แสนรักเลี้ยงลูกอย่างไร ยากเกินกว่าที่สมุทรจะหยั่งรู้ เขารู้แต่เพียงว่าแสนรักเป็นแม่ที่ดี ใส่ใจและเป็นห่วงลูกมาก ขณะเดียวกันก็สะเพร่าอยู่ไม่น้อย
กล้าปล่อยลูกไว้คนเดียวได้อย่างไร แม้ว่าจะแป๊บเดียวก็เถอะ ถ้าเป็นเขาเลี้ยงนะ เขาจะไม่ให้ลูกคลาดสายตาไปแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียวเลย
คิดแล้วก็ขับรถไปด้วยอย่างหัวเสีย นึกอยากจับแม่เลขาฯ ตัวดีมาอบรมเรื่องการเลี้ยงลูก ‘ของเขา’ ใหม่เสียหน่อย แต่ก็ไม่รู้จะไปพูดว่าอย่างไรดี เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เป็นแสนรักคนเดียวที่เลี้ยงดูแสนหวานมาจนถึงตอนนี้ เขาไม่มีบทบาทอะไรในชีวิตลูกเลยแม้แต่เรื่องเดียว ขนาดชื่อพ่อยังไม่ใช่ชื่อเขาเลยด้วยซ้ำ
คิดๆ ก็ยิ่งหงุดหงิดเท่าทวี ก่อนที่ความหงุดหงิดนั้นจะเริ่มกลายเป็นความรำคาญเมื่อเม็ดฝนเริ่มโปรยปรายลงมาบนกระจกหน้ารถ
ฝนตกก็ยิ่งทำให้รถติด กว่าเขาจะกลับถึงบ้าน คงจะสบถคำหยาบคายออกมามากมายเป็นแน่
แต่ไม่ทันไร สมุทรก็ต้องสบถออกมาจริงๆ เมื่อสายตาเจ้ากรรมดันเหลือบไปมองยังป้ายรถเมล์ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหน้าบริษัทมากนัก และเหตุผลที่สบถก็เป็นเพราะเขาเห็นร่างระหงของหญิงสาวคนหนึ่งยืนหลบฝนอยู่ ไหล่ข้างหนึ่งสะพายกระเป๋าสัมภาระต่างๆ ส่วนไหล่อีกข้างมีเจ้าตัวเล็กพาดบ่า
“นั่นมัน...รักกับหนูหวานไม่ใช่เหรอ”
สมุทรพึมพำ เพ่งมองก็พบว่าสิ่งที่เขาเห็นไม่ผิดเพี้ยนไปเลยแม้แต่น้อย เป็นแสนรักกับแสนหวานจริงๆ
สองแม่ลูกหลบฝนเบียดเสียดกับผู้คนอยู่ใต้ชายคาป้ายรถเมล์ป้ายนั้น ทำให้สมุทรต้องรีบตีไฟเลี้ยวเพื่อเข้าซ้ายและไปจอดเทียบกับฟุตปาธทันที
“แสนรัก!”
จอดรถได้ก็รีบพรวดพราดลงจากรถ ปากร้องเรียกชื่อของหญิงสาวเสียงดัง ขณะที่คนถูกเรียกหันไปมองตามเสียงด้วยสีหน้าเหลอหลา
“คุณสมุทร มานี่ได้ยังไงคะ”
เจ้าหล่อนถามด้วยความสงสัย โดยไม่ได้สังเกตสีหน้าของสมุทรเลยว่ายับย่นแค่ไหน
“ผมต้องถามรักต่างหากว่าทำไมมาอยู่ที่นี่”
เขาถามกลับ ผู้คนไม่ได้สนใจเขาที่ส่งเสียงดังแล้ว ปล่อยให้เขาได้คุยกับอีกฝ่ายตามลำพัง
“รักก็กำลังจะกลับคอนโดฯ น่ะสิคะ ถามอะไรแปลกๆ”
ที่ต้องถามก็เพราะว่าการกระทำของหญิงสาวมันแปลกนั่นแหละ ปกติแล้วเธอไม่ได้เดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะนี่นา แล้วทำไม...
“รถของรักไปไหน”
สมุทรออกปากถามทันทีด้วยอยากรู้ แสนรักขมวดคิ้วน้อยๆ
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณสมุทรล่ะคะ”
ฟังคำตอบแล้วอยากจะจับมาฟาดก้นแรงๆ นัก
ไม่เกี่ยวได้อย่างไร เอาลูกสาวของเขามายืนตากลมตากฝนอย่างนี้ ยังจะบอกว่าไม่เกี่ยวอีก!
“ตอบให้ตรงคำถาม ผมถามว่ารถไปไหน”
เขาเลยกดเสียงต่ำถามไปอีก แสนรักสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วบอกออกไปอย่างไม่มีทางเลือก
“ขายไปแล้วค่ะ”
“ขายทำไม”
“เอ้า ก็เอาเงินมาเลี้ยงหวานไงคะ ถามมาได้”
ก็เขาไม่รู้นี่นาว่าเธอต้องหาเงินด้วยวิธีนี้ แต่เมื่อได้ยินคำตอบจากริมฝีปากสีสวยแล้ว สมุทรก็ใจเย็นขึ้นมาบ้าง พร้อมกับทำความเข้าใจสถานการณ์การเงินของหญิงสาวได้
แล้วทำไมไม่บอกเขากันนะว่าไม่มีรถใช้ ไม่อย่างนั้นเขาเอารถอีกคันให้ยืมแล้ว ที่บ้านเขามีอยู่ตั้งหลายคัน ไม่หวงของกับ ‘เมีย’ แล้วก็ ‘ลูกสาว’ หรอก
แต่ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดอะไรตอนนี้ เขาเป็นห่วงแสนหวานที่มองเขาตาแป๋วมากกว่า ทั้งมลพิษ ทั้งละอองฝน ต่างรุมเร้าลูกสาว
ตัวน้อยของเขาเป็นการใหญ่แล้ว ขืนปล่อยให้เป็นอย่างนี้ แสนหวานต้องไม่สบายแน่
“ขึ้นรถก่อน เดี๋ยวผมจะไปส่ง”
“เอ๊ะ?”
“เอ๊ะอะไรของคุณ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรักกลับเองดีกว่า รักจะเรียกแท็กซี่”
แสนรักรีบบอกเพราะรู้ทันว่าสมุทรต้องกลัวลูกของเธอตากละอองฝนนานแน่ โดยไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้ว สมุทรก็เป็นห่วงทั้งสองคนนั่นแหละ
“ฝนตกแล้ว เรียกรถยากนะรัก ไม่ต้องรอรถแล้ว ไปกับผม ผมจะไปส่ง”
แสนรักทำท่าจะเถียงอีก กระนั้นก็ต้องหยุดเมื่อสมุทรคะยั้นคะยอ
“จะมัวยืนคุยตรงนี้อีกนานไหม เดี๋ยวหนูหวานก็ไม่สบายหรอก ฝนเริ่มลงเม็ดใหญ่แล้วนะ ลูกไม่สบายขึ้นมาจะแย่เอา”
ตอนนี้เองที่แสนรักได้สติและมีความคิดเห็นตรงกับชายตรงหน้าทันที ถึงจะไม่อยากยุ่งกับเขาแต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เธอจำต้องเลือกทางที่ดีที่สุดสำหรับลูกสาวของตัวเอง
“โอเคค่ะ งั้นรักขอรบกวนด้วยนะคะ”
เธอรีบพูดเร็วๆ สมุทรก็พยักหน้า ก่อนที่จะถอดเสื้อสูทออกเพื่อเอามากางกันละอองฝนให้กับแม่ลูกคู่นี้
“ก้าวเร็วๆ อย่าให้ฝนโดนตัวลูก”
เป็นห่วงลูกมากกว่าเมียอีก แสนรักเหล่มองเล็กน้อยแต่ก็ทำตาม กระทั่งมาถึงตัวรถ สมุทรรีบเปิดประตูให้สองแม่ลูกเข้าไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ เมื่อเรียบร้อยแล้ว เขาก็ลดสูทในมือลง ตรงไปประจำยังตำแหน่งคนขับแล้วรีบขับเคลื่อนออกไปก่อนที่จะถูกตำรวจจับข้อหาจอดรถในที่ห้ามจอด บรรดารถข้างหลังบีบแตรใส่ระงมแล้ว สงสัยเขาน่าจะถูกด่าพ่อล่อแม่ไปแล้วล่ะ
ทว่าจะถูกด่า สมุทรก็ไม่สนใจหรอก เขาสนใจสองคนข้างกายมากกว่า
แสนรักล้วงเอาผ้าอ้อมในกระเป๋าสะพายข้างมาซับหยาดน้ำฝนบนดวงหน้าจิ้มลิ้มของแสนหวานเป็นพัลวัน ไม่ลืมเช็ดเส้นผมที่ชื้นน้อยๆ ด้วยกลัวว่าลูกจะไม่สบาย สมุทรเห็นแล้วก็ขมวดคิ้วขึ้นมาพร้อมกับยื่นมือไปลดความแรงของเครื่องปรับอากาศลง
“ทีหลังอย่าพาลูกมายืนจากลมตากฝนอย่างนี้นะ”
เสียงนั้นเรียกสายตาของแสนรักให้หันไปมอง “ไม่มายืนอย่างนั้น แล้วจะกลับได้ยังไงล่ะคะ ลืมไปแล้วเหรอว่ารักไม่มีรถขับแล้ว”
ไม่ได้ลืมหรอก เขาจำได้แม่นเลยทีเดียวล่ะ เพราะงั้นก็เลย...
“ผมจะให้ยืมรถ รักจะได้ไม่ต้องมายืนรอรถเมล์ทุกวัน”
แสนรักตาโตทันที เพราะรู้ว่ารถแต่ละคันของเจ้านายเธอนั้นไม่ใช่รถญี่ปุ่นทั่วไป แต่เป็นรถยุโรปราคาแพงหูฉี่ เธอไม่กล้าเอามาขับหรอก
“ไม่ได้หรอกค่ะคุณสมุทร รักไม่กล้ายืมหรอกค่ะ”
ต่อให้เป็นรถญี่ปุ่นราคาแสนถูก เธอก็ไม่กล้ารบกวนเขาหรอก
ทว่าสมุทรไม่พอใจกับคำตอบของหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ยืมแล้วจะกลับยังไง”
“รักก็...”
“อย่าบอกผมว่าจะมารอรถอีก ผมไม่อยากได้ยิน”
แสนรักก็เลยปิดปากสนิท โอเค ไม่อยากได้ยินก็ไม่พูดก็ได้ เธอก็ไม่อยากถูกเขาทำหน้ายักษ์ดุใส่เหมือนกัน
โดยที่ไม่รู้เลยว่าที่สมุทรพูดจาอย่างนั้นเป็นเพราะเป็นห่วง