บทที่.1 Forget it.....

1542 Words
“อย่าเลยครับ ของซื้อของขาย ผมไม่รบกวนดีกว่า ขอเป็นลูกค้าคุณหวา ครั้งหน้าผมจะได้แวะมาอีก” พจน์ปฏิเสธเช่นนี้ทุกครั้ง เขาอยากมาบ่อยๆ แต่หากมาแล้วกินฟรี เขาเกรงใจ “ตามใจค่ะ หวาแค่อยากตอบแทนหมอที่ดูแลหวาอย่างดี” หวันยิหวาบ่นงึมงำ ลงมือปรุงน้ำหวานให้พจน์โดยไม่รอให้ชายหนุ่มสั่ง เมื่อนายแพทย์ผู้นี้มาบ่อยจนคุ้นเคยดี พจน์มองหาที่นั่ง เขาหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้ไม่ไกลจากเค้าน์เตอร์บาร์เท่าไหร “อิตาเลี่ยนโซดาค่ะ” หญิงยกแก้วทรงสูงบรรจุน้ำสีสวยมาเสิร์ฟให้ถึงโต๊ะ รอยยิ้มจริงใจแต้มมุมปาก ไร้สิ่งเคลือบแคลง “แถมแยลลี่ให้ด้วยนะคะ บอกตามตรงหวาเพิ่งหัดทำค่ะ คุณเป็นลูกค้ารายแรกที่ได้ชิม” หญิงสาวป้องปากกระซิบเสียงแผ่ว ชี้ชวนให้พจน์ดู แยลลี่เนื้อนุ่มที่ตนเองเพิ่งทดลองทำ “ทานได้ใช่มั้ยครับ” ชายหนุ่มถาม ส่งยิ้มล้อเลียนตามมาด้วย หวันยิหวายิ้มแหยๆ “หวาชิมแล้วค่ะ ทานได้จริงๆ” ตอบเสียงขึงขัง “ครับ…อร่อยครับ” พจน์ตอบหลังชิมรสแยลลี่เนื้อนุ่ม “เห้อ!! โล่งอกไปที…มีคุณหมอคอนเฟิร์มแบบนี้ คงพอทำขายได้” หญิงสาวเป็นลูกมือมารดาเสียเป็นส่วนใหญ่ งานในร้านทั้งหมดหวันยิหวาทำได้ ยกเว้นอบขนม ถ้าเป็นตำแหน่งนั้นคงต้องยกให้มารดา หรือไม่ก็ขวัญอุสานักศึกษาที่ทำพาสไทม์ พจน์อมยิ้ม เขาอยากชวนคุย แต่ไม่รู้จะพูดอะไรจึงได้แต่นั่งแอบมองหญิงสาวอยู่ห่างๆ หวันยิหวาเดินกลับไปประจำที่ เมื่อมีลูกค้ารายใหม่แวะเข้ามา เธอยิ้มกว้างพูดคุยกับลูกค้าอย่างเป็นกันเอง สีหน้าสดใส ไร้ความวิตกกังวลเหมือนที่พจน์แอบกลัว “อ้าว!! คุณหมอมาเมื่อไหรคะนี่” พรรณนาเอ่ยทัก นางเดินเข้าไปหาพจน์ใกล้ๆ “สวัสดีครับคุณน้า” พจน์ผุดลุกขึ้นยืน ทำความเคารพพรรณนาในฐานะคนโตกว่า “ยัยหวาทำไมไม่ยกขนมมาให้คุณหมอล่ะลูก” นางหันไปเอ็ดบุตรสาว เมื่อบนโต๊ะของพจน์มีแค่น้ำแก้วเดียว “มาถึงก็บ่นหวาเลย แม่ถามหมอซิคะ…หวายัดเหยียดให้ แต่หมอไม่รับเอง” “ไม่ได้นะคะ นานๆ มาที อย่าปฏิเสธเลย” พรรณนาไม่สนใจ นางเดินไปหยิบจาน ใช้คีมปากใหญ่คีบขนมอบน่ารับประทานมาหลายชิ้น ก่อนจะเดินย้อนกลับมาส่งให้พจน์ “ลองชิมดูค่ะ น้าเพิ่งคิดสูตรได้…ไม่มีแบบนี้ที่ร้านอื่นแน่ๆ” “แม่ชอบทำค่ะหมอ แต่หวาชอบทานมากกว่า…ให้หวาออกแบบเสื้อ ยังง่ายกว่าทำขนมอีก” หญิงสาวเดินมาร่วมวงสนทนา เธอเอ่ยอ้าง…ก่อนจะชะงักไปชั่วครู่ เมื่อภาพบางอย่างแวบเข้ามาในหัว…เหมือนมีใครบางคนกดเปิดไฟ ในห้องมืดสนิทและปิดทันที โดยไม่รอให้ไฟฟ้าสว่างเต็มที่ “อุ้ย!!” เสียงอุทานของบุตรสาวพรรณนาจึงหันมาให้ความสนใจ ท่านลุกขึ้นจากที่นั่ง ถลาเข้ามาโอบบ่าหวันยิหวาไว้ เมื่อจู่ๆ สีหน้าของบุตรสาวเผือดซีดขึ้นมาแบบฉับพลัน “ยัยหวาเป็นอะไรลูก!!!” “ปะ…เปล่าคะแม่…แค่มีภาพอะไรไม่รู้ค่ะ...แวบขึ้นมาในหัวหวา…พอเพ่งมองจริงๆ ก็หายไป” “นั่งลงก่อนลูก”พรรณนาประคองบุตรสาวให้นั่งลง “ผมนัดหมอให้มั้ยครับ ดูเหมือนความจำบางส่วนของคุณหวาจะกลับมาแล้ว” พจน์เสนอตัว เขาวิเคราะห์จากคำพูดหญิงสาว หวันยิหวาเสียความทรงจำ แต่ไม่ใช่แบบถาวร ความจำของหล่อนเลือนหายไปชั่วคราว…อาจจะกลีบมาในเร็ววัน หรือเนิ่นนานแค่ไหนไม่มีใครรู้ “ค่ะ” พรรณานารับคำ ยกมือขึ้นลูบพวงผมด้านหลังท้ายทอยหวันยิหวาด้วยความเป็นห่วง “หวาเบื่อตัวเองจังค่ะแม่” หญิงสาวบ่น หลังหายเจ็บตามร่างกาย เธอกลายเป็นคนที่ไม่มีความทรงจำ ไม่ต่างอะไรกับคนพิการ “แม่ไม่เคยเบื่อหวาจ้ะ แค่หวายังอยู่ แม่ก็พอใจแล้ว” พรรณนากล่าว สวมกอดบุตรสาว ยกมือขึ้นลูบแผ่นหลัง ถ่ายทอดความห่วงใยของตนเองให้บุตรีรู้ “หวารักแม่ค่ะ” หญิงสาวกอดตอบเอียงใบหน้าแนบอกอวบของมารดา ก่อนจะกระซิบเสียงแผ่ว “แม่กับพ่อก็รักหวา...เรามาพยายามไปด้วยกันนะลูก ไม่ต้องรีบแม่รอได้” พรรณนานากล่าวตอบเสียงสั่น...หากเป็นไปได้นางอยากให้บุตรสาวจำอะไรไม่ได้เลยเหมือนตอนนี้ ทิ้งอดีตที่แสนเลวร้ายไปตลอดกาล เพราะในทันที ที่หวันยิหวาจำได้ หล่อนคงโศกเศร้าอย่างหนัก เสียใจเพราะความผิดหวัง และคงแทบขาดใจเมื่อสิ่งที่สูญเสียไปนั้น...เป็นสิ่งสำคัญของเพศหญิง!! พจน์มองสองแม่-ลูก ที่กอดกันกลมด้วยสายตาอ่อนโยน ชายหนุ่มเป็นคนรุ่นใหม่ ไม่สนใจอดีตที่ผ่านไปแล้ว เขารู้ตัวดีหวันยิหวาพิเศษสำหรับเขา หากบุพกาลีของเธอไม่รังเกียจ นายแพทย์จนๆ คนนี้ พจน์ขออาสาคอยดูแลหวันยิหวาต่อจากนี้เอง และพรรณนาก็พอจะรู้...นางอาบน้ำร้อนมาก่อน ผ่านโลกมาพอสมควร จึงพอมองออก นางพอใจนายแพทย์คนนี้มากเป็นพิเศษ ข้อเดียวที่ตขิดตะขวงใจ คือนายแพทย์ผู้นี้รู้ ปม ของบุตรีตนเอง ปมที่แม้แต่นางเองยังไม่อยากนึกถึง หากชายหนุ่มไม่รังเกียจข้อเสียข้อนั้นของบุตรสาว นางก็ยินดีต้อนรับ... วิทย์หิ้วถุงใบใหญ่เดินเข้ามาในร้าน ท่านชะงักกึก มองภรรยาและบุตรสาวที่กอดกันกลมด้วยสายตาสงสัย “เกิดอะไรขึ้น ยัยหวาเป็นอะไร?” ชายสูงวัยเดินเข้ามารวมกลุ่ม ถุงใบนั้นถูกโยนทิ้งใกล้ๆ ประตูทางเข้า หญิงสาวเงยหน้าจากซอกอกมารดา ส่งยิ้มให้บิดา ทั้งที่น้ำตายังคลอขังในหน่วยตาคู่งาม... “เปล่าค่ะพ่อ หวาแค่ตกใจ!! มีบางอย่างแวบเข้ามาในหัวหวาค่ะ...” “หือ...” วิทย์คราง มองสบตาภรรยา “หวาพอจะจำได้แล้วเหรอลูก?” ท่านถามเสียงแฝงความตระหนก “ยังค่ะ” หวันยิหวาตอบเสียงอ่อย “มันมาแค่แวบๆ แล้วก็มืดสนิทเหมือนเดิม” วิทย์ถอนใจด้วยความโล่งอก บุตรสาวยังไม่แข็งแรงดี เขาอยากให้ยืดเวลาไปอีกหน่อย เมื่อความทรงจำที่ถูกทิ้งไปนั้น มันสาหัสเกินกว่าที่หวันยิหวาจะรับไหว “ผมจะนัดหมอให้ครับคุณอา...” พจน์กล่าวแทรก วิทย์จึงหันไปยิ้มให้ ท่านไม่ได้สนใจคนอื่นเลย เมื่อเป้าความสนใจอยู่ที่บุตรสาว จนกระทั่งพจน์พูดออกมา ท่านจึงรู้ว่านายแพทย์ผู้นี้ นั่งอยู่ด้วย “ไม่ทันมองหมอ... ผมนี่เสียมารยาทชะมัด” วิทย์บ่นตัวเอง “ไม่เป็นไรครับ หากเป็นผมก็คงไม่เห็นใครเหมือนกัน” ชายหนุ่มตอบ วิทย์รู้ทันความนัยที่ชายหนุ่มส่งให้ หากถามใจตนเอง ท่านไม่รังเกียจชายผู้นี้ แต่ประวัติอันด่างพล้อยของบุตรสาว จะเป็นตัวแปรในอนาคต เมื่อชายหนุ่มเป็นคนเด่นคนดัง หากใครก็ตามแตะต้องหวันยิหวา ด้วยข่าวฉาวๆ ท่านคงทนไม่ได้ “พ่อ...ของแม่ล่ะ?” พรรณนาถามแทรก นางไม่เห็นสามีถืออะไรมาด้วย “ตาย...พ่อโยนทิ้งไว้ตรงไหนล่ะนั่น กำลังตกใจน่ะแม่” วิทย์ตอบภรรยา ท่านเหลียวมองหาสิ่งที่ตนเองหลงลืม “ดีนะไม่ใช่ไข่ หรือแก้ว ไม่งั้นคงพังยับ” พรรณนาบ่นสามี มองวิทย์ที่วิ่งกลับไปฉวยถุงใบใหญ่ที่ตนเองโยนทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ หวันยิหวาหัวเราะคิก...รีบลุกไปช่วยบิดาถือของ “ไม่มีอะไรเสียหายเลยค่ะแม่...ของทั้งหมดอยู่ในสภาพดี” เธอกล่าวเสียงร่าเริง เดินเลี่ยงเอาของในถุงไปเก็บ มีสายตา3คู่มองตาม แววตาทั้งหมดของคนสามคน ล้วนแต่ห่วงใยหวันยิหวาทั้งหมด... โซฟาตัวใหญ่กลางห้องทำงานสีทึมๆ บ่งบอกถึงเอกลักษณ์ และลักษณะนิสัยของเจ้าของห้องเป็นอย่างดี ชายร่างใหญ่ใบหน้าคมดุ คิ้วเค้มพาดเฉียงเหนือนัยน์ตาคมดุสีคาราเมล...ปลายจมูกโด่งแหลมรับกับเรียวปากสีเข้ม ไรเคราจางๆ ส่งให้ใบหน้าคมเค้มดูโดดเด่นมากขึ้น...          ลุคแบดบอยดิบเถื่อน แต่กลับเนี๊ยบด้วยเสื้อผ้าแบนด์หรู ทั้งเนื้อทั้งตัวคลิสเตียน ตีเป็นราคาละก็ ใครหลายคนอาจจะตาร้อน เมื่อสิ่งของที่ชายหนุ่มผู้นี้ใช้ ไม่อัลลิมิเต็ดก็มีแค่ชิ้นเดียวในโลก...          แก้วทรงสูงในมือชายหนุ่ม มีน้ำสีอำพันกลิ้งไปกลิ้งมา          เซเก้การ์ดหนุ่ม ยืนน้อมกายอยู่ใกล้ๆ เขากำลังรอคำสั่งจากเจ้านายหนุ่ม ที่นิ่งเงียบไปหลายอึดใจ หลังทราบเรื่องราวบางอย่าง          “ยังไม่ตาย...” เสียงทุ้มนุ่มกล่าวเหมือนกำลังละเมอ แววตาของคลิสเตียนลอยคว้าง มีความอ้างว้างและหงอยเหงาปนอยู่ด้วย          “ครับ...แต่เธอจำอะไรไม่ได้เลย...” เซเก้กล่าวต่อ...สีหน้านิ่งสนิท
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD