EPISODE 05 เพื่อนสนิท

1763 Words
เช้าวันรุ่งขึ้นไอ้โมมันมานั่งอยู่หน้าบ้านของพี่แคลกับพี่โคมไฟแต่เช้าเลยค่ะ อย่างที่ฉันบอกไปไงว่าพี่โคมไฟเป็นที่เคารพรักของเด็กวัยรุ่น และเมื่อฉันออกมาเจอหน้าไอ้โม โมมันมองฉันและยักคิ้วให้ “เดี๋ยวพี่ไปส่งที่วิท’ ลัยนะ” พี่โคมไฟลุกจากม้าหินอ่อนหน้าบ้านของเขา ซึ่งตรงนั้นก็มีไอ้โมเพื่อนของฉันอยู่ด้วย ที่บอกว่าเดี๋ยวไปส่งก็เพราะฉันเปลี่ยนใส่ชุดนักศึกษาแล้ว ซึ่งก็เป็นชุดเมื่อคืนนี้ เอามาปั่นแห้งนั่นแหละ คือบอกพ่อกับแม่ไว้ไงว่าจะค้างกับเพื่อน ก็เลยต้องห้ามเข้าบ้าน ไม่งั้นจะโดนจับได้ “ไม่เป็นไรเฮียไฟ เดี๋ยวไอ้หอมไปกับโมได้” ขอบคุณไอ้โมที่พูดแทรกอย่างไม่มีมารยาท ไม่งั้นฉันแย่แน่ ๆ แม้เมื่อคืนจะจบลงที่ฉันหลับคาตักเขา แต่ก็ใช่ว่าเราจะคุยกันได้ปกติ แล้วที่ทุกคนเรียกพี่โคมไฟว่าเฮียไฟ เพราะคำว่าโคมมีฉันนี่แหละมั้งที่เรียกอยู่คนเดียว “เดี๋ยวหอมไปกับโมค่ะ ฝากขอบคุณพี่แคลด้วยนะคะ” พี่แคลน่ะหายไปตั้งแต่เมื่อคืน ถ้าฉันรอกินข้าวคงจะหิวแย่ เมื่อคืนพี่โคมไฟบอกว่าสงสัยพี่แคลจะเมา แล้วก็เกิดอาการแถ “เอาแบบนั้นก็ได้ เอาที่หมูสบายใจ ดูแลตัวเองนะ พี่เป็นห่วง” ฉันนี่อยากจะให้เขาเลิกเรียกแบบนี้จริง ๆ แต่ถ้าพูดไปจะเป็นการทำให้เขาเสียหน้าอีก “ค่ะ” ฉันเดินออกจากรั้วบ้านพร้อมไอ้โม และขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ Honda Zoomer-X ของเพื่อนอย่างไอ้โม “คือไรวะ กลับมาคบกันออ” ขับออกจากซอยบ้านของพี่แคลกับพี่โคมไฟแล้ว ไอ้เพื่อนของฉันคนนี้ก็เริ่มทำตัวเป็นนักสืบขึ้นมาเลย “เปล่า” “งั้นเหตุผล” “หิวข้าวจังวะ จอดหน้าวิท’ ลัยร้านเดิมนะมึง” ฉันเปลี่ยนเรื่องพูด ให้บอกเหตุผลกับไอ้โมน่ะเหรอ ไม่เอาหรอก ไม่บอกใครทั้งนั้น ไม่อยากให้เพื่อนรู้อีกแล้ว “เมื่อคืนกูเห็นมึงหลับคาตักเฮีย” บ้านไอ้โมอยู่เยื้องกันกับบ้านพี่โคมไฟ และเมื่อคืนนี้ฉันลืมคิดข้อนี้ไป ถึงว่ามันโผล่มาหน้าบ้านพี่โคมไฟแต่เช้าเลย “ง่วงนอนจังวะ” ฉันซบลงที่แผ่นหลังของเพื่อน ทำยังไงมันถึงจะเลิกสงสัยสักที “ตลอด อยากบอกก็เล่าแล้วกัน” “อืม” ยังดีที่มันไม่เซ้าซี้เกินกว่านี้ ไม่งั้นอาจจะได้ทะเลาะกันเพราะฉันไม่เล่า แต่โมมันอยากจะรู้ “แต่ยังไงก็อย่าลืมนะว่ามึงไม่ได้โสดแล้ว และถ้าไอ้ต่อรู้มันคงไม่ใช่เรื่องดี” “อืม” ใช่ ฉันมีแฟน และจริงอย่างที่โมพูด การมาค้างบ้านคนอื่น ซึ่งเคยเป็นแฟนเก่า ไม่ใช่เรื่องดีถ้าแฟนรู้ แต่เหนือกว่าอะไรนั้น การนอนกับผู้ชายคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องดีถ้ามีแฟนแล้ว เพราะงั้นฉันก็ควรจะจบความสัมพันธ์กับต่อ ฉันทำร้ายเขาไม่ได้ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีอีกแล้ว แต่จะให้เลิกตอนนี้ก็คงจะไม่ได้ ฉันกลัวจะทำให้งานกลุ่มมีปัญหา งั้นคงต้องรอจบก็ค่อยคุยค่อยเคลียร์เลยแล้วกัน เพราะฉันคิดว่าจะย้ายที่เรียน ไม่ต่อที่เดิม เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ผ่านไปประมาณสามนาทีรถของเพื่อนฉันก็จอด ฉันจึงเงยหน้าขึ้นมองว่ามันจอดติดไฟแดงหรืออะไร คือขี่มาแค่แป๊ปเดียวไม่น่าจะมีไฟแดงนะ “จอดทำไมมึง!” ฉันถามด้วยความตกใจ เพราะรถจอดที่หน้าบ้านของมะนาวด้วย “ไอ้เหี้ยนาวมันบอกให้กูมารับมันด้วย” คือปกติฉันนั่งรถเมล์เป็นประจำ แต่วันนี้ที่คิดจะไปกับไอ้โมเพราะเหตุสุดวิสัย “งั้นกูไปรถเมล์แล้วกัน” ฉันลงจากรถ “จะบ้าหรือไง เฮียไฟเอากูตายดิ กูบอกเฮียไว้ว่าจะไปส่งมึง” “โอ๊ย มึงจะสนอะไรเขา กูกับเขาไม่ได้กลับมาคบกัน เขาไม่มาอะไรกับกูหรอก” “ไม่ได้กลับมาคบแล้วมึงไปค้างกับเขาเนี่ยนะ” “ใครค้างกับใครวะ” เสียงจากด้านหลังของฉันดังขึ้น “ขึ้นรถไอ้หอมกูรับปากเฮียแล้ว” ไอ้โมมันไม่ได้ตอบไอ้นาว แต่มาจี้ฉันต่อ “เฮียไหนวะโม” นาวมันเดินมายืนข้างฉัน ฉันรู้ทันทีเลยว่ารู้สึกกลัวนาว เพราะมือของฉันมันสั่นจนผิดปกติ “รู้แล้วเงียบเลยมึงไอ้นาว เดี๋ยวไอ้หอมมันซวย” “พูดเหี้ยอะไรไม่เคลียร์ กูถามเฮียไหน” “เฮียไฟ เมื่อคืนไอ้หอมมันค้างบ้านเฮีย” “อ้อ...งั้นเหรอ กลับคบไปกันว่างั้น?” นาวมันก้มหน้าลงมาถามฉัน “เปล่า” “เรอะ” นาวมันมองฉันด้วยสายตาที่แสดงออกว่ารังเกียจกัน และเพราะนาวมันโน้มตัวก้มหน้าลงมาทำให้ไอ้โมมันไม่เห็นสิ่งนาวกำลังเยาะเย้ยฉันทางสายตา “ขึ้นรถ” นาวพูด “จะไปรถเมล์” ฉันตอบนาว “ขยับไปด้านหลังโม มานั่งหน้าหอม” นาวมันขึ้นไปคร่อมรถแล้วออกคำสั่งกับฉัน “ก็บอกว่าจะไปรถเมล์” “หัวหอม” สายตาของนาวกำลังข่มขู่ว่าถ้าไม่ทำตามมันจะทำในสิ่งที่เราเรียกว่าความลับ ให้ไม่เป็นความลับอีกต่อไป “ไปนั่งหน้าไอ้หอม ไหนมึงบอกหิวข้าว” “เออ ๆ” ฉันนั่งหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะความสัมพันธ์ของเพื่อนที่เคยเป็นมันค่อนข้างเป็นแบบนี้มาตลอด คล้ายเรื่องปกติ แล้วถ้าเกิดว่าฉันโวยวายหรือทำท่าทางโกรธไอ้นาว ไอ้โมที่ช่างสงสัยเป็นที่หนึ่งก็จะเกิดคำถามลามมาซึ่งการสืบ เมื่อฉันนั่งเรียบร้อยนาวมันก็บิดคันเร่งขี่รถเพื่อไปที่วิทยาลัย ฉันไม่ชอบการใกล้ชิดแบบนี้เลยจริง ๆ มันทำให้ฉันคิดถึงเรื่องเมื่อวาน “เอาเหมือนเดิมมั้ย” ฉันลงจากรถมอเตอร์ไซค์เมื่อถึงหน้าร้านข้าวที่ชอบนั่งกินอยู่บ่อย ๆ ทำไมต้องถาม เพราะเคยถามตลอดเวลาที่นัดเจอกันที่ร้านข้าวร้านนี้ “อืม” “แล้วมึงอะโม” ได้คำตอบจากอีกคน ฉันก็ถามอีกคน ซึ่งไอ้โมมันไม่เคยกินอะไรซ้ำ ๆ “มึงสั่งก่อนเลย กูคิดก่อนจะกินไรดี” นั่นไงว่าแล้วเชียว “ป้าจ๊ะของหนูเอาผัดขี้เมาทะเลกับไข่ดาวสองจาน” เพราะเราสองคนกินเมนูเดียวกันมาโดยตลอดตั้งแต่ที่เริ่มเข้าปี.1 เหตุผลง่าย ๆ ก็คือไม่ต้องรอนาน กินเหมือนกันแม่ค้าก็แค่ผัดรอบเดียว ซึ่งมันเป็นเมนูโปรดของฉัน และคงเป็นเมนูโปรดของนาวด้วยมั้ง นาวมันถึงกินได้ตลอด “ของผมเอาข้าวผัดไข่ใส่ไก่หมึกและไข่ดาวครับป้า” เมนูเช้านี้ของโมมันค่ะ “เอ็งนี่กินเรื่องมาก ประหลาด ๆ ทุกครั้งเลยนะ” จริงอย่างที่ป้าคนขายแกว่า โมมันกินแปลกไปเรื่อย “ก็อาหารตามสั่งไงครับป้า” “เออ ๆ ไปนั่งได้แล้วไป” ฉันเดินมาโต๊ะที่มีนาวมันนั่งจองไว้ก่อนแล้ว ร้านนี้เด็กนักศึกษาเยอะ ต้องรีบจับจองโต๊ะเก้าอี้ และเพราะไม่อยากมองหน้านาวฉันจึงต้องเลือกนั่งข้างมัน ยอมนั่งข้างดีกว่าเห็นหน้าคนอย่างมัน “มึงสองคนกินเหมือนกันไม่เบื่อเหรอวะ เมนูเดิมตลอด” โมนั่งจิบน้ำที่นาวมันเป็นคนตักมาให้เพื่อน “ไม่” ฉันนี่แหละค่ะที่เป็นคนตอบ ไอ้เลวข้าง ๆ ฉันเนี่ยมันพูดน้อยและชอบทำเป็นไม่ได้ยินเพื่อนพูด “เบื่อ” อะแต่รอบนี้มันตอบ “เบื่อแล้วแดกทำเหี้ยอะไรครับ ทำไมไม่แดกอย่างอื่น” เออ แล้วทำไมไม่สั่งอย่างอื่น “ชอบ” “ประสาทนะมึง โดนสาวหลอกจนเพี้ยนหรือไง” จากนั้นต่างคนก็ต่างก้มกดโทรศัพท์ของตัวเอง เพราะนาวมันไม่ได้ตอบอะไรโมอีก ส่วนฉันก็ตอบแชตที่ต่อทักมา “อะผัดขี้เมาทะเลไข่ดาว” ป้าคนขายนำข้าวสองจานวางลงที่โต๊ะ ฉันจึงยื่นมือลากจานของตัวเองมาตรงหน้าของฉัน แล้วตักพริกน้ำปลาใส่ จากนั้นก็นั่งกิน “อ้าว วันนี้ไม่แบ่งแลกกันหรือไงวะ กูเห็นทุกทีแบ่งกัน” เสียงทักของโมดังขึ้น ทำให้ฉันชะงัก บางทีฉันก็เบื่อความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนคนนี้จริง ๆ ฉันทำเฉย ทำเป็นไม่ได้ยินที่โมมันพูด เพราะตรงจังหวะกับข้าวของโมได้พอดี แต่แทนที่เรื่องตรงนี้มันจะจบ กลับไม่ใช่ เพราะคราวนี้กลายเป็นว่านาวมันตักกุ้งมาใส่จานของฉัน ฉันหันไปมองหน้านาว สรุปมันเฉยใส่ฉัน ฉันจึงต้องตักปลาหมึกที่อยู่ในจานของตัวเองไปใส่จานของนาวทั้งหมด “สัส แดกนึกว่าผัวเมียกัน” ไอ้นี่ก็แซวทุกครั้งที่มีการแลกกัน “กูไม่เอามันทำเมียหรอกไอ้สัส มึงเงียบแล้วแดกข้าวได้ละ” พอคำพูดนี้ดังขึ้น หัวใจของฉันก็เจ็บหน่วง ๆ ขึ้นมา เรื่องเมื่อวานคือความลับ และเป็นเรื่องเลวทรามที่ไม่ควรเกิดขึ้น เท้าความการแลกปลาหมึกกับกุ้ง ก็เพราะฉันไม่ชอบกินปลาหมึกเนื่องจากมันเหนียวเคี้ยวยาก ก็เลยเกิดการแลกกันแบบนี้เกิดขึ้น ถ้าถามว่าทำไมไม่สั่งแยก นาวมันก็บอกเสียเวลา เราจึงแลกของในจานข้าวกันตั้งแต่ตอนปี.1 นั่นแหละค่ะ ในตอนนั้นนาวมันก็ยังคบกับเพื่อนสนิทของฉันอยู่ แต่เพราะของขวัญเป็นคนกินเผ็ดไม่ได้ แต่นาวมันชอบกินเผ็ดเหมือนฉัน เราจึงกินเหมือนกัน แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับมันอีกแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะเปลี่ยนเมนู แม้เพื่อนที่เหลือจะสงสัยก็ตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD