ตอนที่ 7
“ไหม...ต้อง ไป...แล้ว” ปราณไหมพยายามร้องเตือนตัวเองมากกว่าจะเตือนพี่ชาย ภัคพงศ์อยากกักเก็บความรู้สึกที่ได้ปะทุออกมาแล้ว และนับจากวันนี้ไปเขาจะเดินหน้าขอน้องสาวคนนี้เป็นแฟนให้ได้
ภัคพงศ์ค่อยๆ ขยับตัวออกจากปรานไหมย้ายตัวเองไปนอนหงายอยู่ข้างๆ แต่ไม่ยอมลืมตา
“ครับ...แต่พี่ขอพักที่ห้องนี้แล้วกัน” ภัคพงศ์พูดแบบมีเลศนัยและยังไม่ลืมตา ลมหายใจของเขาสม่ำเสมอเพื่อแสดงให้ปรานไหมรับรู้ว่าเขาต้องการนอนหลับพักผ่อนจริง ๆ
ปรานไหมลุกขึ้นนั่งและแอบมองเห็นเขานอนนิ่งๆ โอนอ่อนผ่อนตามความต้องการของเธออย่างง่ายได้ แต่ทำไมใจเธอความรู้สึกเธอถึงไม่ดีใจหรือรู้สึกดีสักนิด ตรงกันข้ามกลับรู้สึกแย่มากกว่าเดิม
‘ทำไม? ...’ ปรานไหมได้แต่ถามตัวเองในใจ และลุกจากเตียงเดินออกจากห้องไป
ภัคพงศ์ค่อยๆ เปิดเปลือกตามองตามแผ่นหลังของร่างบางที่เดินออกจากห้องไป ผู้หญิงที่เขาทั้งรักทั้งทะนุถนอมกว่าสิ่งใดในโลก ค่อยๆ ห่างสายตาออกไป
เขาจำต้องยอมปล่อยเธอเดินออกไปจากห้องแต่ไม่ใช่จากชีวิตเขาแน่นอน ปรานไหมพึ่งจะห่างจากเขาแค่ช่วงสี่ปีที่ผ่านมาเท่านั้น เพราะเขาต้องยุ่งวุ่นวายเรียนรู้กับธุรกิจมากมายของครอบครัว หลังจากที่เขาเรียนจบปริญญาโทด้วยวัยยี่สิบสี่ปีที่ประเทศอังกฤษ และทันทีที่เขาเรียนจบเขาก็รับช่วงต่อจากพ่อเขาทันที ตลอดสี่ปีนี้ทำให้เขาไม่มีเวลาไปหาปรานไหม หญิงสาวที่เขาโอบอุ้มเลี้ยงดูมาตั้งแต่เธอยังจำความไม่ได้ และตอนนี้เธอก็จบการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้ว คงถึงเวลาเหมาะสมที่เขาควรจะต้องบอกความรู้สึกนี้กับผู้เป็นบิดามารดาสักที
การกลับมาบ้านครั้งนี้ของเขาเพื่อมารับเธอไปอยู่ด้วยและอยากให้เธอเรียนต่อระดับปริญญาโทที่ประเทศไทย แต่ทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างที่เขาต้องการ ภัคพงศ์ค่อนข้างหนักใจ เพราะเจ้าตัวดูท่าจะไม่ยอมท่าเดียว
ชายหนุ่มมองรอบห้องนอนของเธอตั้งแต่เยาว์วัย และเห็นกล่องของขวัญวางซ้อนเรียงรายโดยปราศจากการแกะประมาณยี่สิบกล่อง กล่องเล็กบ้างใหญ่บ้างวางไว้แบบไม่ได้รับความสำคัญและใส่ใจจากเจ้าของเลยสักนิด เพราะมันเป็นของขวัญจากเขา ภัคพงศ์จะส่งให้กับเธอทุกเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นปีใหม่ วันเด็ก วาเลนไทน์ วันคริสต์มาส และของขวัญวันเกิด แม้แต่วันที่เขากับเธอต้องห่างกันเป็นครั้งแรก ตอนนั้นปรานไหมอายุสิบขวบ และเขาอายุสิบแปดซึ่งตอนนั้นเขาจะบินไปเรียนต่อที่อังกฤษ
“เฮ้ย!...แกเป็นอะไร...เป็นฝ่ายนัดฉันออกมา...แต่แกกลับมานั่งยังกับคนไม่มีวันพรุ่งนี้ให้มาถึงยังไงยังงั้น” ตุ๊กตาเพื่อนสาวคนสนิทพูดขึ้น
“ตุ๊กตา...คืนนี้ขอไปนอนบ้านแกด้วยนะ” ตุ๊กตาหันไปมองเพื่อนที่อาการแปลกมาก ถามอย่างพูดอีกอย่าง
“ขอทำไม...ไหม..แกอยากไปตอนไหน...บ้านฉันก็ต้อนรับแกตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่แล้ว” ตุ๊กตาหันไปมองเพื่อนอีกครั้ง
“ขอบใจ” ปรานไหมพูดแค่นั้น ตุ๊กตาก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะรู้จักปรานไหมเป็นอย่างดี ถ้าอยากเล่าก็คงเล่าออกมาเอง
ตุ๊กตาพยักหน้าแค่นั้นพร้อมเอื้อมมือไป ตบไหล่เพื่อนเบาๆ อย่างเข้าใจและให้กำลังใจ
“เอ่อ...ตามใจ...ว่าแต่แกจะเดินทางวันไหน” ตุ๊กตาตัดสินใจถามเพื่อน สาวเพราะเขารู้เรื่องที่เธอต้องไปเรียนต่อโทที่อังกฤษอีก ตุ๊กตาเป็นเพื่อนปรานไหมมานานแล้ว เธอรู้ดีว่าปรานไหมมีภัคพงศ์ในใจเพียงคนเดียว
เวลาผ่านไปอะไร ๆ ก็อาจเปลี่ยนแปลง และสี่ปีที่ผ่านมาที่ปรานไหมไม่ได้บินกลับมาหาภัคพงศ์เลยนั้น ทำให้ตุ๊กตาคิดว่าปรานไหมเลิกรักภัคพงศ์แล้ว
“ยังไม่รู้เลย”
“เอ่อ...ไหม...ฉันยังไม่ได้บอกแกว่า...ฉันตัดสินใจจะไปเรียนต่อโทที่อังกฤษแล้วว๊ะ” ปรานไหมหันมามองเพื่อนชายที่เพิ่งเดินเข้ามา
“ทำไมเพิ่งมาล่ะ...ภีม”
“เพิ่งว่างสิจ๊ะ แล้วมาถึงกันนานแล้วหรอ”
“ไม่นานหรอกเพิ่งมาถึงเอง” ตุ๊กตาตอบ พร้อมรอยยิ้มที่ออกมาอย่างดีใจ
“ฉันจะรอนะ” ปรานไหมตอบออกไป ตุ๊กตามองทั้งสองคนอย่างเงียบๆ เธอก็พอจะดูออกว่านายภีมเพื่อนที่เธอแอบรู้สึกมากกว่าเพื่อนนั้น เขาก็รู้สึกกับปรานไหมมากกว่าเพื่อนเช่นกัน แต่เธอคิดว่าทั้งเขาและเธอต่างก็ให้ความสำคัญของคำว่าเพื่อนมาเหนือสิ่งอื่นใด จึงพยายามหยุดความรู้สึกให้อยู่ในกรอบของคำว่าเพื่อน
“งั้นเดี๋ยวเราไปหาอะไรกินกันนะ...รอแปบนะเดี๋ยวเข้าไปขอห้องน้ำสักครู่” ภีมบอกก่อนที่จะลุกเดินออกไป
ภีมย้อนคิดไปถึงเมื่อเช้าตอนที่เขาเจอปรานไหมพร้อมกับเอกวุฒิพ่อของเพื่อนสาวที่สนามบิน ตอนที่เขาถามปรานไหมว่าทำไมพี่ภัคถึงไม่มารับเธอด้วยตัวเอง เพื่อนสาวอึกอักที่จะตอบคำถามนี้ และเหตุผลเดียวที่เธอออกจากบ้านคงไม่อยากเจอภัคพงษ์
และตอนนี้ภัคพงศ์คงกลับมารับหัวใจของเขาแล้วสินะ ภีมรู้ว่าหลังจากวันนี้ไปเขาคงไม่มีโอกาสได้เจอกับปรานไหมอีกนาน และนั้นเป็นสาเหตุที่เขาตัดสินใจไปเรียนต่อที่อังกฤษ เพราะเขาเองก็ตั้งใจที่จะได้อยู่เคียงข้างปรานไหม
วันนี้พวกเขาทั้งสามคนพอหาอะไรกินกันเสร็จสรรพก็ชวนกันดูหนังต่อเป็นการเที่ยวเลี้ยงต้อนรับปรานไหมที่เพิ่งกลับจากอังกฤษ
ตุ๊กตาไม่ได้รู้จักพี่ภัคของปรานไหมเป็นการส่วนตัว แต่ที่พอรู้เพราะว่าทุกปิดเทอมปรานไหมมักจะบินกลับมาทุกครั้ง
“อุ้ย!...” ปรานไหมร้องออกมาด้วยความตกใจ ในขณะที่ตุ๊กตาและปรานไหมกำลังเดินเข้าบ้าน เมื่อเธอถูกชนจนเกือบล้ม ถ้าต้นเหตุไม่ทันจับตัวเธอและดึงเธอเข้าหาอกแกร่งนั้น
“พี่วัช” ตุ๊กตาร้องเรียกเสียงดังกว่าปกติ เป็นการดึงสติของวัชระที่กำลังประคองจ้องตาหญิงสาวในอ้อมแขน เพราะเธอช่างมีใบหน้าที่หวานดวงตาคมโต ผิวแก้มขาวอมชมพู จมูกโด่ง ริมฝีปากบางน่ารักสีชมพู
“เอ่อ...ขอโทษครับ” วัชระกล่าวขอโทษอย่างเป็นทางการ
“ไม่...เป็นไรค่ะ” ปรานไหมกล่าวและกลับมายืนอย่างมั่นคงด้วยขาของตัวเอง และมองชายตรงหน้าที่เกือบเป็นสาเหตุให้เธอบาดเจ็บจากการล้มไปแล้ว
“พี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่?” ตุ๊กตาถามพี่ชายต่างแม่
“ก็มาถึงประเทศไทยวันนี้และต่อเครื่องมาที่นี่เมื่อตอนบ่ายๆ”
“อุ้ย!!! ไหมนี้พี่วัชลูกพี่ลูกน้องของตุ๊กตาเอง..ชื่อพี่วัชระ”
“สวัสดีค่ะ...” ปรานไหมกล่าวทักทายพร้อมยกมือไหว้ตามธรรมเนียมที่ผู้น้อยต้องเคารพผู้ใหญ่กว่า
“สวัสดีครับ...” วัชระรับไหว้ ตามธรรมเนียมประเพณีไทยเช่นกันถึงแม้เขาจะเติบโตมาจากครอบครัวผู้ดีเก่า
“น่าเสียดายจังครับ...พี่มีธุระด่วนที่ต้องไปจัดการ...ไม่งั้นพี่คงอยู่ทำความรู้จักกับน้องไหมให้มากกว่านี้...ไว้โอกาสหน้านะครับ” วัชระให้เหตุผลและกล่าวลาหญิงสาวทั้งสองและรีบร้อนออกไป ใช่!ตอนนี้เขามีเรื่องด่วนและสำคัญมากต้องไปจัดการ
“เข้าบ้านกันเถอะ...คุณพ่อคุณแม่คงรออยู่” ตุ๊กตาชวนปรานไหมเข้าบ้าน