หญิงสาววิ่งขึ้นมาบนห้องก่อนจะโถมตัวลงบนที่นอนปล่อยน้ำตาให้ไหลรินอีกครั้ง สมองของเธอคิดแต่ว่ารอยนี้มันใช่โรคร้ายจริงเหรอ ถ้าจริงแล้วเธอติดมาจากไหน พ่อแม่ก็ไม่มีเชื้อ ญาติพี่น้องก็ไม่มี
"เกิดมาให้หนูเป็นคนสวยแล้วทำไมต้องให้หนูเป็นเอดส์ตายไม่รู้ตัวด้วย...ทำไมช่างใจร้ายกับหนูแบบนี้ ฮือ..." เธอปล่อยโฮออกมาด้วยความชอกช้ำใจ พลางก่นด่าในความอับโชคของตัวเอง
แกร็ก...
ประตูห้องถูกเปิดออกปรากฏร่างสูงใหญ่ที่ก้าวแทรกเข้ามาและปิดประตูลงโดยไม่มีเสียงดังเล็ดลอดให้อีกคนได้ยิน
ด้วยความคิดชั่ววูบนิ้วมือไม่รักดีก็กดล็อกประตูเสร็จสรรพ
คนที่เอาแต่นอนฟุบคว่ำหน้าบนเตียงหลังใหญ่ไม่ได้รับรู้สักนิดว่า ตอนนี้มีใครอีกคนกำลังยืนมองเธอด้วยความสงสัยและส่องประกายวาววับยากจะคาดเดาว่าดีหรือร้าย
"ร้องไห้ทำไม มีใครตายงั้นเหรอ..." แอลเลียตอยากกระโดดเตะปากตัวเองสักทีสองที ว่าจะทักยัยเด็กแสบดีๆ แล้วนะ
ทำไมมันออกมาเป็นแบบนี้อีกแล้ว!
ไอ้สัตวแพทย์เอ๊ย!!
"ขะ...เข้ามาทำไม! ใครเชิญ! " หญิงสาวตกใจจนเกือบสำลักก้อนสะอื้นของตัวเอง แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือเห็นว่าเป็นใครที่เข้ามาในห้องของเธอ
"หึ"
"ออกไปเลยนะคนนิสัยไม่ดี" คนตัวเล็กแห้วเสียงดังเจือก้อนสะอื้น ขยับลุกขึ้นหนีอีกฝ่ายด้วยความหวาดระแวง ตากลมโตที่ยังคงมีหยาดน้ำตาคลออยู่จ้องคนตรงหน้าไม่วางตา
ไหนจะสายตาคมกริบที่มองมานั่นอีก คงจะมาเยาะเย้ยเธอละสิ
"เธอพูดถูก ฉันมันนิสัยไม่ดี เพราะฉะนั้นจะเข้าห้องใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ก็คงไม่แปลก ถูกมั้ย" เขามองอีกคนที่เอาแต่ปาดน้ำตาปรอยๆ ไม่วางตา
ท่าทางเหมือนเด็กน้อยที่น่าแกล้งของเธอ ยิ่งเธอร้องไห้แบบนี้เขายิ่งมองว่ามันน่ารักน่าแกล้งไปกันใหญ่
"ไม่มีมารยาท! " เธอกระแทกเสียงใส่คนที่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ปลายเตียง ท่าทางของเขาไม่น่าไว้ใจ มันไม่ใช่ท่าทางคุกคามอย่างก่อนหน้านี้
เธอรีบกระโดดไปอยู่อีกฝั่งของเตียงสายตามองเขาระแวดระวังอย่างไม่ปิดบัง
แอลเลียตยกยิ้มกับท่าทางตื่นกลัวและหวาดระแวงนั่นพลันสมองด้านร้ายก็คิดออกมา
วันนี้คุณตาคุณยายไม่อยู่ ถ้าเขาจะ....
"มองอะไร ออกไปเลยนะไม่งั้นจะปาด้วยไอ้นี่จริงด้วย" หญิงสาวขู่ฟ่อๆ พร้อมกับเงื้อมือที่ถือกระปุกออมสินรูปแตงโมเอาไว้แน่น
"เธอคิดว่าถ้าฉันจะทำอะไรเธอจริงๆ ไอ้นั่น มันจะทำอะไรฉันได้งั้นเหรอ..." มือหนาค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ดพลางมองคนตัวเล็กที่เบียดตัวเองไปกับผนังห้องอีกฝั่งด้วยความชอบใจ
สิบเก้าก็สิบเก้าว่ะ สิบเก้าบางคนมีลูกเป็นสิบไปแล้วด้วยซ้ำ!
มาเฟียหนุ่มบอกตัวเองในใจ ตอนนี้แม้แต่เทวดาก็อย่าคิดเข้ามาห้ามเขาซะให้ยาก
คำสร้อยเบิกตาโพลงเมื่อได้ยินที่เขาพูด ไหนจะท่าทางปลดกระดุมเสื้อเดินยิ้มเข้ามานั่นอีกล่ะ
ไม่นะ! คงไม่ใช่หรอก!
"จะ...จะทำอะไรคำสร้อย พี่แอลเลียต" เสียงสั่นๆ ที่ถามออกไปพยายามทำให้มันอ่อนหวานที่สุด อย่างน้อยการพูดกับเขาดีๆ ก็อาจจะทำให้เขาหยุดล้อเล่นแบบนี้กับเธอได้
"จะจับทำเมีย..." เสียงทุ้มลึกไม่มีทีท่าว่าจะล้อเล่น ทำให้ตาที่โตอยู่แล้วเบิกโตขึ้นไปอีกจนกลัวว่ามันจะถล่นออกมาจากเบ้า
"ทำเมีย!! "
"ใช่หรือจะให้พูดง่ายๆ คือ วันนี้เธอจะมีผัวชื่อแอลเลียต"
"มีผัว..." เธอครางออกมาเสียงแผ่ว
กรี้ดดด...นี่เธอจะมีผัวแล้วเหรอ ดีใจจัง!
เฮ้ย!! ไม่นะไม่!!
ฉันพึ่งจะขึ้นปีหนึ่งเองนะ ใครมันจะไปอยากมีผัวเร็วขนาดนั้น!!
อีกอย่างฉันจะไม่เอาคนชื่อแอลเลียตมาทำพ่อพันธุ์เด็ดขาด!!
เธอสะบัดหัวไปมาไล่ความคิดในส่วนลึกของจิตใจออกไป ก่อนจะรวบรวมความกล้า นับหนึ่งถึงสามในใจแล้ววิ่งพุ่งข้ามเตียงไปที่ประตูให้เร็วที่สุด
แต่อนิจจัง...เท้าเจ้ากรรมดันสะดุดกับผ้าห่มจนทำให้ล้มหัวทิ่มลงพื้นข้างๆ ร่างสูงอย่างไม่เป็นท่า
"กรี้ดดดด! "
ตุบ!!
"ยัยซุ่มซ่ามนี่! " แอลเลียตตกใจกับการพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วของยัยลิงลม แต่ที่ตกใจมากกว่า คือการที่เห็นเธอล้มหน้าคะมำเท้าชี้ฟ้า จนเจ้าลิงน้อยโผล่ออกมาทักทายสายตาเขาจังๆ
ลายแตงโม...
"ทำบ้าอะไรของเธอห๊า" เขาจับเธอให้ลุกขึ้นเหมือนสิ่งที่ไร้น้ำหนักแล้วเอ็ดออกไปด้วยความโมโหที่เห็นหน้าผากมนเริ่มปูดขึ้นมา แล้วมันก็ค่อยๆ ชัดขึ้นเรื่อยๆ เดาได้ว่าอีกไม่นานมันจะแดงและเขียวช้ำแน่ๆ
"เจ็บ..." คำสร้อยแบะปากยกมือขึ้นลูบหน้าผากตัวเองปรอยๆ ก่อนที่น้ำตาเม็ดโตจะไหลลงมาอาบแก้มอีกครั้งไร้การเสแสร้งแต่อย่างใด
ล้มจริง!
เจ็บจริง!
สแตนด์อินไม่ต้อง!!
"ชิ!! " แอลเลียตสบถออกมาอย่างอารมณ์เสียเมื่อเห็นรอยแดงบนหน้าผากขาวใสนั่น
"พี่แอลเลียตขา ยะ...อย่าเอาคำสร้อยเป็นเมียเลยนะ คำสร้อยยังเด็ก คำสร้อยยังไม่อยากมีผัว...คำสร้อยไม่สวยด้วย แถมตอนนี้ยังเป็นโรคร้ายอีก อย่าทำให้คำสร้อยเป็นคนบาปที่แพร่เชื้อให้คนอื่นเลยนะ...อึก" เธออ้อนวอนเขาอย่างไม่กลัวเสียหน้า ตอนนี้เอาตัวรอดเป็นยอดคนจะดีกว่า
คำว่า โรคร้าย ทำให้คิ้วหนาเรียงตัวสวยขมวดเข้าหากันแทบจะทันที ตาคมกวาดมองไปทั่วทั้งตัวของคนที่กุมหน้าผากน้ำตาไหลอย่างสังเกต
ตัวเล็กๆ แก้มป่องๆ ผิวขาวผ่องแบบนี้ จะเป็นโรคร้ายงั้นเหรอ
ยัยเด็กแสบ ชอบโกหก...
"โรคอะไร" เสียงทุ้มเอ่ยถามไปตามเกมจนเธอต้องรีบบอกเสียงตื่น เพราะดูแล้วน่าจะเป็นทางรอดให้กับตัวเอง
"โรคเอดส์ค่ะ คำสร้อยเป็นเอดส์ พึ่งจะรู้ตัวเมื่อเช้า ฮึก...มันพึ่งแสดงอาการ อย่าเป็นผัวคำสร้อยเลยนะคะ เดี๋ยวติดเอดส์..." ไม่พูดเปล่ามือเรียวเล็กยังรั้งคอเสื้อให้เขาดูว่ามีรอยของโรคจริงๆ
เมื่อเห็นรอยตามตัวของคนตรงหน้าทำเอามาเฟียหนุ่มแทบหัวเราะออกมา รอยนั่นเขาตั้งใจทำกับมือ เพื่อให้เธอรู้ตัวว่าถูกเขาจับจองเป็นเจ้าของมาเนิ่นนานแล้ว แต่เจ้าตัวกับคิดว่าตัวเองเป็นเอดส์
ยัยบ้าเอ๊ย!
สมัยนี้มันไม่ใช่โรคน่ารังเกียจอะไร มิหนำซ้ำบางคนยังไม่มีอาการของโรคและใช้ชีวิตได้อย่างคนปกติทั่วไปอีกด้วย
แต่เขานี่สิ จะบ้าตาย ไปทำรอยอีท่าไหนให้มันเหมือนตุ่มโรคร้ายว่ะ!!
ยัยเด็กนี่บ้านนอกนี่ก็อีกคน บางเรื่องก็ดูฉลาดบางเรื่องกับโง่งม
"เธอแน่ใจได้ยังไงว่ามันเป็นโรคที่เธอคิดจริงๆ "
"เคยเห็น"
"แค่เคยเห็น? แล้วไปตรวจรึยัง? " เขาเอื้อมมือไปจับคอเสื้อสีขาวแผ่วเบา นิ้วเรียวยาวเผลอลูบไล้ต้นคอขาวเนียนไปมาช้าๆ จนเธอต้องย่นคอหนีสัมผัสชวนวาบหวามนั่น
"กำลังจะไปค่ะ งั้นคำสร้อยไปตรวจก่อนนะคะ" เธอละล่ำละลักบอกเสียงสั่นพร้อมกับเบี่ยงตัววิ่งไปที่ประตู แต่ต้องร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่ออยู่ๆ ตัวเธอก็เหมือนลอยได้
แขนแกร่งตวัดรวบเอวบางดึงเธอเข้ามากอดจนตัวลอย
ตาสบตา
คนหนึ่งตื่นตระหนกบ่งบอกถึงความกลัว
อีกคนกลับมีสายตามืดลึกยากจะคาดเดา
"แค่นี้ไม่จำเป็นต้องถึงมือหมอคนอื่นหรอกนะเด็กดีของพี่..." คำสร้อยดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมกอดแข็งแรงนั่น สองมือดันบ่ากว้างเอาไว้อย่างไม่ไว้ใจ
"ทะ...ทำไม"
"พี่ก็เป็นหมอลืมไปแล้วรึไง...ถึงจะเป็นหมอสัตว์แต่พี่ก็ตรวจคนได้เหมือนกัน คำสร้อยว่าจริงมั้ย..." พูดแล้วยิ้มสายตามีประกายวาววับพาดผ่าน
วินาทีต่อมาเธอก็แทบจะร้องกรี้ดออกมาก
มือหนาปล่อยเธอลงพร้อมกับจับคอเสื้อของเธอดึงแยกออกอย่างรุนแรง จนกระดุมกระเด็นไปคนละทิศคนละทาง เพียงแค่เสี้ยววินาทีเขาก้มลงบดขยี้ปากลงมาอย่างรวดเร็วและแม่นยำจนเธอไม่ทันได้ร้องออกมาสักแอะ
------------------------------------❤️
เมื่อไหร่จะได้กินน้องสักทีค่ะพี่