บำเรอที่ 5
เมามาย
ยังคงอยู่ภายในโรงเตี๊ยมแบบชั่วคราวหลังจากผ่านการเสร็จกิจไปคนละรอบเซียวหมิงค่อยกอดบุตรสาวของอาจารย์อันเป็นที่รักเขากล่าวกับนางว่า “เหยาเหยาพรุ่งนี้เจ้ากลับบ้านไปขอมารดาเลี้ยงบอกนางว่าที่ทิศตะวันตกของเมืองมีร้านสุราเปิดใหม่ตอนนี้กำลังรับสมัครคนงานหญิงขออนุญาตนางให้เกลี้ยกล่อมพ่อเจ้าให้นางช่วยพูดขอให้เจ้าไปทำงานที่นั่น”
เซียวหมิงรู้นิสัยอาจารย์ตนเองดีหากไปขอเขาตรงๆ เหยาเหยามิได้ทำงานที่นั่นแน่นอน
วันต่อมาเหยาเหยาฉวยโอกาสตอนบิดาออกไปสอนหนังสือที่สถานศึกษานางอาศัยปากหวานอ้อนมารดาสาวบอกอีกฝ่ายว่าตนต้องการไปทำงานหาเงินพิเศษจะได้นำมาช่วยเป็นค่าใช้จ่ายในบ้านและซื้อกินดีๆ มาให้น้องชาย
***
อีกฟำกของเมือง
ที่ตรอกฉางถิงมีร้านสุราเปิดใหม่เนื่องจากอยู่ใกล้กับที่ว่าการอำเภอผู้มาใช้บริการส่วนมากจึงเป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมืองแม้จะเป็นร้านชั้นเดียวแต่ก็ถูกตกแต่งอย่างเรียบหรูอีกทั้งราคายังไม่สูงบวกกับจุดเด่นของร้านอย่างเป็ดย่างจิ้มซีอิ๊วซึ่งเป็นกับแกล้มขึ้นชื่อของร้านใช้เวลาไม่นานก็กลายเป็นที่พูดถึงของบุรุษทั่วเมือง
“ท่านพ่อเป็นยังไงเจ้าคะข้าใช่ทาได้หรือไม่?”
ที่ร้านสุราฉางถิงเหยาเหยาถามบิดาอย่างมีความหวังระหว่างนั้นยังไม่ลืมสะกิดให้มารดาช่วยพูด
“ท่านพี่ดูสิ งานนี้ไม่เห็นจะเสื่อมเสียนางเพียงช่วยแม่ครัวหั่นเป็ดย่างก็เท่านั้นเอง”
ลู่เฉิงผู้เป็นบิดาได้ฟังก็เริ่มคล้อยตามวันนี้เขากลับจากสอนหนังสือก็ถูกภรรยาก่อกวนนางบอกว่าต้องการให้บุตรสาวไปทางานที่ร้านสุรา
ภาพตรงหน้าไม่เหมือนกับในความคิดคราแรกเขาเข้าใจว่าร้านสุราที่กล่าวถึงจะเหมือนกับแหล่งอโคจรอื่นๆ ดังนั้นจึงปฏิเสธไม่ยินยอมเสียงแข็งจะอย่างไรไม่ยอมให้บุตรสาวคนเดียวของเข้าทำงาน
แต่นี่ดูไม่เหมือนกับร้านทั่วไปหากจะบอกว่าเป็นร้านสุราไม่สู้บอกเป็นร้านอาหารผู้มาดื่มกินก็มีแต่บัณฑิตขุนนางที่ทำงานอยู่ละแวกนี้พอได้สอบถามผู้ดูแลร้านค่อยทราบว่านี่เป็นกิจการของมือปราบหวังหัวหน้าหน่วยสืบสวนประจำเมือง
“เอาเถอะเจ้าก็ลองทาดูซักเดือนแต่อย่าได้ออกหน้าอย่างมากเพียงให้ช่วยงานแม่ครัวอยู่หลังร้านเท่านั้น”
พอได้คำอนุญาตจากบิดาเหยาเหยาอดไม่ได้ต้องหัวเราะคิกในใจเซียวหมิงชู้รักของนางฉลาดนักกับอ่านบิดานางออกจนทะลุถึงกับกล้าวางแผนลงทุนทุ่มเงินสร้างร้านทั้งๆ ที่ยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่านางจะล่อลวงนางให้มาทำงานในร้านของเขาได้หรือไม่
ใช่แล้วร้านแห่งนี้เป็นของเซียวหมิงเองเขาออกเงินให้มือปราบหวังเปิดกิจการหนึ่งเดือนก่อนตามแผนการที่ชายหนุ่มบอกกับนางเมื่อคืนเพียงแค่นางขอบิดาให้ปล่อยตนมาทำงานในร้านแห่งนี้ได้หลังแต่งงานไม่นานเขาจะแสร้งมาดื่มสุรากับสหายที่นี่จากนั้นจะฉวยโอกาสทำทีเป็นก่อเรื่องขืนใจรังแกนางที่หลังร้าน! “…”
***
วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งถึงกำหนดการงานแต่งของเซียวหมิงจัดขึ้นอย่างสมฐานะตอนขบวนรับเจ้าสาวผ่านหน้าร้านสุราเหยาเหยาที่ทำงานอยู่ด้านในยังออกมายืนเกาะเสาชมมอง
“เป็นคุณชายที่หล่อเหลานักมิทราบบุตรสาวบ้านใดเป็นผู้โชคดี” จู่ๆ เสียงด้านหลังก็ดังขึ้นจนต้องหันไปดู
คนผู้นี้เป็นแม่ครัวฟางเอง
เหยาเหยาอยากจะหัวเราะคิกนางหันกลับไปคุยกับท่านป้าที่ตนทำงานด้วยว่า
“ท่านป้าฟางอย่าดูคนที่หน้าตาไม่แน่เขาอาจจะเป็นชายโฉดมักมากในกามถ้าหากเขาเลี้ยงสตรีไว้นอกบ้านสิบยี่สิบคนท่านว่าฮูหยินเขายังโชคดีอยู่หรือไม่คิกคิก” เหยาเหยากล่าวไปก็หัวเราะแม่ครัวฟางพอได้ฟังก็ด่านางว่า “เจ้าอิจฉาผู้ที่จะได้แต่งกับเขาละสิถึงได้มีใจคิดริษยาแต่งเรื่องมาหลอกข้า”
กล่าวจบไม่ชมความครื้นเครงขบวนเจ้าบ่าวอีกดึงแขนเหยาเหยากลับเข้าห้องครัวทันที
“…”
ที่ห้องครัวนางพอถูกลากมายังต้องฟังแม่ครัวฟางหยอกเย้าอีกฝ่ายกล่าวว่า “เจ้าไม่รู้อะไรคุณชายนั่นข้ารู้จักเขาดีก่อนหน้าเคยมาดื่มกินที่ร้านเราบ่อยครั้งแต่ละครั้งที่มามือไม้หนักมากยามข้าทำอาหารรสชาติถูกปากเขายังถึงขั้นเข้าครัวมาชื่นชมข้าตกรางวัลรวดเดียวถึงสิบตำลึง”
เหยาเหยาพอฟังอยากจะหัวเราะงอหายแต่ยังตอบรับกลับไปว่า “จริงหรือเจ้าคะ” จากนั้นแสร้งเป็นโง่งมฟังท่านป้าแม่ครัวชื่นชมเขาต่อไป…
กลางดึกคืนนั้น
ภายในห้องหอมีแสงสว่างจากเปลวเทียนรั่วหยุนไม่รอสามีเข้าห้องมาก็เปิดผ้าคลุมหน้าออกก่อนกับคนผู้นี้นางไม่ต้องเกรงใจมากเพราะแต่ไหนแต่ไรนางก็มิได้เห็นเขาอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
เพราะเกิดในตระกูลขุนนางการแต่งให้กับพ่อค้าสำหรับนางถือว่าลดตัวลงมากดังนั้นตั้งแต่สมัยก่อนยามพบหน้ากันนางจึงมักแสดงท่วงท่าหยิ่งยโสใส่เขาแม้ว่าในใจจะนึกชื่นชอบรูปร่างหน้าตาของเขาก็ตาม
อย่างเช่นวันนี้พอเขาเข้าห้องมานางก็เปิดผ้าคลุมหน้านั่งรออยู่ขอบเตียงแล้ว
“ท่านไม่คิดจะหลับนอนหรือข้ารออยู่ครึ่งค่อนวันท่านยังไม่เข้าห้องหอมา”
ทันทีที่เห็นหน้านางก็ตำหนิเขาชุดใหญ่ทันที
เซียวหมิงความจริงอารมณ์ไม่ดีเขาเสร็จจากพิธีวุ่นวายยังต้องถูกสหายกรอกสุราจนมึนงงหากเป็นปกติเขาไม่กล้าแม้กระทั่งขึ้นเสียงกับรั่วหยุนคู่หมั้นสาวเพราะแต่ไหนแต่ไรมาเขามักจะถูกนางดุด่ารังแก
นี่เป็นเพราะบิดานางรั่วหรงไห่รองเจ้ากรมโยธา
หากแต่ครั้งนี้สายตาที่เขามองนางเปลี่ยนไปสตรีร้ายกาจตรงหน้าชอบดูถูกตนนักมิใช่หรือเซียวหมิงคิดในใจรอจนข้าเอาแท่งเอ็นตนเองยัดปากเจ้าดูซิเจ้ายังจะเย่อหยิ่งกับข้าอีกหรือไม่!
***