“อื้อ” ฉันรู้สึกเหมือนบางอย่างหนัก ๆ กำลังพาดทับที่ช่วงเอวของฉัน รู้สึกเหมือนลมหายใจของใครบางคนกำลังเป่ารดอยู่ตรงข้างแก้ม และเมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของเพื่อนที่เป็นมากกว่าเพื่อน นาวกำลังหลับโดยที่กอดฉันไว้ แขนอีกข้างก็เอามาให้ฉันหนุน
จู่ ๆ ฉันก็นึกถึงหนึ่งเรื่องน่าเศร้าในอดีต เรื่องที่ฉันเคยแอบใจเต้นแรงเพราะแฟนของเพื่อนสนิท
ซึ่งผู้ชายคนนั้นก็เป็นเพื่อนของฉันด้วย และแน่นอนว่าผู้ชายที่ฉันแอบรู้สึกด้วยคือผู้ชายที่กำลังโอบกอดฉันอยู่
เมื่อก่อนที่ฉันชอบเขา อาจจะเพราะชอบเวลาที่เขายิ้มให้ของขวัญ ชอบเวลาที่เขาอยู่กับของขวัญ ชอบที่เขาเป็นผู้ชายที่ไม่สนโลก แต่สนใจของขวัญ มันทำให้ฉันรู้สึกว่าของขวัญโชคดีที่มีผู้ชายคนนี้เป็นแฟน
เมื่อฉันข้ามเส้นของความรู้สึก ฉันก็เริ่มยับยั้งชั่งใจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่สมควรจะปล่อยให้ตัวฉันเองรู้สึก ในเมื่อเขาที่ฉันรู้สึกด้วยคือเพื่อน และคือแฟนของเพื่อนสนิท ซึ่งฉันในตอนนั้นก็มีแฟนอยู่แล้วด้วย
ฉันจึงพยายามลืม ลืม ลืมสิ่งที่ตัวเองรู้สึก แล้วฉันก็ลืมได้จริง ๆ ฉันฝังความรู้สึกนั้นไว้ลึกสุดใจ
และก็ลืมไปแล้วว่าเคยแอบรักแฟนของเพื่อนสนิท
กระทั่งตอนนี้ความรู้สึกนั้นมันกำลังกลับมา เมื่อฉันมองหน้าเขาในระยะประชิดแบบนี้
“นาวคิดถึงขวัญนะ” ในขณะที่ฉันกำลังมองใบหน้าที่หลับพริ้มของนาว นาวก็ได้พูดประโยคนี้ออกมา แล้วเขาก็กอดฉันแน่นกว่าเดิม “ขวัญทำไมใจร้ายกับนาวแบบนี้ ไม่ไปได้มั้ย อยู่กับนาวเถอะ เลือกนาวเถอะนะ” เขายังคงพูดต่อ น้ำเสียงนุ่มทุ้มแบบนี้แหละที่เขาชอบใช้พูดกับของขวัญ น้ำเสียงที่แทบจะเก็บไว้ใช้กับของขวัญแค่คนเดียว
น่าอิจฉาที่สุด
ฉันปวดหนึบที่หัวใจอีกแล้ว ด้านน้ำตาก็เริ่มเอ่อคลอ
ฉันเพิ่งจะรู้ว่าการที่เราโดนกอด แล้วเขาพูดชื่อคนอื่นมันคือความรู้สึกที่เจ็บที่สุดเลยก็ว่าได้ ก็รู้นั่นแหละว่าไม่มีทางจะรักฉัน
แต่พอเรามีอะไรกันแล้ว มันก็เหมือนการเริ่มจดบันทึกสตอรี่ของเราสองคน เริ่มมีความผูกพัน ที่ไม่ใช่ความผูกพันแบบเพื่อน
ถ้าหากฉันขอได้ สิ่งเดียวที่ฉันจะขอระหว่างที่เรายังมีความสัมพันธ์แบบนี้ ฉันจะขอให้นาวเกลียดฉัน อย่าทำดีกับฉัน เวลาที่นาวเบื่อฉัน ฉันจะได้ไม่รู้สึกไปมากกว่านี้
ฉันนอนมองหน้านาวแล้วหลับไปอีกรอบ
จงอยู่กับความจริง อยู่กับความจริง นี่คือสิ่งที่ฉันคิดก่อนจะเคลิ้มหลับไป...
เวลา 09.04 น.
ฉันลืมตาตื่นอีกครั้งในเวลาเก้าโมงนิด ๆ เมื่อลืมตาขึ้นฉันก็เห็นนาวยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียง ฉันเบือนสายตามามองโทรทัศน์ที่นาวกดเปิดเอาไว้
“ไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อนโทรมาตามแล้ว” นาวเดินกลับเข้ามาในห้อง เดินมานั่งที่เตียงและพูดกับฉัน วันนี้เป็นวันอังคาร แต่ไม่ใช่วันที่ฉันมีเรียน จึงนัดกันทำโพรเจกต์ต่อค่ะ คือคุยกันไว้อยู่แล้ว
“เสื้อผ้าไปเอามาให้แล้ว กูบอกแม่มึงว่ามึงฝากมาเอา” เมื่อเห็นว่าฉันนิ่งนาวก็อธิบายต่อ ส่วนเรื่องเมื่อคืน เราไม่ได้มีอะไรกันค่ะ หรือมีก็ไม่รู้เพราะฉันหลับตั้งแต่กินสปาเก็ตตี้ที่นาวซื้อจากเซเว่นมาเผื่อ
“แม่สงสัยมั้ย”
“ถามโง่ ๆ ทำอย่างกับกูไม่เคยไปเอาของบ้านมึง” อันนี้ก็จริง นาวเคยไปเอาของที่บ้านให้ฉันบ่อย เวลาที่ฉันค้างกับน้ำขิงที่หอเพราะต้องทำรายงานดึก
“ไม่มีแปรง” นึกขึ้นมาได้ว่าตัวฉันไม่มีแปรงสีฟัน
“มี” สั้น ๆ ง่าย แล้วตัวของนาวก็นอนเอนยาว กดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวี ฉันลุกจากเตียงแล้วเดินไปคว้าผ้าขนหนูของนาวเข้าห้องน้ำ ไม่ขอบคุณหรอกค่ะ ในเมื่อบังคับให้ฉันมาเอง
เข้ามาในห้องน้ำแล้วก็จะอึ้งเล็กน้อยเพราะแปรงสีฟันมียาสีฟันถูกบีบใส่ไว้ และมันคือแปรงของฉัน ที่รู้เพราะเป็นแปรงที่ใช้สำหรับคนดัดฟันโดยเฉพาะ
“ลืมบอกว่าบีบผิดแปรง จะทิ้งก็เสียดายยาสีฟัน” นาวมันตะโกนเข้ามาในห้องน้ำ
แล้วจะตะโกนเข้ามาเพื่อ?
ไม่ได้ซึ้งอะไรหรอก