพ้อมาตั้งสามปี”
“ถ้างั้นก็ลองเปิดใจให้คนใหม่ที่นิสัยดีซะ เดินหล่อมาโน่นแล้ว” ฉันแกล้งบอกแล้วพยักพเยิดหน้าไปด้านหน้าตึกคณะเพื่อดูปฏิกิริยาของปั้นหยาให้มันชัดเจน เพราะสายตาฉันมันมองไปเห็นผู้ชายคนนั้นที่ช่วงหนึ่งเดือนมานี้เราสองคนมีโอกาสได้พูดคุยกันมากขึ้นกำลังเดินมาหาพวกเราพอดี เขาโทรมาหาฉันเป็นประจำแต่โทรมาปรึกษาเรื่องปั้นหยานะคะ ไม่เคยมีอะไรที่เขาจะถามถึงฉันหรอก ถามก็แปลกแล้ว
ทุกครั้งที่เขาโทรมาจะมีแค่คำสั้น ๆ อย่าง สวัสดีครับยาหยี ว่างคุยกับพี่รึเปล่า เท่านั้นจริง ๆ แล้วก็ถามเรื่องปั้นหยา เจ็บดีนะคะเกิดเป็นยาหยีคนนี้ เจ็บที่ดันไปชอบคนที่เขาไม่เคยมองมาที่เราแล้วยังมาชอบเพื่อนที่เรารักมากอีกด้วย นับตั้งแต่วันเกิดของเขาผ่านมาเป็นเดือนความสดใสในใจฉันมันลดน้อยลงมากจริง ๆ