“ร้ายได้รึยัง”
แม่ตะโกนถามผมจากหน้าบ้าน แหม เสียงนี่ดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เลยนะที่ผมช้า วัยรุ่นใจร้อนชัดๆ
“ไหนอ่ะแม่ ไม่เห็นมีเลยตระกร้าสีเขียวของแม่อ่ะ”
“ก็แขวนอยู่ข้างๆผนังในครัวนั่นไงเล่า ทำไมตาถั่วแบบนี้ลูกแม่หะ!!!”
นั่นโดนด่าเฉย และคือผมก็พยายามกลับเข้ามามองหา และมองไปที่ผนังแล้วนะ แต่มันก็ไม่มีเลยไอ้ตระกร้าสีเขียวของแม่เนี้ย
“แม่ไม่มีอ่ะ”
“โอ้ยยยยยหาอะไรเจอบ้างเนี้ยร้ายเรานี่มันจริงๆเลยนะ”แม่เดินเข้ามาในครัวด้วยความโมโหก่อนจะมาหยิบตระกร้าสีน้ำเงินที่แขวนไว้ข้างผนังออกมา วอช !!!! นั่นสีเขียวเหรอ มันสีน้ำเงินนะแม่ไม่ใช่สีเขียว
“ก็นี่ไง ทำไมหาไม่เจอเรานี่นะ”
“แม่นั่นมันสีน้ำเงินนะ”
“สีเขียว”
“ไม่ใช่ สีน้ำเงินแม่”
“เอ๊ะ เรานี่รั้นจริงๆ แม่บอกว่าสีเขียวไง”
เออเขียวก็เขียวเพราะผมพยายามเถียงไปก็เท่านั้นเพราะแม่ปักหัวแล้วว่ามันคือเขียว ให้ตายเหอะ นี่ถ้าให้ผมหาต่อนะ หาทั้งวันก็ไม่เจอหรอกเพราะสีเขียวของแม่มันคือสีน้ำเงิน มีแม่ใครเขาเป็นแบบนี้บ้างมั้ยครับ ผมละอยากรู้จริงๆ
หลังจากที่รบกับแม่เสร็จแม่ก็ออกจากบ้านไป ส่วนผมก็เดินขึ้นบันไดมา ว่าแต่ไอ้แสบผมทำอะไรอยู่นะ ผมจึงเดินไปแอบดูนี่ผมไม่ได้โรคจิตนะ เพียงแต่ผมแค่อยากรู้เฉยๆว่าน้องสาวผมทำอะไร แต่พอมาดู ไอ้แสบผมมันไม่ได้แต่งนิยายครับ แต่มันเขียนไดอารี่อะไรซักอย่างนี่แหละลงสมุด ปกติเห็นนั่งพิมพ์ยิกๆทั้งวัน วันนี้ไหงมานั่งเขียนไดอารี่ได้ล่ะ
“แสบ ทำอะไรอ่ะ”ผมเดินมาตบไหล่น้องเบาๆ
“อ้าวพี่ร้าย มาไงเนี้ย ไปซื้อของให้แม่เสร็จแล้วเหรอคะ”
“อืม กลับมาแล้ว ว่าแต่ทำไมวันนี้ไม่เห็นแต่งนิยาย”
“ก็แต่งอยู่นี่ไง ก็คอมมันพัง เอยเลยเขียนลงสมุดแทน”
“พังเหรอลองไปซ่อมก่อนมั้ย”
“เอยก็ว่าจะเอาไปซ่อม แต่มันก็เก่ามากแล้ว มันอาจจะซ่อมไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร เอาไว้เขียนลงสมุดไปก่อน แล้วค่อยพิมลงในโทรศัพท์ก็ได้”
ไอ้แสบหันมายิ้มให้ผมก่อนจะก้มลงไปเขียนลงสมุดต่อ ให้ตายเหอะ ผมรู้สึกช็อคไปแปบนึงเลยนะ เหมือนตัวองเป็นพี่ที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ ทำไมผมถึงไม่รวยเหมือนอย่างคนอื่นๆนะผมจะได้ซื้อทุกอย่างที่ไอ้แสบอยากได้ แล้วคือไอ้แสบมันก็ไม่ได้เรียกร้องด้วย ผมจึงรู้สึกแย่หนักมากขึ้นไปอีก
“เออแสบ ไม่เป็นไร เดี๋ยวเอาของพี่มาใช้ก่อนเลย”
“อ้าว แล้วพี่ร้ายจะใช้อะไรอ่ะ”
“พี่ใช้กับเพื่อนก็ได้ เรานะจำเป็นกว่าพี่อีก เอามาใช้เหอะ”
“แน่ใจเหรอพี่ร้าย”
“อืม ไปเอามาใช้ได้เลย พี่ไม่ว่าจริงๆ”
“รักพี่ร้ายจัง”
ไอ้แสบโผลกอดผมด้วยความดีใจ ก่อนที่ผมจะลูบหัวคนตัวเล็กๆเบาๆอย่างอ่อนโยน ก็มันรักนี่ครับ อะไรที่ผมพอจะทำให้น้องมีความสุขได้ ผมยอมหมดแหละ เห็นผมเป็นแบบนี้ แต่ผมโคตรรักน้องผมเลยนะ
ผมเดินกลับมาที่ห้องก็เห็นไอ้ตะวันมันกำลังพับผ้าห่มและเก็บห้องผมซะเอี่ยมเลย ส่วนบวดฟักทองของผมก็ถูกวางไว้ที่โต๊ะข้างถ้วยของไอ้ตะวันมันนั่นแหละ ผมจึงเดินไปตักกินก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อหางานเสริม ผมกะจะทำงานเสริมช่วงวันหยุดที่ไม่ต้องไปเรียนนี่แหละครับ อย่างน้อย ซัก 2 เดือนผมก็คิดว่ามันก็น่าจะพอที่ทำให้ผมซื้อโน้ตบุ๊คเครื่องใหม่ได้
“จะหางานเพิ่มเหรอ”
ผมตกใจนิดนึงนะที่ไอ้ตะวันมันมาพูดข้างๆหู ว่าแต่มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมผมถึงไม่รู้สึกเลย
“เออ”
“ทำไมวะ เงินไม่พอหรือต้องการทรมานร่างกายตัวเองไปมากกว่านี้”
“ปากดีนะมึงไอ้ตะวัน”
“ก็บอกมาดิว่าจะหางานเพิ่มทำไม เพราะเท่าที่กูดูแค่นี้มึงก็แทบไม่ได้พักละนะ”
ผมก็ไม่รู้ว่าผมควรจะบอกมันดีมั้ยเพราะมันกับผมก็ไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้น แต่พอเห็นมันจ้องมองผมเพื่อรอคำตอบผมก็รู้สึกใจอ่อนยังไงไม่รู้
“เออ เงินกูไม่พอนิดหน่อย”
“นิดหน่อยนะมันแค่ไหนเยอะเหรอ แล้วที่ทำอยู่มันไม่พอเลยรึไง”
น้ำเสียงไอ้ตะวันที่ถามผมมันฟังดูละมุนมากเลยอ่ะ และดูเป็นห่วงผมมากด้วยเช่นกัน ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเข้ามาพูดดีมาทำดีกับผมแบบนี้ทำไม ทั้งๆที่มันกับผมเพิ่งจะเจอกันได้ไม่กี่วันเอง แถมผมยังด่ามันตลอดอีกด้วยนะ มันไม่โกรธผมบ้างรึยังไง
“มึงจะอยากรู้ไปทำไมวะ ไม่ใช่เรื่องของมึงซะหน่อย”
“ก็เพราะกูไม่ชอบเห็นหน้าตามึงเวลาเครียดไง เวลามึงยิ้ม กับเวลาโมโหกู กูว่ามึงดูดีกว่าเยอะ”
ไอ้สัสมาซะกูซึ้งเลย
“นี่มึงกำลังชมกูใช่ปะ”
“อืม ชมดิ แล้วตกลงจะบอกกูได้รึยังว่ามึงขาดเงินเยอะแค่ไหน ”
“ก็เยอะแหละ พอดีโน้ตบุ๊คไอ้แสบมันพัง ตอนนี้มันก็เลยแต่งนิยายลำบากกูเห็นไอ้แสบมันเขียนลงสมุดใหญ่เลย กูเลยจะเอาโน้ตบุ๊คกูให้ไอ้แสบมันเอาไปใช้ก่อน ไอ้จะซื้อใหม่เลยตอนนี้ก็แพง เงินเดือนกูที่ทำตอนเย็นกูก็ให้แม่ไปหมดละ ส่วนเงินที่กูมี ก็เหลือแค่พันกว่าบาทจะเอาตังไหนไปซื้อได้ กูเลยคิดว่าถ้ากูทำงานเพิ่มกูว่า กูน่าจะซื้อโน้ตบุ๊คได้ อยู่นะ เอาที่ราคามันพอเหมาะก็พอ ”
“เหรอ”
นั่นแหละครับคำตอบของไอ้ตะวันมัน มันตอบมาแค่นั้นแล้วมันก็กินบวดฟักทองต่อเลย
ไอ้สัส!!!!! แล้วจะถามกูเพื่อกูนึกว่าจะพูดอะไรหน่อย ไม่มี๊ แถมยังแดกต่อเฉยเลยด้วย กูไม่น่าคิดเองเออเองเลยว่ามึงอาจจะห่วงกูเพราะที่แท้แม่งก็ขี้เสือก
แล้วพอกินเสร็จผมก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงเลยครับ พักผ่อนหน่อยแล้วกันเพราะตอนเย็นผมต้องไปทำงานที่ร้านเฮียที วันนี้คงต้องปั่นยอดกันอีกแล้ว อาจจะเหนื่อย แต่แม่งก็ได้เงินวะ สู้ๆแล้วกันนะตัวกู
เหนือตะวัน
ทุกคนเชื่อเรื่องดวงและคำพยากรณ์มั้ยครับ ดวงที่เขาบอกว่ามันมาคู่กับเส้นการฟชีวิต ผมไม่เชื่อนะ แต่ในชีวิตผมถูกกรอกหูจากคุณปู่มาตลอดว่าผมเกิดฤกษ์เพชรฆาต เป็นฤกษ์ที่ไม่ถูกกับโจโรฤกษ์หรือฤกษ์ดาวโจร คุณปู่จึงพยายามเลี้ยงผมมาแบบตามติดชีวิต และจับตาดูผมตลอด เพราะว่าไม่อยากให้ผมเป็นคนที่ดุดัน เนื่องจากฤกษ์นี้เป็นคนที่เด็ดขาด นิ่ง และเลือดเย็นแต่สิ่งที่ท่านทำกับผมว่ามันกดดันมากกว่านะ เพราะท่านเหมือนจะพยายามไม่ให้ผมไปยุ่งกับใครเท่าไหร่ ท่านให้ผมเลือกคบคนและถ้าใครเป็นเพื่อนผมท่านจะให้คนตามเช็คดวงให้ตลอดเวลา เพราะคุณปู่บอกว่าคนๆนั้นจะทำให้ผมเดือดร้อนซึ่งคำทำนายนี้มาจากหลวงปู่มีคำ อาจารย์ที่ปู่ผมนับถือซึ่งท่านจะพาผมไปกราบไหว้ท่านทุกปี เพื่อดูดวงผมและผูกดวงเพื่อไม่ให้เจอคนที่เกิดฤกษ์ดาวโจร ซึ่งต่างจากเมฆถึงแม้จะเกิดพร้อมกัน แต่ห่างกันแค่นาทีเดียวเมฆก็ไปเกิดฤกษ์อื่นแล้ว คุณปู่จึงดูแลผมเป็นพิเศษนั่นทำให้เมฆพอใจมาก เพราะเมฆไม่ชอบเรื่องอะไรแบบนี้ แต่ผมว่ามีคนนึงนะที่ผมคิดว่าเกิดฤกษ์ดาวโจรทั้งๆที่ไม่ใช่ คนๆนั้นก็คือพ่อผมเอง พ่อที่เจอกันเมื่อไหร่ก็ไม่เคยถูกกันเลย ซักครั้ง
“ตะวัน กราบหลวงปู่ซิลูก” คุณปู่หันมามองผม ผมจึงก้มลงกราบหลวงปู่ที่ 1 ปีจะเจอกัน1 ครั้ง
“กราบนมัสการครับหลวงปู่”
“อืม โตขึ้นเยอะเลยนะตะวัน ปีนี้ก็เข้า 21 แล้วใช่มั้ย”หลวงปู่ยิ้มให้ผม รอยยิ้มนี้ที่ผมเห็นมาตั้งแต่เด็ก จนป่านนี้หลวงปู่ก็ยังคงยิ้มแบบนี้ให้ผมอยู่
“ครับหลวงปู่ ผมขอโทษนะครับที่ผมไม่ได้มาเยี่ยมหลวงปู่เลย”
“ไม่เป็นไร หลวงปู่รู้ ว่าช่วงนี้เรายุ่ง”
ท่านก็จะพูดเป็นปริศนาแบบนี้เสมอแหละครับ ซึ่งผมก็รับฟัง แต่ก็ไม่ได้เก็บเอาไปคิดอะไรเท่าไหร่ก็เพราะท่าน พูดแบบนี้ตลอด
“แล้วปีนี้เป็นยังไงบ้างครับหลวงพ่อ เจ้าตะวัน ดวงดีมั้ยหรือว่าต้องทำอะไรเพิ่ม”คุณปู่ถามหลวงปู่ด้วยคำถามเดิมๆเหมือนที่เคยถามทุกปีอีกเหมือนกัน และเชื่อเหอะว่าหลวงปู่ก็จะตอบว่า เหมือนเดิมว่าไม่มีอะไร
“โยมออกไปรออาตมาข้างนอกก่อนนะโยมศาน ขออาตมาคุยกับตะวันก่อน”
“มีอะไรรึเปล่าครับหลวงพ่อ”
“ไม่มีอะไรหรอก แค่จะผูกดวงให้”
“อ๋อ งั้นผมออกไปรอข้างนอกก็ได้ครับ”
คุณปู่ค่อยๆลุก ผมจึงพยุงท่านให้ออกไปรอด้านนอกก่อนจะเดินกลับเข้ามานั่งพนมมือคุยกับหลวงปู่เหมือนเดิมแต่คราวนี้หลวงปู่จ้องผมนานกว่าทุกครั้งเลย
“มีอะไรรึเปล่าครับหลวงปู่”
“ตะวัน เรานะกำลังจะเจอแล้วนะ คนที่เกิดฤกษ์ดาวโจรที่พยายามเลี่ยงมาตลอด”ผมแอบตกใจนิดนึงนะ พราะผมไม่เคนคิดมาก่อนว่าคนๆนั้นกับผมจะต้องมาเจอกันจริงๆ
“หลวงปู่แน่ใจเหรอครับ”
“อืม แน่ใจ คนคนนั้น จะสร้างความเดือดร้อนให้ตะวันจริงๆอย่างที่หลวงปู่เคยบอก แต่ในทางกลับกันคนคนนั้นก็จะสร้างความสุขให้ตะวันด้วยเหมือนกัน”
“แล้วมันยังไงครับหลวงปู่มันจะดีหรือไม่ดีครับ”
“ก็แล้วแต่ตะวันจะเลือก มันขึ้นอยู่กับใจของตะวันเองแล้ว”
ผมไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่หลวงปู่พูดเท่าไหร่ แต่ก็อย่างที่ผมบอกหลวงปู่มักจะบอกเป็นปริศนาธรรมแล้วให้ผมเอาไปคิดเอาเองเสมอ
“แล้วจะเอายังไง จะให้หลวงปู่ปัดเป่าให้ไม่เจอกันหรือว่าอยากจะลองที่จะเจอ เพราะถ้าหลวงปู่ปัดเป่าให้ เขาจะไม่ได้เจอกับตะวันอีกเลยไปตลอดชีวิต”
ผมก็คิดตามหลวงปู่นะ ถ้าใครคนนั้นคือตัวปัญหา แต่ก็มาพร้อมกับความสุข ผมก็อยากจะเจอ คนๆนั้นซักครั้ง ถึงแม้อาจจะต้องเจอปัญหาต่างๆยังไง ความสุขมันก็อาจจะทำให้ชนะปัญหาก็ได้
“งั้นผมขอไม่ทำนะครับหลวงปู่”
“ตัดสินใจแล้วใช่มั้ย”
“ครับ”
“อืม งั้น เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วกันก่อนตะวันจะอายุ 22 ตะวันจะเจอกับคนคนนั้นแน่ๆ”
แล้วหลังจากนั้นผมกับคุณปู่ก็พากันกลับ คุณปู่ดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะหลวงปู่บอกว่าปีนี้ผมจะมีความสุข ท่านก็เลยเบิกบานอารมณ์ดีแบบนี้แหละครับ แต่จะว่าไป ใครคนนั้นอยู่ที่ไหนกันนะ